‘จระเข้สยาม’ ในกัมพูชา กำลังค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น

‘จระเข้สยาม’ ในกัมพูชา กำลังค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น

ความหวังในการอนุรักษ์ ‘จระเข้สยาม’ ของประเทศกัมพูชากำลังดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ

.
ในปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อนุรักษ์พบลูกจระเข้เกิดใหม่ 8 ตัว ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเซรย์ปก จังหวัดมณฑลคีรี

หรือหากย้อนหลังไปก่อนหน้านั้นอีกปี (2020) ก็พบลูกจระเข้เพิ่งฟักออกจากไข่ถึง 15 ตัวด้วยกัน

และล่าสุดในปีนี้ Fauna & Flora International (FFI) และองค์กรอนุรักษ์ในกัมพูชาเพิ่งปล่อยจระเข้จากศูนย์เพาะเลี้ยงคืนสู่ธรรมชาติอีก 25 ตัว บริเวณเทือกเขากระวาน ซึ่งเป็นบ้านแห่งความหวังในการฟื้นฟูจำนวนประชากร

จระเข้ทั้ง 25 ตัวได้รับการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณเสียง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการติดตามสายพันธุ์ในลักษณะนี้

จระเข้ที่ใหญ่ที่สุดสามตัวได้รับการติดตั้งแท็กดาวเทียมด้วย ซึ่งจะช่วยให้นักอนุรักษ์สามารถรวบรวมข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับช่วงเวลาและพฤติกรรมของสายพันธุ์ได้

การติดแท็กและตรวจสุขภาพก่อนปล่อยเกิดขึ้นที่ศูนย์เพาะพันธุ์อนุรักษ์พนมเปญ ซึ่งบริหารจัดการโดย FFI ร่วมกับองค์การบริหารป่าไม้ของกัมพูชา

หากไม่นับตัวเล็กตัวน้อยที่เพิ่งเกิดหรือที่เพิ่งปล่อยไป กัมพูชามีจระเข้สยามที่โตเต็มวัยอยู่ในธรรมชาติราวๆ 250 ตัว

ในปี 1992 สายพันธุ์จระเข้ได้รับการประกาศว่าคงจะไม่รอดแน่ๆ เนื่องจากจำนวนลดลงถึง 99% ถูกจัดว่าเป็นสัตว์ที่ยืนอยู่ชิดขอบเหวของการสูญพันธุ์มากที่สุดชนิดหนึ่ง

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้จระเข้สยามใกล้สูญพันธุ์เป็นเพราะถิ่นที่อยู่อาศัยถูกทำลาย ถูกเปลี่ยนแปลงสภาพไปเป็นบ้านเรือนและที่ทำกินของคน

หรือที่ยังพอเหลืออยู่บ้าง ก็เสื่อมโทรม เละเทะ ไม่น่าอยู่ และไม่น่าจะมีอะไรให้พอประทังชีวิต

สายน้ำหลายแห่งถูกพัฒนาเป็นแหล่งใช้ประโยชน์ มีเขื่อนพลังน้ำกั้นขวาง มีการทำเหมือง ใช้สารเคมี

ถ้าปีไหนฤดูฝนไม่มาตามนัด ก็จักพบกับความร้อนแล้งอันน่ารันทด

หนังของจระเข้คือเครื่องหมายของราคาทางการค้า อันหมายถึงการล่า การขายส่งให้กับฟาร์มจระเข้แบบผิดกฎหมายที่เคยมีมากมายมหาศาลในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งในไทย กัมพูชา เวียดนาม และจีน

ขณะที่การเพาะพันธุ์จระเข้เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจก็ทำกันข้ามสายพันธุ์ ผสมกันมั่วซั่ว ไม่เหลือเค้าโครงของสายพันธุ์ดั้งเดิม

การอนุรักษ์จระเข้สยามในกัมพูชานั้นเริ่มขึ้นในปี 2000 หลังพบว่ายังมีสัตว์เลื้อยคลานสายพันธุ์นี้หลงเหลืออยู่ในพื้นที่เทือกเขากระวาน และแหล่งธรรมชาติอื่นๆ อีกรวม 18 แห่ง

แต่กว่าโครงการอนุรักษ์จระเข้จะสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างและเริ่มดำเนินการได้จริงก็ต้องรอในอีก 12 ปีต่อมา

ในช่วงต้นได้ดำเนินการปล่อยตัวผู้พันธุ์แท้กลับคืนสู่ป่าในเทือกเขากระวาน เพื่อเพิ่มจำนวนพ่อพันธุ์และความหลากหลายทางพันธุกรรม

ขณะเดียวกัน ก็มีการกำหนดพื้นที่อนุรักษ์ที่มีจระเข้อาศัยให้เป็นเขตคุ้มครอง

มีกิจกรรมร่วมกับชุมชนท้องถิ่นให้ร่วมกันอนุรักษ์และเห้นความสำคัญของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์นี้

โครงการระยะสั้น คือต้องพยายามอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนจระเข้ให้เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อย 150 ตัว ส่วนในระยะยาวกัมพูชาจะต้องมีจระเข้ในธรรมชาติมากถึง 10,000 ตัว

โครงการดำเนินงานโดย FFI ร่วมกับกรมป่าไม้กัมพูชา รวมถึงพันธมิตรองค์กรอนุรักษ์อีกหลายแห่ง

ร่วมรักษาป่าใหญ่ ผ่านระบบ Thai QR Code


ผู้เขียน

Website | + posts

โซเชียลมีเดียที่เขียนบันทึกประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคแอนโทโปรซีน