ประชาคม ปกป้องพื้นที่จากทุนเหมืองแร่ และการใช้มาตรการทางสังคม

ประชาคม ปกป้องพื้นที่จากทุนเหมืองแร่ และการใช้มาตรการทางสังคม

“อยากให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาพื้นที่ โดยเฉพาะกับที่ดินทำกิน เราต้องรักษาไว้ให้ลูกหลาน หากปล่อยให้มีการขุดเจาะอุโมงค์ใหม่ที่ดอนหนองโพธิ์ โดยใช้ระเบิด เรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคาดว่ารุนแรงกว่าบ้านหนองไทรเป็น 10 เท่า  เกิดปัญหาน้ำเค็มดินเค็มอย่างแน่นอน และที่แย่ที่สุดคือแผ่นดินหยุบ”

15 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 08.30 น. นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทดร่วมประชุมการรับฟังความคิดเห็นเรื่อง กรณีมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคล กระทำการฝ่าฝืนมติ ประชาคมหมู่บ้าน ในการไม่สนับสนุนเหมืองแร่ และไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่บ้านสระขี้ตุ่น บ้านสระสมบูรณ์ เพื่อใช้ในกิจการของ เหมืองแร่โปแตช บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ณ วัดสระขี้ตุ่น

เนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ได้มีการประชาคมหมู่บ้าน โดยมีผลการลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ชาวบ้านสระขี้ตุ่น และสระสมบูรณ์ ไม่สนับสนุนเหมืองแร่ และไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่บ้านสระขี้ตุ่น บ้านสระสมบูรณ์ แต่หลังจากมีการประชาคมดังกล่าว พบว่า มีสมาชิกบางคน หรือ บางกลุ่ม มีพฤติกรรมฝ่าฝืนผลการประชาคมดังกล่าว มีการชักชวนให้คนในชุมชนไปรับเงินจากบริษัท ไทยคาลิ จำกัด อันเป็นการสนับสนุนบริษัทฯ อย่างเปิดเผย โดยไม่สนใจเลยว่าการกระทำดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน ของคนในชุมชนในภายหลัง และทำให้ชุมชนของเราเกิดความแตกแยก เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการจัดการรับฟังความคิดเห็นโดยการหามาตรการป้องกัน และมาตรการลงโทษต่อการฝ่าฝืนมติของชุมชน

โดยการประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รองนายกเทศบาล ต.หนองบัวตะเกียด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ชาวบ้านหมู่ 6 และ 13 จำนวนกว่า 220 คน ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ต.หนองไทร จำนวนกว่า 20 คน

ซึ่งในที่ประชุม ชาวบ้านทั้งสองหมู่ได้ร่วมกันอภิปรายถึงเหตุผลที่ต้องการปิดเหมือง โดยนางสาวจงดี มินขุนทด ได้กล่าวถึงข้อห่วงกังวลในที่ประชุมว่า “อยากให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาพื้นที่ โดยเฉพาะกับที่ดินทำกิน เราต้องรักษาไว้ให้ลูกหลาน หากปล่อยให้มีการขุดเจาะอุโมงค์ใหม่ที่ดอนหนองโพธิ์ โดยใช้ระเบิด เรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคาดว่ารุนแรงกว่าบ้านหนองไทรเป็น 10 เท่า  เกิดปัญหาน้ำเค็มดินเค็มอย่างแน่นอน และที่แย่ที่สุดคือแผ่นดินหยุบ” เป็นวาระที่ 1 ไม่ให้ใช้พื้นที่บ้านสระขี้ตุ่น บ้านสระสมบูรณ์ เพื่อขุดเจาะหรือดำเนินการใดๆ ในกิจการของเหมืองแร่โปแตช บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ปิดเหมืองแร่เท่านั้น

กรณีมีสมาชิกบางคน หรือบางกลุ่ม มีพฤติกรรมฝ่าฝืนผลการประชาคมดังกล่าว มีการชักชวนให้คน ในชุมชนไปรับเงินจากบริษัท ไทยคาลิ จำกัด อันเป็นการสนับสนุนบริษัทฯ อย่างเปิดเผย โดยไม่สนใจเลยว่าการ กระทำดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเดือดร้อนของคนในชุมชนในภายหลัง เป็นวาระที่ 2 กฎเกณฑ์ มาตรการทางสังคมของกลุ่ม โดยมีมาตรการดังนี้ กลุ่มจะไม่ร่วมกิจกรรมใด ๆ ของคนที่สนับสนุนเหมือง ไม่ให้ความช่วยเหลือ ตัดความสัมพันธ์ ไม่พูดคุยหรือค้าขายด้วย

ขณะที่ นายกมล ปราณีตพลกรัง ได้แสดงความคิดเห็นกล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากเหมืองขุดเจาะอุโมงค์ใหม่ที่ดอนหนองโพธิ์ จำนวน 3 หลุม “ที่ดอนหนองโพธิ์ เป็นพื้นที่แบ่งน้ำออกไปสามที่ 1.ลงคลองลำมะหลอด 2.ลงคลองอิสานเขียว 3.ที่ไม่มีการกล่าวถึงคือร่องน้ำหรือที่นาของชาวบ้านถึงฝายสระขี้ตุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำและรองรับน้ำจากดอนหนองโพธิ์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในการขุดเจาะที่จะต้องมีการสูบน้ำเค็มออกในปริมาณที่มาก น้ำมันไม่ไหลขึ้นบนมันไหลลงที่ต่ำเสมอ โดยคาดว่าน้ำเค็มนี้จะไหลลงสู่ฝายสระขี้ตุ่นที่เป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญเปรียบดังหัวใจของหมู่บ้าน ซึ่งเราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด”

ทั้งนี้มติที่ประชุมในครั้งนี้ เป็นเอกฉันท์กว่า 220 เสียง ในวาระที่ 1 และ 2 ตามที่กล่าวมาข้างตน จะไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่บ้านสระขี้ตุ่น บ้านสระสมบูรณ์ ต.หนองบัวตะเกียด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เพื่อขุดเจาะหรือดำเนินการใดๆ ในกิจการของเหมืองแร่โปแตช บริษัท ไทยคาลิ จำกัด

 อย่างไรก็ตาม พวกเรากลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด จะไม่ยอมให้มีการเปิดเหมืองโปแตชขึ้นในพื้นที่อีกต่อไป พวกเราจะปกป้อง รักษา และหวงแหนพื้นที่บ้านเกิดเพื่อส่งต่อที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ไว้ให้ลูกหลาน ไม่ใช่ที่ดินที่เต็มไปด้วยแผ่นเกลือ ไม่ใช่น้ำที่เค็มยิ่งกว่าน้ำทะเล

รายงานโดย กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด จ.นครราชสีมา