ชาวบ้านค้านปศุสัตว์นำหมูเถื่อนมาฝัง หวั่นผลกระทบด้านมลพิษ  

ชาวบ้านค้านปศุสัตว์นำหมูเถื่อนมาฝัง หวั่นผลกระทบด้านมลพิษ  

ชาวบ้านกบินทร์บุรีเรียกร้องให้ปศุสัตว์จังหวัด หยุดลักลอบนำหมูเถื่อนเข้ามาฝังกลบในพื้นที่ของสำนักงานศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ปราจีนบุรี เพราะชาวบ้านกลัวว่าจะกระทบสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยในก่อนหน้านี้ได้ระงับการฝังกลบที่จังหวัดสระแก้วมาแล้ว

เหตุทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นจาก กรมปศุสัตว์ ดีเอสไอ กรมศุลกากร สภาเกษตรกร และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ คือ 5 หน่วยงานหลักในการฝังกลบเนื้อหมูเถื่อน กว่า 4.5 ล้านกิโลกรัม จากการตรวจยึดได้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทางกรมปศุสัตว์ได้เคลื่อนย้ายหมูเถื่อนกว่า 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ไปทำการฝังกลบในพื้นที่หลังศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว ต.คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด โดยในวันดังล่าวได้ฝังไปแล้วทั้งหมด 20 ตู้คอนเทนเนอร์

ถัดมาในวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ได้มีการตรวจชั่งน้ำหนักภายในศูนย์วิจัยฯ รอบที่ 2 หลังจากนั้นจะนำหมูเถื่อนไปฝังกลบบริเวณด้านหลังศูนย์วิจัยฯ ซึ่งจะใช้พื้นที่ทั้งหมด 10 ไร่ ท่ามกลางการคัดค้านของชาวบ้านในพื้นที่อย่างหนัก 

แม้ว่านายบุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เดินทางลงพื้นที่เพื่อดูแลความเรียบร้อยในการฝังกลบ อีกทั้งยังยืนยันว่าการฝังกลบครั้งนี้จะสร้างผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ให้น้อยที่สุด และยังมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดูแลการฝังกลบนี้อย่างใกล้ชิด แต่ถึงอย่างนั้น ข้อยืนยันดังกล่าวก็ยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านเชื่อมั่นได้

ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำในครั้งนี้ โดยพวกเขาหวั่นว่าจะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวบ้าน 

อย่างแรกที่ชาวบ้านกังวล คือ ปัญหาน้ำใต้ดินที่เมื่อฝังกลบเนื้อหมูไปแล้วอาจซึมไปยังแหล่งน้ำที่ชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภคอยู่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าได้มีการตรวจวัดคุณภาพน้ำใต้ดินทั้งก่อนและหลัง รวมถึงการนำผ้าใบปูรองด้านล่างบ่อฝังกลับเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีปัญหาส่วนนี้แน่นอน 

ส่วนเรื่องกลิ่นเหม็น ทางนายบุญญกฤช ยืนยันชัดเจนว่า จากประสบการณ์การฝังกลบในพื้นที่อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ชุมชน ก็ไม่เคยเกิดผลกระทบด้านกลิ่นแต่อย่างใด เพราะที่นำมาฝังมีแค่ส่วนเนื้อ ไม่มีส่วนเครื่องในที่เป็นสาเหตุของแก๊สในหลุม 

เวลาต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วได้ทำการสั่งระงับการฝังกลบเนื้อหมูเถื่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะจัดทำประชาคมเพื่อสอบถามความคิดเห็นของชาวบ้านเสร็จ 

จากสระแก้วมาถึงปราจีนบุรีได้อย่างไร?

แม้ว่าผู้ว่าฯ สระแก้วจะทำการสั่งระงับการฝั่งกลบในพื้นที่แล้วก็ตาม แต่เรื่องไม่ได้จบอย่างที่คิด เมื่อมีการโพสต์คลิปลง TikTok เตือนถึงชาวกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีว่า กำลังมีการลักลอบนำหมูเกือบ 1 ล้านกิโลไปฝังในพื้นที่ 

จากวิดีโอดังกล่าวทำให้ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่รับรู้และลงตรวจสอบข้อเท็จจริง จนพบว่า บริเวณที่ดินของปศุสัตว์ ในพื้นที่ ม.6 ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ บริเวณทางเข้ามาการขึ้นป้ายเตือนว่า “เขตควบคุมโรคระบาดสัตว์ ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต ติดต่อประสานงานตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 16.30 น.”

เมื่อมองเข้าไปด้านในพบว่ามีหลุมที่ถูกขุดไว้เตรียมการฝังกลบจำนวน 2 ร่อง ประมาณ 15 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร ลึกถึง 4 เมตร 

ในเวลาต่อมาชาวบ้านที่ทราบเรื่องราวทั้งหมดได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณปากบ่อ เพื่อคัดค้านการนำซากหมูเถื่อนมาฝังกลับ

โดยนายอำเภอกบินทร์บุรีได้รับเรื่องแล้ว จึงได้ให้ทางปลัดและฝ่ายปกครองลงพื้นที่ดูแลชาวบ้าน ตลอดจนมีการจัดรถเวียนดูแล เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งคอยเฝ้าในพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ 

เรื่องที่ชาวบ้านกังวลคล้ายคลึงกับชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ดังกล่าวมีบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่ใช้ผลิตน้ำประปาของชาวบ้านถึง 2 ตำบล ชาวบ้านจึงกลัวว่าการฝังกลับอาจส่งผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้ 

ในวันที่ 27 ตุลาคม 2566 หน่วยงานราชการได้เชิญชาวบ้านในพื้นที่ ต.ลาดนางแก้ว และ ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ร่วมสะท้อนความคิดเห็นการนำเนื้อหมูเถื่อนมาฝังกลบในพื้นที่ 

ผลการประชุมครั้งดังกล่าว ปรากฏว่าชาวบ้านในพื้นที่แจ้งความประสงค์ที่จะไม่ยอมให้เอาเนื้อหมูทั้งหมดเข้ามาฝังกลบเด็ดขาด 

นางนพวรรณ สาพล ชาวบ้านใน ต.หาดนางแก้ว กล่าวว่า ไม่อยากให้นำเนื้อหมูมาฝังกลบในพื้นที่ เพราะอาจจะเกิดมลพิษ และส่งผลต่อสุขภาพและแหล่งน้ำ โดยขอให้หน่วนงานราชการรับฟังความเห็นของประชาชนเป็นหลักด้วย 

อ้างอิง

ภาพประกอบ 

ผู้เขียน

+ posts

หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ