WILD-WRITE : แค่มองต้นไม้ ในที่ที่แตกต่างกัน

WILD-WRITE : แค่มองต้นไม้ ในที่ที่แตกต่างกัน

บ้าน : ลำลูกกา ปทุมธานี

ผมยืนมองต้นไม้ขนาดใหญ่เพียงต้นเดียวในบ้าน กว่า 10 ปีที่เติบโตจนแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โต ร่มเงาท้าทายแดดแรงกล้า ปกป้องแดดในยามบ่ายได้ชะงัด อากาศยังคงร้อนอบอ้าว แต่สายลมเบา ๆ โชยมาให้ชื่นใจ

เสียงนกร้องระงมขับกล่อมเป็นบทเพลงธรรมชาติให้ผ่อนคลาย เราไม่เคยลองถามนก ว่ามันมีสุขมั้ยกับบ้านหลังนี้ อย่างน้อยก็ยังมีบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งให้พักกายเมื่ออ่อนล้า ในเมืองที่หาไม้ใหญ่ได้ยากเต็มที เป็นที่พักใจยามอ่อนล้าแก่เจ้าของที่อยากหลบหนีความสับสน มลภาวะเป็นพิษในรังนอนที่มีอากาศปลอดภัย หายใจได้เต็มปอด

ใครนะ บอกว่า ปลูกต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น เทียบเท่าการติดเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่หนึ่งเครื่อง ท่าจะจริง

 

ท่องเที่ยว : หยางหมินซันไทเป

ผมยืนมองต้นไม้ขนาดใหญ่ในอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซัน ที่อยู่ไม่ไกลนักจากมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่

รถเมล์เลี้ยวเลาะผ่านมหาวิทยาลัยและผู้คนที่อาศัยระหว่างทางขึ้นเขา ถนนหนทางเรียบร้อย ไม่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อให้บั้นท้ายต้องระบม

ไม่กี่นาทีก็ถึงทางเข้าอุทยาน ป่าขนาดใหญ่ที่อยู่รวมกับชุมชนได้อย่างกลมกลืนอยู่ไม่ห่างไกลจากตัวเมืองไทเปเลย  ไม่นานนักมินิบัส 108 ก็หอบเอาคนรักธรรมชาติที่ยืนรอหน้าอุทยานให้ได้สัมผัสกลิ่นอายป่าเขาลำนำไพรที่เกิดจาก ดิน น้ำ ลม ไม้ ผสานกันได้หอมหวลชื่นใจนัก

ผมแวะลงกลางทางตามป้าย เลือกที่จะเดินแทนนั่งรถลัดเลาะผ่านผืนป่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว ทางเดินจัดปูเรียบร้อยให้คนเมืองที่ไม่เคยเดินป่าได้ผ่อนคลาย ป่าไม้ไม่เหมือนบ้านเรา อิสระแต่เป็นระเบียบอย่างบอกไม่ถูก

ผมยืนมองต้นไม้แต่ละต้นระหว่างทางด้วยใจสงบ เสียงลมกระทบไม้ ดอกไม้บานเป็นระยะให้ชื่นชม มอส เฟิร์น ไลเคนขึ้นปกคลุมเขียวครึ้มข้างทางเพราะความชุ่มชื้น ร่องน้ำเล็ก ๆ ซึมจากผืนดินไหลผ่าน ป่าคงโอบอุ้มดูดซับน้ำเอาไว้มาก

หนุ่มสาว ผู้สูงอายุสวมรองเท้าผ้าใบเดินกันอย่างกระฉับกระเฉง มีราวจับเป็นระยะเมื่อทางลาดชัดกันไม่ให้ลื่นล้มผู้คนเดินออกกำลังกายไม่ต่างกับสวนลุมพินีบ้านเรา

ผมสูดหายใจจนเต็มปอด เหมือนคนที่ไม่ได้หายใจรับอากาศบริสุทธิ์มานานเต็มที ลมเย็นโชยมา ใบไม้ไหวอ่อนพริ้วตามแรงลมกวักไกวราวกับระลอกคลื่นสีเขียวที่มองเห็นแต่ไกลบนทิวเขาเทือกหน้า

ผมนั่งพักระหว่างทางด้วยความเหนื่อยล้า ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยชะล้างเรื่องราวหมักหมมในจิตใจให้หมดไป

 

ท่องเที่ยว : ห้วยขาแข้ง อุทัยธานี

ผมยืนมองต้นไม้ขนาดใหญ่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2534

บ้านพักของคุณสืบ นาคะเสถียร กับข้าวของเครื่องใช้บางอย่างยังคงจัดไว้ในห้องทำงานและห้องนอนในอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ภาพต่าง ๆ ทำให้รำลึกถึงเหตุการณ์ที่หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้นในตอนเช้ามืดวันที่ 1 กันยายน 2533

เสียงเพรียกจากพงไพรยังคงร่ำไห้ ความเงียบสงบรอบ ๆ อนุสรณ์สถานทำให้ผมรู้สึกเศร้าใจ พร้อมกับคำถามมากมาย นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องมีการสูญเสีย ผู้คนจึงเหลียวหลังกลับมามอง หรือเสียงตะโกนของคนเล็ก ๆ ไม่อาจสร้างแรงกระเพื่อมได้หากไม่ถูกปลุกเร้าด้วยกระแสสังคมจนคนที่รับผิดชอบต้องเงี่ยหูลุกขึ้นมาฟัง เพราะเกรงจะถูกตำหนิแทนที่ตระหนักรู้

รูปปั้นคุณสืบ นาคะเสถียร ในชุดเดินป่าที่มุ่งมั่น อาจเป็นสิ่งที่คอยเตือนใจให้เราหวงแหนป่าเขาลำนำไพร ภารกิจที่ไม่เคยเสร็จสิ้น ป่าจำเป็นต้องถูกปกป้อง หากไม่อยากให้ถูกทำร้ายและทำลาย

ป่าโอบอุ้มสิ่งมีชีวิตมากมายให้ก่อกำเนิด เป็นที่อยู่อาศัย เป็นต้นน้ำลำธารให้มนุษย์เบื้องล่างได้ดำรงชีวิต ให้สัตว์ป่าได้มีที่อยู่อาศัยในบ้านที่อุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อความโลภเข้าครอบงำใครบางคน ป่าหมด น้ำหาย สิ่งมีชีวิตล้มหายตายจาก เขาคนนั้นจะรู้สึกบ้างหรือไม่ หนึ่งคนทำลายชีวิตเป็นพันหมื่นแสนล้าน หรือแค่ความมั่งคั่งจากการเบียดบังป่า ปิดใจจนมืดมิด ไม่เหลือซอกหลืบให้แสงสว่างได้เล็ดรอดผ่านสู่กลางใจ 

 

ที่ทำงาน : ถนนในกรุงเทพมหานคร

ผมยืนมองต้นไม้ขนาดใหญ่สองข้างทางและเกาะกลางถนน กิ่งไม้ที่เริ่มแผ่ขยายปกคลุม พอให้ความชุ่มชื้น บดบังแสงแดดเป็นร่มเงาแก่ผู้เดินถนนได้คลายร้อนจากแสงแดดแผดเผา กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตัดสิทธิ์ริดรอนเหลือแต่ตอโทษฐานบังอาจเกี่ยวพันสายไฟ สายโทรศัพท์ สายอินเตอร์เน็ตที่พันกันพะรุงพะรัง ดอกไม้ที่เริ่มผลิบานสะพรั่งสวยงามเมื่อวันวาน วันนี้เหลือแค่ลำต้นกับกิ่งด้วนยืนเด่นราวกับนักโทษประหารถูกแขวนคอประจานต่อหน้าผู้คนที่เดินผ่านสัญจรไปมา

ผมอดสังเวชใจไม่ได้ ป่าลึกถูกมือมืดลักลอบตัดไม้ด้วยความละโมบ คนรักป่าอย่างแท้จริงเหลือน้อยเต็มที บุกรุกเหยียบย่ำ ล่าสัตว์ ราวกับป่าไม่มีชีวิต เมืองใหญ่รื้อถอนไม้ใหญ่หลีกทางให้สิ่งปลูกสร้าง ขุดโค่น โยนทิ้ง ของบปลูกใหม่ ปล่อยทิ้ง ตายซ้ำ วนเวียนเป็นวัฎจักรไม่รู้จบ

เราไหว้วานคนที่ไม่รักต้นไม้มาดูแลต้นไม้ ตัดให้โกร๋นดูจะเป็นทางออกที่ (มัก) ง่ายในการไม่ต้องดูแลบ่อยนัก หากเรายังไม่เรียนรู้ที่จะรักต้นไม้อย่างแท้จริง จะผ่านไปอีกหลายสิบปี ต้นไม้ก็คงไม่มีวันได้เติบใหญ่มากไปกว่านี้

 

บ้าน: ลำลูกกา ปทุมธานี

ผมยืนมองต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ผมปลูกด้วยตนเองตั้งแต่เป็นต้นกล้ากิ่งอ่อน ๆ ต้นไม่ถึงฟุตเมื่อ 12 ปีที่แล้วในสวนสาธารณะภายในหมู่บ้าน วันนี้ต้นกล้าจามจุรีที่ได้เติบโตแผ่กิ่งก้านสาขา เป็นร่มเงาขนาดใหญ่ให้นกอาศัย เป็นที่ ๆ เด็กเล็กในหมู่บ้านได้โอบกอดสัมผัส วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในยามแดดล้า

ผมได้แต่คิดในใจ กว่าต้นไม้ต้นหนึ่งจะเติบโตได้สูงเท่าบ้านหนึ่งหลัง ต้องใช้เวลาร่วมกว่า 10 ปีเทียบไม่ได้กับต้นไม้ที่สูงชะลูดใหญ่ตระหง่านในป่าเขา บางต้นอาจนานหลายสิบหลายร้อยปี กลับสามารถถูกโค่นล้มได้เพียงชั่วพริบตา เหลือแต่ตอเหี้ยนโล่งในเสี้ยวนาที

ผมเริ่มไม่แน่ใจว่า การปลูกต้นไม้ทดแทน จะเพียงพอกับสิ่งที่สูญหายหรือไม่ หากคนดูแลในบ้านเมืองนี้ยังไม่รักป่าอย่างที่ควรจะเป็น

ผมรู้ตัวว่าไม่ได้รักต้นไม้ ไม่ได้รักป่ามากมายเท่าหลาย ๆ คนที่ร่วมใจกันหวงแหนผืนป่า ยิ่งเทียบไม่ได้เลยกับคนที่ทุ่มเทเสียสละทั้งชีวิตเพื่อปกป้องป่าไม้ด้วยแรงกายและแรงใจ

ทุกวันนี้เรายังคงได้ยินข่าวลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นระยะ

ใครนะ บอกว่า โลกใบนี้มีทรัพยากรเพียงพอสำหรับมนุษย์ทุกผู้ที่อยู่อาศัย แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนโลภที่ไม่รู้จักพอเพียงคนหนึ่ง ท่าจะจริง

 

สุวัฒน์ โปษยะวัฒนากุล

 

WILD-WRITE โครงการเปิดรับต้นฉบับบทความ สารคดี บทกวี บอกเล่าเรื่องราว สืบ นาคเสถียร ในความทรงจำ เนื่องในวาระครบรอบ 30 ปี สืบ นาคะเสถียร

ชวนเล่าเรื่อง สืบ นาคะเสถียร ในมุมมองความประทับใจของคุณ หรือจะเป็นเรื่องราวที่เก่ียวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คุณประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติ หรือแม้แต่ความประทับใจจากการเดินทางเที่ยวชมไพรกว้างและมหาสมุทรสุดขอบฟ้าก็ยินดีเปิดรับ

บอกสิ่งที่คุณคิด บรรยายสิ่งที่คุณรู้สึก และบอกเล่าเรื่องราวอย่างสร้างสรรค์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ กิจกรรม WILD WRITE ชวนเล่าเรื่องจากป่าสู่เมือง (ซีรีย์ 1)