เพิ่มอัตราการรีไซเคิลด้วยกฎหมายให้บริษัทรับผิดชอบขยะของตัวเอง

เพิ่มอัตราการรีไซเคิลด้วยกฎหมายให้บริษัทรับผิดชอบขยะของตัวเอง

การศึกษาฉบับล่าสุดเปิดเผยว่าสหรัฐอเมริกาสามารถเพิ่มอัตราการรีไซเคิลกระดาษและบรรจุภัณฑ์ได้เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์หากมีการบังคับใช้กฎหมายที่ระบุให้ผู้ผลิตจะต้องรับผิดชอบการจัดการบางส่วนหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ถูกทิ้งลงถังขยะ 

กฎหมายความรับผิดชอบของผู้ผลิตอย่างกว้าง (Extended producer responsibility หรือ EPR) ค่อนข้างแพร่หลายในเอเชียและยุโรป แต่เพิ่งมีการประกาศใช้ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายฉบับดังกล่าวบังคับให้บริษัทที่ผลิตสินค้าซึ่งกองอยู่ในที่ทิ้งขยะจะต้องร่วมจ่ายเงินให้กับองค์กรที่ดูแลเรื่องการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์เหล่านั้น

ในปี 2021 รัฐเมนและโอเรกอนเป็นสองรัฐแรกที่ผ่านกฎหมายดังกล่าวสำหรับขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ ตามมาด้วยโคโลราโดและแคลอฟอร์เนียในปีถัดมา

ความร่วมมือเพื่อการรีไซเคิล องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึงการรีไซเคิล ประเมินผลลัพธ์ของกฎหมาย EPR ในเจ็ดพื้นที่ทั่วโลกตั้งแต่เกาหลีใต้ไปจนถึงบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา โดยพิจารณาทั้งความหลากหลายด้านขนาด ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ และลักษณะของนโยบาย

การศึกษาพบว่าถึงแม้รายละเอียดจะแตกต่างกัน แต่อัตราการรีไซเคิลสำหรับวัสดุเป้าหมายในทั้งห้าพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกสองแห่งเพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ในเบลเยียมและสเปน การเปรียบเทียบก่อนและหลังนั้นแตกต่างกันอย่างมาก โดยอัตราการรีไซเคิลเพิ่มขึ้นจากต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์เป็น 80 เปอร์เซ็นต์

Dylan de Thomas หัวหน้าทีมวิจัยและรองผู้อำนายการด้านนโยบายสาธารณะและภาครัฐขององค์กรความร่วมมือเพื่อการรีไซเคิลระบุว่าการเพิ่มขึ้นนั้นมีหลายสาเหตุ

กฎหมายช่วยให้มีเงินมากขึ้นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานอย่างโรงแยกขยะ พร้อมทั้งบังคับให้ทุกชุมชนมีการเข้าถึงทางเลือกการรีไซเคิลอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะเป็นชุมชนเมืองหรือชุมชนชนบท นอกจากนี้ ยังมีการให้แรงจูงใจทางการเงินเพื่อให้ผู้ผลิตออกแบบบรรจุภัณฑ์เสียใหม่เพื่อลดขยะอีกด้วย

การวิเคราะห์พบว่าเมื่อนำวิธีเดียวกันนี้มาปรับใช้กับสหรัฐก็จะได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน โดยเป็นการเพิ่มการจัดเก็บและจัดการขยะเหล่านั้น Dylan de Thomas กล่าวเสริมว่า “อุตสาหกรรมรีไซเคิลในสหรัฐเติบโตตามยถากรรม แต่รีไซเคิลควรจะจัดการเป็นระบบเดียวกันที่มีมาตรฐาน ไม่ใช่ให้แต่ละชุมชนจัดการกันเอง”

เขาอ้างถึงรัฐโอเรกอนบ้านเกิดของเขาที่ใช้กฎหมาย EPR ในปี 2021 เป็นตัวอย่างว่ากฎหมายดังกล่าวจะทำงานอย่างไร “ตอนนี้เราสามารถรีไซเคิลของได้หลากหลายอย่างในพอร์ตแลนด์ เมื่อเทียบกับรัฐชายทะเล” เขากล่าว “หลังจากมีการบังคับใช้กฎหมาย ทุกคนจะมีระบบรีไซเคิลแบบเดียวกัน นี่คือข้อดีของ EPR เพราะทุกคนจะเข้าถึงระบบเดียวกันเมื่อเขาทิ้งขยะ”

ความสนใจด้านกฎหมาย EPR มีเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับความตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติก พลาสติกนั้นล้นที่ทิ้งขยะ ปนเปื้อนในมหาสมุทร แหล่งน้ำ และเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า นอกจากนี้ ยังมีการพบไมโครพลาสติกปนเปื้อนในระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์ หรือกระทั่งนมแม่อีกด้วย

อัตราการรีไซเคิลในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติกนั้นต่ำมากๆ โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ของขยะพลาสติกทั้งหมดในปี 2018 อ้างอิงจากหน่วยงานคุ้มครองด้านสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ

ถอดความและเรียบเรียงจาก Making companies pay for trash they produce boosts recycling, study finds

ผู้เขียน

+ posts

บัณฑิตการเงินและการบัญชีที่สนใจความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่าน เขียน เรียนคอร์สออนไลน์ และเลี้ยงลูกชายวัยกำลังน่ารัก