‘กลุ่มฅนบ้านเกิดฯ สระสมบูรณ์-สระขี้ตุ่น รื้อถอนแท่นปูนขุดเจาะเหมืองแร่โปแตช

‘กลุ่มฅนบ้านเกิดฯ สระสมบูรณ์-สระขี้ตุ่น รื้อถอนแท่นปูนขุดเจาะเหมืองแร่โปแตช

24 มิถุนายน 2566 นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด บ้านสระสมบูรณ์และบ้านสระขี้ตุ่น ต.หนองบัวตะเกลียด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กว่า 70 คน ได้ร่วมกันทำกิจกรรมรื้อถอนแท่นปูนที่บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ได้เตรียมไว้สำหรับดำเนินการขุดเจาะสำรวจแร่โปแตช เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 โดยที่ไม่มีการแจ้งข้อมูลการดำเนินการให้ชาวบ้านในพื้นที่ ไม่มีการชี้แจงวัตถุประสงค์ของการขุดเจาะ ไม่มีมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่มีการประชาคมชาวบ้านในพื้นที่ และไม่มีการขออนุญาตขุดเจาะสำรวจแร่โปแตช รวมถึงทำความสะอาดพื้นที่ให้กลับมาสู่สภาพเดิมให้ได้มากที่สุด หลังจากที่ได้ทำการพูดคุยและได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดิน

ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา นักปกป้องสิทธิฯได้ทำการประชุมการรับฟังความคิดเห็นแบบเร่งด่วน เรื่อง การใช้พื้นที่บ้านสระสมบูรณ์ และบ้านสระขี้ตุ่น เพื่อใช้ในกิจการของเหมืองแร่โปแตช บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ณ วัดสระขี้ตุ่น เนื่องจากเจ้าของที่ดินได้แจ้งต่อนักปกป้องสิทธิฯว่าหากมีการประชาคมชัดเจนจากชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าของที่ดินก็จะยกเลิกสัญญาไม่ดำเนินการต่อ ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่บ้านสระสมบูรณ์ บ้านสระขี้ตุ่น เพื่อขุดเจาะหรือดำเนินการใดๆในกิจการของเหมืองแร่โปแตชของบริษัทดังกล่าว และต่อมาวันที่ 15 มิถุนายน นักปกป้องสิทธิฯได้ยื่นผลการประชาคมหมู่บ้านให้แก่นายกเทศบาลตำบลหนองบัวตะเกียด เพื่อยืนยันเจตนารมย์ของชาวบ้านในพื้นที่ และเทศบาลได้แจ้งว่าได้คุยทางวาจากับบริษัทฯ แต่บริษัทฯบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรื้อถอนแท่นขุดเจาะออกจากพื้นที่ ทั้งที่เจ้าของที่ดินได้ทำการยกเลิกข้อตกลงและคืนเงินให้กับบริษัทฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยในเวลาประมาณ 08.30 น. นักปกป้องสิทธิฯได้ทำพิธีกรรมตามความเชื่อท้องถิ่น เพื่อเลี้ยงบอกกล่าว พ่อใหญ่จันทร์ดุ พ่อใหญ่บุญรือ และขุนจำนงค์ ซึ่งเป็นเจ้าที่เจ้าทางที่คนในหมู่บ้านใหความเคารพนับถือและคอยปกป้องรักษาหมู่บ้านให้ชาวบ้านได้อยู่เย็นเป็นสุขปราศจากภัยอันตรายหรือสิ่งชั่วร้าย ที่ศาลพ่อใหญ่จันทร์ดุที่ตั้งอยู่ในบริเวณริมฝายแหล่งน้ำประปาหมู่บ้าน ก่อนจะรำถวายแล้วพร้อมใจกันเดินเท้าเป็นขบวนแห่ไปยังบริเวณพื้นที่เท่แท่นปูนอย่างสนุกสนานและพร้อมเพียงกัน

 ซึ่งเมื่อเดินเท้าไปถึงที่หมายก็ได้ทำการปรับขบวนล้อมวงรอบแท่นปูน ก่อนที่ร่างทรงของพ่อใหญ่จันทร์ดุที่ฟ้อนนำขบวนแห่มาตั้งแต่ศาลจะทำการยกเท้าเหยียบเดินบนแท่นปูนเพื่อเหยียบสิ่งชั่วร้ายให้จมสู่ธรณีตามวิถีความเชื่อของชุมชน และหลังจากนั้นนักปกป้องสิทธิฯก็ยกเท้าขึ้นเหยียบแท่นปูนตะโกนพร้อมกันว่า “พี่น้องเอ้ย!!! เอ้ย!!! กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดไม่เอาเหมืองแร่!!! เหมืองแร่ออกไป!!!” และหลังจากนั้นทุกคนก็เดินออกมารอดูอยู่รอบนอกเพื่อให้รถแม็คโครได้ทำการรื้อถอนแท่นปูนออก โดยขณะที่รถแม็คโครกำลังทำการรื้อถอนก็มีเสียงเชียร์ “เฮ้!” จากนักปกป้องสิทธิฯที่ให้กำลังใจคนขับรถเป็นระยะ ๆ บ้างก็ทำการฟ้อนรำกันอย่างสนุกสนานเพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความสนุกสนาน และถึงแม้บรรยากาศจะค่อนข้างร้อนแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการอยู่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

โดยนางสาวจงดี มินขุนทด นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด กล่าวถึงความรู้สึกว่า “การได้เข้าไปรื้อถอนสร้างความสบายใจเพราะเรากลัวการกลับมาขุดเจาะของเหมืองแร่อีกครั้ง ตราบใดที่ยังไม่มีการรื้อถอนก็ยังจะสร้างความกังวลใจให้ชาวบ้านอยู่ แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักเพราะสิ่งที่จะทำให้สบายใจขึ้นก็คือเหมืองแร่โปแตชหยุดการดำเนินการทุกอย่างก่อน และทำการฟื้นฟูพี่น้องเราที่ได้รับผลกระทบให้มีความเป็นอยู่หรือการดำเนินชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ภาพผลกระทบที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจริง อย่างเช่น น้ำเค็ม ดินเค็ม สภาพสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนพี่น้องของเราไม่สามารถทำมาหากินได้ เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก ถ้ามีการทำเหมืองแร่ที่ดอนหนองโพธิ์ บ้านสระสมบูรณ์ บ้านสระขี้ตุ่น ได้รับผลกระทบต่อแหล่งน้ำและชุมชนอย่างแน่นอน เพราะพื้นที่ตรงดอนหนองโพธิ์เป็นพื้นที่ดอน บ้านเราเป็นที่ลุ่ม กระแสน้ำต้องไหลลงพื้นที่ต่ำ นี้คือหัวใจหลักที่เราต่อต้าน”

“อยากขอเชิญชวนพี่น้องของเราร่วมแรงใจเป็นหนึ่ง เพื่อต่อต้านการทำเหมืองแร่ เพราะผลกระทบที่เราเห็นกับพี่น้องของเราที่บ้านหนองไทร เราไม่อยากเผชิญชะตากรรมเดียวกัน เพราะผลกระทบของพี่น้องเราบ้านหนองไทรไม่ได้รับการเยียวยาอะไรเลย เหมือนทิ้งให้เขาต้องเผชิญกับโชคชะตาที่น่าสงสาร เพราะการฟื้นฟูเราก็ไม่แน่ใจเลยว่าจะฟื้นฟูได้จริงหรือไม่ เลยไม่ต้องการให้พี่น้องสระสมบูรณ์สระขี้ตุ่นต้องเผชิญกับโชคชะตานั้น อยากเชิญพี่น้องร่วมใจกันต่อต้านการทำเหมืองโปแตชให้หยุดขยายพื้นที่ แล้วกลับไปฟื้นฟูพี่น้องหนองไทรอย่างจริงจังก่อน” นางสาวจงดีกล่าว และเชิญชวนทุกคนร่วมออกมาส่งเสียงให้หน่อยงานภาครัฐจังหวัดนครราชสีมา หยุดการดำเนินการทำเหมืองแร่ทุกอย่างไว้ก่อน จนกว่าจะแก้ไขปัญหาผลกระทบที่บ้านหนองไทรให้กลับมาคืนสภาพเดิม ซึ่งได้นัดพบกันที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 26 มิถุนายน 2566 เวลา 08.00 น.

รายงานโดย กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด จ.นครราชสีมา