[ก้าวสู่ปีที่ 31] อย่าคุกคามป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันออก ใจกลางมรดกโลกของเราเองเลยครับ

[ก้าวสู่ปีที่ 31] อย่าคุกคามป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันออก ใจกลางมรดกโลกของเราเองเลยครับ

ผมจำได้แม่นว่าราวๆ เดือนเมษายน ปี 2551 ผมมีประเด็นกับเรื่องจะมีคณะล่องแพจากอุ้มผางลงมาเมืองกาญจนบุรี ผ่านทุ่งใหญ่นเรศวรสองทุ่ง คือด้านตะวันออกตัดลงมาด้านตะวันตก เวลานั้นผมบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ แต่จำได้ว่าไม่ได้ไปเผยแพร่ที่ไหน เพราะเกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือที่มีส่วนในการทำให้เกิดเรื่องนี้ แต่ผ่านมาหลายปีแล้วคงบันทึกไว้เตือนความทรงจำได้แล้วละ

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพบว่าเส้นทางแม่สอดอุ้มผางที่ผ่านเทือกเขาสูงวกวนกว่าพันโค้งทำให้ผมทบทวนความรู้สึกเมารถเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ทั้งๆ เรียกได้ว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นคุ้นเคยของเราในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา และบนทางชันโค้งเคี้ยวนี้ก็ไม่เคยทำให้เราเมารถได้แบบนี้มาก่อน

ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกไม่สบายแบบนี้กับการเดินทางเพื่อทำภารกิจสบายๆ ในการประสานคณะวิทยากรจากการเคหะแห่งชาติมาเผยแพร่ความรู้ในการใช้จุลินทรีย์เพิ่มผลผลิตการเกษตรให้ชาวบ้านที่อุ้มผาง ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวลกับการเตรียมการที่ทุกฝ่ายได้นัดหมายและตระเตรียมมาเป็นอย่างดี แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีคล้ายกับว่ามีสถานการณ์อะไรสักอย่างที่คอยเราอยู่

พรรคพวกคนทำงานอนุรักษ์ที่อุ้มผางเป็นคนให้คำตอบในกระดาษพิมพ์กำหนดการของคณะจากจังหวัดกาญจนบุรีมาล่องแพสำรวจป่าต้นน้ำแม่กลองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันออก บนเหตุผลในการสำรวจภูมิประเทศและศึกษาปัจจัยคุกคามสัตว์ป่า แต่บนกระดาษแผ่นนั้นปรากฏรายนามผู้สนับสนุนการเดินทางจากภาคธุรกิจขนาดใหญ่เต็มไปหมด และมีหน่วยงานการท่องเที่ยวระดับชาติของเรารวมอยู่ด้วย

ที่น่าตกใจคือข้อมูลที่เราทราบว่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์เขตบ้านโป่งทางตอนใต้ และเขตตากทางตอนเหนืออนุญาตมาแล้วเป็นลำดับ และอยู่ในขั้นตอนขออนุมัติถ่ายทำภาพยนตร์จากส่วนกลาง

แน่นอนว่าไม่ปรากฏคนที่คุ้นชื่อทางการศึกษาป่าไม้สัตว์ป่า และผู้ทำงานอนุรักษ์ที่รู้จัก ตรงกันข้ามทั้งหมดเป็นโปรแกรมล่องท่องเที่ยวผจญภัยที่จัดการโดยทัวร์อาชีพฝีมือดีแห่งอุ้มผาง เสริมด้วยการส่งเสบียงจากช้างและการคุ้มกันความปลอดภัยจากทีมทหารอย่างเอิกเกริก ไม่รวมกำหนดการจัดเลี้ยงแถลงข่าวภารกิจครั้งนี้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

หลายปีที่ผ่านมาเราพยายามทำงานความคิดกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ผ่านระบบการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม โดยทางผู้รับผิดชอบหลักคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็มีนโยบายให้เกิดคณะกรรมการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจากตัวแทนในพื้นที่คอยปรึกษาหารือและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งใดที่จะเกิดขึ้นบนเวทีประชุมที่เป็นมิตรและสร้างสรรค์

หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันออก ที่ผ่านมาแทบทุกคนยืนยันตรงกันว่าหากเปิดการท่องเที่ยวในเส้นทางดังกล่าวจะเกิดผลกระทบใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศใจกลางป่ามรดกโลก เพราะผ่ากลางพื้นที่หัวใจป่าของมรดกโลกห้วยขาแข้งทุ่งใหญ่นเรศวร และเป็นการคุกคามความลงตัวของการจัดการชุมชนกะเหรี่ยงในป่าลึกตามวิถีวัฒนธรรม

ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วคนทำทัวร์ที่อุ้มผางก็ดำเนินการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่เป็นเหมือนห้องรับแขกที่น้ำตกทีลอซู และล่องแก่งที่ยาวหลายสิบกิโลเมตรไปถึงน้ำตกทีลอเล ในขณะที่รอบพื้นที่ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ก็เป็นห้องรับแขกใหญ่ที่ให้คนสัมผัสธรรมชาติ เสริมความเข้าใจในระบบนิเวศ รวมถึงมีโอกาสพบเห็นสัตว์ป่าตามสมควร

การจัดการทัวร์ที่รู้พอ รู้ประมาณนี้ทำให้อุ้มผางยังเป็นป่าดิบที่สมบูรณ์ มีเสน่ห์ลึกลับ และมีอนาคตที่ยั่งยืนตลอดมา

กล่าวก็กล่าวเถอะ ผมคิดว่าที่จริงแล้วผมเคยรู้จักหัวหน้าคณะที่พามา เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือแห่งเมืองสังขละบุรี ผมเคยได้รับเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำในบ้านของท่านในการประชุมคณะกรรมการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ครั้งหนึ่ง และยังชื่นชมในคุณภาพหนังสือเต็มชั้นในบ้านหลังงามริมเขื่อนเขาแหลม จำความรู้สึกประทับใจในความมีรสนิยมและบุคลิกปัญญาชนของท่านได้อย่างดี

ผมคิดว่า กำหนดการครั้งนี้ต้องมีผู้จับแพะชนแกะ ทำให้ไขว้เขว และสร้างกิจกรรมที่ดูไม่เข้าทีเช่นนี้ผ่านท่าน และแน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีใครได้อะไร มีแต่เสียชื่อ เสียหายไปถึงผลกระทบต่อการเปิดพื้นที่สมบูรณ์ทางนิเวศที่ดีที่สุดของเราไปเป็นแค่ที่เที่ยวผจญภัยอีกที่หนึ่ง ซึ่งความเสียหายครั้งนี้ร้ายแรงต่อความเป็นมรดกโลกเลยทีเดียว   

และแน่นอนว่าฝ่ายจัดทัวร์ที่อุ้มผางก็เสียหายในแง่ของการมีอภิสิทธิ์เหนือเพื่อน และเจ้าของกิจการเองก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียง ที่สำคัญคือท่านก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของพื้นที่ทุ่งใหญ่ ด้านตะวันออก การรับงานสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ก็รังแต่ทำให้เสียหลักการเสียเครดิตไปเสียเปล่าๆ

ผมตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาพี่ข้าราชการที่นับถือในสำนักงานเขตบ้านโป่ง เพื่อขอร้องให้คุยกับหัวหน้าคณะเดินทาง ให้ขอร้องให้ล้มเลิกความคิด แต่เราก็ผิดหวังเนื่องจากขั้นตอนต่างๆ ล้ำไปจนเกินห้ามเสียแล้ว

ผมไม่รู้ว่ามีอะไรปัดเป่าเหตุการณ์ครั้งนี้ให้รอดพ้นจากความเสียหายของทุกฝ่ายไปได้เมื่อข่าวไปถึงท่านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และมีคำสั่งด่วนให้ผู้รับผิดชอบในพื้นที่ยุติเหตุการณ์ไม่ดีทั้งหมดที่ปลายทาง

ผมหันหน้าไปทางทิศใต้ และยกมือไหว้อธิฐานจิตไปถึงศาลฤๅษีที่ทุ่งใหญ่ตะวันตกอย่างไม่มีเหตุผล

หมายเหตุ : ต้นปี 2551

ผู้เขียน

Website | + posts

ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร (18 กันยายน 2558 - ปัจจุบัน)