ก่อร่างสร้าง ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ ก้าวที่สองการจัดการพื้นที่แนวกันชนป่าห้วยขาแข้งอย่างมีส่วนร่วม

ก่อร่างสร้าง ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ ก้าวที่สองการจัดการพื้นที่แนวกันชนป่าห้วยขาแข้งอย่างมีส่วนร่วม

นับจากวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และคณะกรรมการป่าชุมชนรอบผืนป่ามรดกโลก ได้ร่วมประชุมหาแนวทางการจัดการพื้นที่แนวกันชนป่าห้วยขาแข้งอย่างมีส่วนร่วม จนเกิดแนวทางการทำงานเบื้องต้น ถึงวันนี้ความคืบหน้าได้ย่างเข้าสู่ก้าวที่สองของการทำงาน

โดยเมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 มูลนิธิสืบฯ ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่แนวกันชนป่าห้วยขาแข้ง ทั้งเรื่องป่าชุมชนและคณะกรรมการป่าชุมชน สถานการณ์และภัยคุกคามบริเวณแนวกันชน ประเด็นปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ รวมถึงข้อมูลสถานภาพพื้นที่แนวกันชนในปัจจุบัน จนสามารถแบ่งโซนการทำงานออกมาเป็น 6 กลุ่มพื้นที่ ไล่ตั้งแต่ทิศเหนือจรดใต้ ที่มีบริบทสถานภาพพื้นที่และปัญหาที่พบแตกต่างกันออกไป

ตัวอย่างเช่น แนวป่ากันชนทางด้านทิศเหนือของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งพบว่ามีสัตว์ป่าออกมาใช้พื้นที่หากินเป็นจำนวนมาก บางพื้นที่มีตัวอย่างการจัดการและแก้ไขปัญหาไปแล้วในบางส่วน ขณะที่บางพื้นที่ประเด็นดังกล่าวยังคาราคาซัง และต้องเร่งมือร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหา

ซึ่งจากข้อมูลที่ได้ มูลนิธิสืบฯ ได้นำมาจัดทำเป็นแผนการทำงานประจำปี 2568 ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การทำงานว่าด้วยการพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ในการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลเพื่อคงคุณค่าป่าห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่ และยุทธศาสตร์ขยายการทำงานสู่พื้นที่โดยรอบป่าห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่

และเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา มูลนิธิสืบฯ ได้จัดประชุมหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานในพื้นที่ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ภายใต้สังกัดสำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขานครสวรรค์ กรมป่าไม้ และหน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 นครสวรรค์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรง

โดยการหารือแนวทางการดำเนินงาน เป็นการประชุมเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรง และหาแนวทางบูรณาการการทำงานร่วมกัน เสมือนเป็น ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ ในประเด็นต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ทั้ง 6 โซน ประกอบด้วย

(1) การจัดการชุมชนภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 มาตรา 121 และชุมชนภายใต้มาตรา 64 กฎหมายอุทยานแห่งชาติ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร อุทยานแห่งชาติแม่วงก์และเฉลิมรัตนโกสินทร์ 

(2) การผลักดันการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าที่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน และด้านการป้องกันและควบคุมไฟป่า 

(3) การทำข้อมูลวิชาการเรื่องสัตว์ป่าออกมาหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์

(4) การจัดทำฐานข้อมูลการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ป่ากันชนหรือในป่าชุมชนรอบห้วยขาแข้ง ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบข้อตกลงการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการ

(5) การจัดทำแผนป่าชุมชนในพื้นที่ป่ากันชนให้สอดคล้องกับบริบทการใช้งาน รวมถึงงานผลักดันป่าชุมชนในพื้นที่แนวกันชนให้กลับมามีความพร้อมในการดูแลรักษาทรัพยากรอย่างเต็มกำลัง

(6) การสนับสนุนการทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับสาธารณชนกลุ่มต่างๆ เช่น เยาวชน และเครือข่ายคนทำงานที่เกี่ยวข้อง

และ (7) พัฒนาการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์

การหารือได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่ร่วมประชุมเป็นอย่างดี พร้อมได้รับคำแนะนำและข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับใช้เป็นแนวทางการทำงานตลอดปี 2568 – มูลนิธิสืบฯ ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ 

รวมถึงในการประชุมยังได้มีการออกแบบแผนการดำเนินงานร่วมกันในขั้นตอนเบื้องต้น ว่าหน่วยงานใดจะเข้ามาบูรณาการงานอนุรักษ์อย่างมีส่วนร่วมในพื้นที่โซนใด ที่จะนำไปสู่การทำงานร่วมกันระหว่างมูลนิธิสืบฯ หน่วยงานรัฐ และประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืนในอนาคตอันใกล้นี้ 

เหมือนดังที่ได้เกริ่นไปว่าเสมือนเป็น ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ 

เพราะงานอนุรักษ์ผืนป่ามรดกโลกอย่างห้วยขาแข้งในวันนี้ หาได้หมายถึงขอบเขตตามแผนที่พระราชกฤษฎีกาเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงพื้นที่ป่ากันชนรอบนอกที่มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน

สิ่งที่เกิดขึ้นในป่าย่อมส่งผลมาถึงนอกป่า และสิ่งที่เกิดขึ้นนอกป่าก็ส่งผลกลับไปถึงในป่าเช่นเดียวกัน

ทุกๆ คน ทุกๆ หน่วยงาน ต้องพึ่งพากัน เป็นครอบครัวเดียวกัน

ช่วยกันปกป้องผืนป่า สัตว์ป่า เพื่อความยั่งยืนของทุกชีวิต

ผู้เขียน

Website | + posts

ทำงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ การเขียน เรื่องสิ่งแวดล้อมและดนตรีนอกกระแส - เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตใช้ไปกับการนั่งมองความเคลื่อนไหวของใบไม้และสายลม