ดอยหลวงเชียงดาว “เขตสงวนชีวมณฑล” จากเมืองใหญ่สู่ใจกลางดอย

ดอยหลวงเชียงดาว “เขตสงวนชีวมณฑล” จากเมืองใหญ่สู่ใจกลางดอย

Walk & Talk บันทึกเชียงดาว จากเมืองใหญ่สู่ใจกลางดอย เวทีของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยหลวงเชียงดาว โดย เพชร-มโนปวิตร นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติวิทยา, ครูกุ้ง-ธัญลักษ์ สุนทรมัฏฐ์ นักบันทึกธรรมชาติ และ เช-นัสสรณ์ ชณาธิปพิตรพิบูล นักเดินป่า ที่มาร่วมพูดคุย

ดอยหลวงเชียงดาวมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร

เพชร มโนปวิตร ได้กล่าวถึงความโดดเด่นของดอยหลวงเชียงดาวว่าเป็นภูเขาหินปูนที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยยังเหลืออยู่ โดยมีระบบนิเวศที่เฉพาะเจาะจงและมีความหลากหลายสูง เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เริ่มต้นจากเด่นหญ้าขัดจะแสดงให้เห็นการเปลี่ยนผ่านของระบบนิเวศอย่างชัดเจน ตั้งแต่ป่าสนไปจนถึงป่าเบญจพรรณ จนกระทั่งถึงระบบนิเวศแบบเขาหินปูนและ กึ่งอัลพาย

ในเชิงภูมิศาสตร์ ดอยเชียงดาวมีความโดดเด่นมาก เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย ซึ่งเป็นติ่งที่ทอดยาวมาจากเทือกเขาหิมาลัย นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่เดียวในประเทศที่เราสามารถเห็นหลักฐานของร่องรอยธารน้ำแข็งในอดีต

ในด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ดอยหลวงเชียงดาวมีความสำคัญอย่างยิ่ง มีชนิดพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นเกือบ 100 ชนิด ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอย่างมาก นักเดินป่ามีโอกาสที่จะได้เห็นกวางผาซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน โดยปัจจุบันแทบจะการันตีว่าจะได้เห็นแน่นอน โดยกวางผาถือเป็นสัญลักษณ์ของมูลนิธิสืบนาคสถียร และสืบก็เคยทำวิจัยในเรื่องนี้ด้วย

นอกจากนี้สามารถพบชนิดนกหลากหลาย เช่น ไก่ฟ้าหางลายขวาง และไต่ไม้ใหญ่ รวมถึงมีแมลงและพืชที่น่าสนใจ เช่น เทียนนกแก้วดอกไม้ที่มีหน้าตาคล้ายกับนกแก้ว และเทียนบางชนิดที่ปรับเปลี่ยนอับเรณูของตัวเองไปอยู่ด้านข้าง

เพชร มโนปวิตร ยังเสริมว่า ล่าสุดดอยหลวงเชียงดาวได้รับการประกาศให้เป็นเขตสงวนชีวมณฑล ซึ่งหมายถึงการจัดการที่มองภาพรวมของภูมิทัศน์ทั้งหมด รวมถึงเขตแกนกลาง เขตกันชน  และเขตเปลี่ยนผ่านที่เกี่ยวข้องกับชุมชนโดยรอบ

การบันทึกธรรมชาติและความสุขระหว่างทาง

ครูกุ้ง-ธัญลักษณ์ ได้เล่าถึงความประทับใจส่วนตัว แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ไม่ชอบและกลัวการเดินขึ้นเขา แต่ความอยากเห็นพืชแปลก ๆ เช่น ดอกไม้ในระบบป่าแบบอัลพาย และดอกเทียนนกแก้ว ที่มีลักษณะคล้ายนกแก้วสีชมพูเป็นฝูงขณะโดนลมพัด ได้กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอเดินป่า

ครูกุ้งใช้วิธี บันทึกธรรมชาติ ด้วยการวาดรูป ซึ่งเป็นนาทีทองที่ช่วยให้ได้พักเหนื่อยในขณะที่คนอื่นหยุดพักหรือเก็บตัวอย่าง การทำบันทึกช่วยให้เกิดสมาธิ ได้อยู่กับตัวเอง และเห็นคุณค่าของป่าผ่านความละเอียดอ่อนของสีสันและรูปทรงของดอกไม้และแมลง

เช นัสสรณ์ นักเดินป่า ให้มุมมองว่า ยอดเขาไม่ใช่จุดหมายแรกที่ต้องไปถึง แต่เป็นสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบเจอระหว่างทาง ทั้งสัตว์และพันธุ์ไม้ การที่ดอยหลวงเชียงดาวมีสัตว์และพืชเฉพาะถิ่น เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักเดินป่า เชใช้วิธีการชวนคนอื่นให้สนใจธรรมชาติรอบข้าง โดยการถ่ายภาพดอกไม้เล็ก ๆ และขยายให้เห็นรายละเอียด ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวเดินช้าลงและเกิดความสนใจที่จะเรียนรู้

การเปลี่ยนแปลงของดอยหลวงเชียงดาว

เช นัสสรณ์ ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในการจัดการดอยหลวงเชียงดาว โดยเฉพาะการจำกัดเส้นทางเหลือเพียง 1 เส้นทาง คือ ทางเด่นหญ้าขัด และลดระยะเวลาการเข้าพักจาก 5 วัน เหลือเพียง 2 วัน 1 คืน

การจำกัดเวลานี้ทำให้นักท่องเที่ยวมีเวลาน้อยลงในการสัมผัสและบันทึกธรรมชาติอย่างละเอียด เชเสนอว่า หากเป็นไปได้ อยากให้เพิ่มเวลาเป็น 3 วัน เพื่อรับมือกับข้อจำกัดด้านเวลา และส่งเสริมให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งที่สุด

คู่มือเส้นทางศึกษาธรรมชาติเชียงดาว

เพชร มโนปวิตร อธิบายว่าคู่มือนี้เปรียบเสมือน ห้องเรียนธรรมชาติที่ไม่รู้จบ และเป็นเหมือนไกด์ส่วนตัวที่สามารถพกพาไปศึกษาด้วยตัวเองได้ คู่มือฉบับนี้มี 20 จุดที่เป็นเหมือน 20 เรื่องสั้น ซึ่งนอกจากจะเล่าเรื่องชีววิทยาและความสำคัญของพันธุ์พืชแล้ว ยังสื่อสารแนวคิดการอนุรักษ์ใหม่ ๆ เช่น การเชื่อมโยงดอยเชียงดาวกับแนวคิดการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน หรือรูปแบบการจัดการในฐานะเขตสงวนชีวมณฑล

ภาพวาดประกอบคู่มือนี้มีจุดเด่นจากภาพวาดสวย ๆ ของครูกุ้ง โดยรวบรวมภาพวาดพันธุ์พืชประมาณ 80 ชนิด รวมถึงการจำแนกชนิดนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แมลง และ แมงมุม

ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายของคู่มือเหมาะสำหรับ 3 กลุ่ม คือ ผู้ที่กำลังจะไปใช้เตรียมตัว ผู้ที่ไปมาแล้วใช้เป็นของที่ระลึก และผู้ที่ไม่เคยคิดจะไป เพื่อเรียนรู้ความมหัศจรรย์ของภูมิประเทศ

โดยหวังว่าคู่มือนี้จะเปลี่ยนมุมมองของนักท่องเที่ยว ให้กลายเป็น นักธรรมชาติวิทยา และเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว รวมถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมโลก เช่น ผลกระทบจากไฟป่าในปัจจุบัน

สุดท้าย เช นัสสรณ์ ได้ฝากข้อคิดสำหรับการอนุรักษ์ดอยหลวงเชียงดาวไว้ว่า สิ่งที่ง่ายที่สุดที่ทุกคนสามารถทำได้คือ การพกจิตสำนึก แบกอะไรเข้าไป ก็ต้องนำสิ่งนั้นออกมา

Seub Life Fest รำลึก 35 ปี สืบ นาคะเสถียร สืบสานงานอนุรักษ์ ขอขอบคุณ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) Pasaya ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) การไฟฟ้านครหลวง NIRAN พวงหรีดรักษ์โลก บริษัท ไอรา เนเชอรัล โพรดักส์ จำกัด และเครื่องดื่ม M-150 ฝาเหลือง บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)

ผู้เขียน

+ posts

นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้