เกรต้า ธุนเบิร์ก ฟ้องรบ.สวีเดน ละเลยแก้ไขวิกฤตโลกร้อน

เกรต้า ธุนเบิร์ก ฟ้องรบ.สวีเดน ละเลยแก้ไขวิกฤตโลกร้อน

ในทุกๆ วันศุกร์ ‘เกรต้า ธุนเบิร์ก’ ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้นำสาส์น บอกเล่าปัญหาวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งถึงรัฐบาลสวีเดน 

นับจากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2018 จากสาวน้อยอายุ 15 มาถึงวันนี้ กิจกรรม Friday Strike Back ก็เริ่มทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ 

ในสัปดาห์ที่เธอบันทึกไว้บนทวิตเตอร์ว่าเป็น ครั้งที่ 223 (เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน) – เธอและหนุ่มสาวอีก 623 คน ไม่ได้ทำเพียงแต่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังได้ร่วมกันฟ้องร้องแบบกลุ่มต่อรัฐบาลสวีเดน 

ในข้อหาไม่สามารถดำเนินมาตรการที่อย่างเข้มแข็งและเพียงพอเพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

เกรต้า อธิบายว่า รัฐสวีเดนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต

ทั้งยังให้ความเห็นอีกว่า กฎหมายด้านสภาพอากาศควรเข้มงวดมากกว่านี้

เธอ – ผู้ได้รับสมญาจากสื่อว่าเป็น Climate Icon อธิบายต่อว่า เราไม่มีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองระยะยาวจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม แต่เราจำเป็นต้องใช้วิธีการที่เรามีอยู่และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้

เกรต้า ธุนเบิร์ก / twitter.com/GretaThunberg

การยื่นฟ้องครั้งนี้ถือเป็นคดีแรกที่เกิดขึ้นโดยคนสวีเดน ต่อศาลสวีเดน เพื่อให้รัฐฐาลสวีเดนเกิดการเปลี่ยนแปลง 

โดยก่อนหน้านี้ เยาวชนชาวโปรตุเกส 6 คนได้ทำการฟ้องร้องสวีเดนและอีก 32 ประเทศต่อศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป โดยกล่าวหาว่าดำเนินการล้มเหลวในการจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ 

หากมีคำตัดสินที่ระบุว่ารัฐบาลสวีเดนและรัฐอื่นๆ ที่ถูกฟ้องเป็นฝ่ายแพ้คดี รัฐเหล่านั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตามปฏิญญาปารีสที่มุ่งบรรลุเป้าหมายลดอุณหภูมิโลกให้ลดลง 1.5 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์กรและพลเมืองได้หันไปใช้กระบวนการทางศาลเพื่อตอบโต้รัฐต่อการเพิกเฉยในการรับมือวิกฤตสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น

ด้วยเห็นว่านี่ล่ะคือช่องทางสำคัญที่จะกระตุ้นให้รัฐหันมาสนใจปัญหาอย่างจริงจังเสียที

เมื่อเดือนธันวาคม 2019 ศาลฎีกาของเนเธอร์แลนด์ได้สั่งให้รัฐบาลลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างน้อย 25 %ภายใน 1 ปี หลังจากพ่ายแพ้ในคดีที่ถูกฟ้องร้องโดยกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม 

เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในฝรั่งเศส เมื่อพลเมืองกว่า 2 ล้านคนฟ้องร้องรัฐบาลฝรั่งเศสต่อศาล เนื่องจากล้มเหลวในการดำเนินการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

หรือสำหรับตัวเกรต้าเอง เมื่อปี 2019 เธอและเด็กอีก 15 คนจากทั่วโลกยื่นฟ้องต่อองค์การสหประชาชาติว่า ประเทศอาร์เจนตินา บราซิล ฝรั่งเศส เยอรมนี และตุรกี ละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กจากการที่ไม่ลงมือทำอะไรกับวิกฤตโลกร้อน

สำหรับสวีเดน รัฐบาลใหม่ฝ่ายขวาจัดกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากแทบไม่ได้ใส่ใจเป้าหมายทางสิ่งแวดล้อมเลย 

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ในปี 2017 รัฐบาลสวีเดนได้นำกฎหมายด้านสภาพอากาศมาใช้ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลต้องทำงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซที่ทำให้โลกร้อนลงไปสู่เป้าหมายสุทธิที่เป็นศูนย์ซึ่งกำหนดไว้สำหรับปี 2045

อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านวันมาเรื่อยมา ทั้งเกรต้า และเพื่อนๆ ของเธอต่างก็ทราบดีว่ามันไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยนัยสำคัญ

จนเมื่อนายกรัฐมนตรีฝ่ายขวาอย่าง ‘อูล์ฟ คริสเตอร์สสัน’ เข้ามารับตำแหน่ง ก็ประเดิมงานด้วยการยุบกระทรวงสิ่งแวดล้อมไปรวมกับกระทรวงอื่น

โดย คริสเตอร์สสัน ได้ประกาศยุบกระทรวงสิ่งแวดล้อม (Ministry of the Environment) ซึ่งเคยถือเป็นกระทรวงสำคัญของสวีเดน ไปรวมกับกระทรวงพลังงาน ธุรกิจ และอุตสาหกรรม (Ministry for Energy, Business and Industry) แทน

twitter.com/GretaThunberg

‘ออโรรา’ องค์กรทางสิ่งแวดล้อมของสวีเดน ที่นำโดยเยาวชนโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้รัฐสวีเดนดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นโจกท์หลักในการยื่นฟ้องระบุว่า 

“รัฐของสวีเดนไม่เคยปฏิบัติต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศเหมือนกับวิกฤตที่กำลังเป็นอยู่ และรัฐบาลใหม่ก็ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะไม่ทำอย่างนั้นเช่นกัน”

ปัจจุบัน ข้อมูลจากสถาบันอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาแห่งสวีเดน ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในสวีเดนสูงขึ้นเกือบ 2 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1800 ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงสองเท่า

และตอนนี้หิมะปกคลุมน้อยลงสองสัปดาห์ต่อปี

อ้างอิง

ผู้เขียน

Website | + posts

โซเชียลมีเดียที่เขียนบันทึกประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคแอนโทโปรซีน