สิ่งมีชีวิตที่สาบสูญกว่า 200 ปีถูกค้นพบอีกครั้ง เหตุการณ์นี้บอกอะไรแก่เรา

สิ่งมีชีวิตที่สาบสูญกว่า 200 ปีถูกค้นพบอีกครั้ง เหตุการณ์นี้บอกอะไรแก่เรา

หากเราแบ่งยุคสมัยตามหลักธรณีกาล (Goelogic time) ปัจจุบันเราอาศัยอยู่ในยุค Anthropocene หรือมนุษยสมัย ซึ่งหมายถึงกิจกรรมของมนุษย์มีอิทธิพลอย่างมากต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพรวมถึงจำนวนประชากรสัตว์น้อยใหญ่ลดลง จนทำให้การพบเจอบางครั้งเป็นเรื่องที่ยากจนทำให้เราคิดว่ามันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ความน่าพิศวงของธรรมชาติก็ดูเหมือนจะทำให้เราตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อเราได้ค้นพบสัตว์ที่หายไปนานนับศตวรรษอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมมา ได้มีการพบเห็นวาฬสีเทา (Gray whale) สายพันธุ์ตะวันตกตัวหนึ่งนอกชายฝั่งนิวอิงแลนด์ ห่างจากเกาะแนนทัคเก็ต ไปทางใต้ 30 ไมล์ (48 กิโลดเมตร) โดยเชื่อกันว่าสัตว์สายพันธุ์นี้สูญพันธุ์ไปแล้วในมหาสมุทรแอตแลนติกมานานกว่าสองศตวรรษทำให้การพบเห็นครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก 

ครั้งหนึ่งพวกมันเคยพบได้ทั่วไปทั่วซีกโลกเหนือ แต่ตอนนี้วาฬสีเทาส่วนใหญ่พบในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ โดยมีอยู่ 2 สายพันธุ์คือ วาฬสีเทาตะวันออก ซึ่งมีจำนวนคงที่ประมาณ 20,500 ตัว และวาฬสีเทาตะวันตกที่ใกล้สูญพันธุ์ มีประชากรเหลือเพียงประมาณ 200 ตัวในธรรมชาติ สาเหตุที่ลดลงส่วนใหญ่เกิดจากการล่าวาฬเชิงพาณิชย์มานานหลายทศวรรษ 

วาฬสีเทาสายพันธุ์ตะวันออกอพยพจากทะเลรอบอแลสกาและรัสเซีย ไปยังแหล่งเพาะพันธุ์ในบาฮากาลีฟอร์เนีย ในขณะที่วาฬสีเทาสายพันธุ์ตะวันตกยังไม่มีข้อมูลเรื่องแหลงผสมพันธุ์ที่ชัดเจน แต่ได้รับการบันทึกว่ามักจะหาอาหารบริเวณรัสเซียตะวันออก 

ในช่วง15 ปีที่ผ่านมามีความพยายามการสังเกตวาฬสีเทาสายพันธุ์ตะวันตกถึงห้าครั้งในน่านน้ำแอตแลนติกและเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงนอกชายฝั่งฟลอริดาในเดือนธันวาคม 2023 นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล เชื่อว่าวาฬสีเทาที่เห็นนอกชายฝั่งนิวอิงแลนด์ในเดือนนี้เป็นวาฬตัวเดียวกับที่เห็นในฟลอริดาเมื่อปลายปีที่แล้ว

ทีมสำรวจทางอากาศของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนิวอิงแลนด์ (New England Aquarium) ได้สังเกตเห็นวาฬดำน้ำและโผล่ขึ้นมาซ้ำๆ หลายครั้ง ซึ่งบ่งบอกถึงการกินอาหาร พฤติกรรมนี้ทำให้นักวิจัยรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจ เนื่องจากวาฬสีเทาได้หายไปจากมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เนื่องจากการล่าวาฬอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานั้น

Orla O’Brien รองนักวิทยาศาสตร์การวิจัยจาก Anderson Cabot Center for Ocean Life ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนิวอิงแลนด์ เผยว่า มันน่าตื่นเต้นมากกับการได้เห็นสัตว์ที่หายไปจากมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อหลายร้อยปีก่อน

เหตุการณ์นี้ได้สร้างความตกตะลึงแก่นักวิทยาศาสตร์ในการทำความเข้าใจการอพยพและการปรับตัวของสายพันธุ์ต่างๆ และแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์กำลังเปลี่ยนโฉมโลกธรรมชาติในรูปแบบที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างไร

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจเป็นปัจจัยสำคัญเบื้องหลังการพบเห็นสัตว์ทะเลหลายชนิดที่พบเห็นได้ยากในพื้นที่ใหม่ๆ การละลายของน้ำแข็งในทะเลอาร์กติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน ได้เปิดทางผ่าน (The Northwest Passage) ตะวันตกเฉียงเหนือในแคนาดา เส้นทางที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ก่อนหน้านี้นี้เชื่อมต่อมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านอาร์กติก ส่งผลให้สัตว์ทะเลอย่างวาฬสีเทาสามารถอพยพไปยังพื้นที่ใหม่ได้เมื่อถูกปิดกั้นโดยน้ำแข็งหนา

ปรากฏการณ์นี้ท้าทายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและขอบเขตทางภูมิศาสตร์ดั้งเดิม นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้กลยุทธ์การอนุรักษ์แบบปรับตัวเพื่อรองรับธรรมชาติของระบบนิเวศทางทะเลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การพบเห็นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของระบบนิเวศทางทะเลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และความรวดเร็วของชนิดพันธุ์สัตว์ทะเลในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม 

นอกจากนี้ยังอาจบ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างอาณานิคมใหม่ในมหาสมุทรแอตแลนติกโดยวาฬสีเทา 

อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษในการสร้างประชากรใหม่ และในปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานว่ามีการผสมพันธุ์ของวาฬสีเทาในมหาสมุทรแอตแลนติก ส่งผลให้พวกมันยังถือว่าสูญพันธุ์ในบริเวณนี้ กิจกรรมนี้ไม่เพียงเพิ่มบทสำคัญให้กับเรื่องราวของวาฬสีเทาเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล

ในขณะที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global boiling) การได้เห็นวาฬสีเทาในมหาสมุทรแอตแลนติกทำให้เรานึกถึงความรับผิดชอบของเราในการทำความเข้าใจ บรรเทา และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เราได้ก่อขึ้น สิ่งนี้กระตุ้นให้เราพิจารณาไม่เพียงแต่ความยืดหยุ่นของธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเร่งด่วนของความพยายามของเราในการปกป้องธรรมชาติท่ามกลางภูมิทัศน์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อ้างอิง

ผู้เขียน

+ posts

ชายหนุ่มผู้หลงไหลในกาแฟไม่ใส่น้ำตาล รักการเดินทางไปกับสินค้าของแบรนด์ Patagonia