เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ.2024 ได้มีการประมูลขนนกที่หายากของนกฮูยา (Huia) นกพื้นถิ่นของนิวซีแลนด์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว โดยขายได้ในราคา 46,521 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 1.03 ล้านบาท) ถือเป็นขนนกที่แพงที่สุดในโลกที่เคยขายในการประมูล
ลีอาห์ มอร์ริส (Leah Morris) หัวหน้าฝ่ายมัณฑนศิลป์ของโรงประมูลเว็บบ์ (Head of Decorative Arts at Webb’s Auction House) เชื่อว่า ราคาประมูลที่พุ่งสูงในครั้งนี้เป็นเพราะนี่เป็นขนนกเส้นเดียวที่มีสภาพดีเยี่ยมขนาดนี้ “ฮูยาเป็นนกที่มีเอกลักษณ์ และผู้คนจำนวนมากก็มีความสัมพันธ์กับนกชนิดนี้ในทางใดทางหนึ่ง”
เธอบอกว่า ขนนกดังกล่าวเป็นหนึ่งในขนนกฮูยาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยออกสู่ตลาด “ขนไม่ได้มีการจับกันเป็นก้อนมากนัก คุณจะเห็นว่ามันยังมีสีอยู่มาก สีน้ำตาลเข้มและเป็นสีรุ้ง และไม่มีร่องรอยของความเสียหายจากแมลงเลย”
นกฮูยา (Huia) มีชื่อวิทยาศาตร์ว่า Heteralocha acutirostris เป็นนกพื้นเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ จัดอยู่ในตระกูลวัตเทิลเบิร์ด (Wattlebird) ที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ เป็นที่รู้จักจากเสียงเพลงที่ไพเราะ มีขนนกสีดำมันวาวและขนหางปลายสีขาวโดดเด่น สิ่งที่ทำให้นกชนิดนี้น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาก็คือ Sexual dimorphism หรือภาวะที่เพศของสายพันธุ์เดียวกันมีลักษณะทางสัณฐานวิทยา (morphology) ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการสืบพันธุ์ อาทิ การมีรูปทรงจะงอยปากที่ไม่เหมือนกัน เป็นการปรับตัวที่อาจทําให้พวกมันใช้ประโยชน์จากแหล่งที่อยู่อาศัยเพื่อหาอาหารที่หลากหลายขึ้นและลดการแข่งขันระหว่างเพศ
ตัวผู้จะมีจะงอยปากที่แข็งแรงสั้นและโครงสร้างกะโหลกศีรษะที่มีกล้ามเนื้อเหมาะสําหรับการฉีกไม้ที่เน่าเปื่อย นกตัวเมียมีปากที่ยาว บาง และโค้งซึ่งเหมาะสําหรับการจิกกินตัวอ่อนของแมลง (Grubs) และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง (Invertebrates)
นกฮูยาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของ ชาวเมารี (Maori) ได้ปรากฏอยู่ในเพลงพื้นเมืองและคำพูด ขนนกชนิดนี้มักสงวนไว้สำหรับ รังกาทิรา (Rangatira) หรือ หัวหน้าเผ่า และผู้ที่มีมานา (Great mana) หรืออำนาจ ขนของมันถือเป็นทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่าสูงและถูกนำมาใช้ในชุดพิธีการแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผ้าโพกศีรษะที่บุคคลสำคัญสวมใส่ ขนเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรีและความเคารพ เป็นของขวัญที่แสดงถึงเกียรติยศและสถานะอันสูงส่ง
ชาวเมารียังถือว่าฮูยาเป็นนกที่มีความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณกับบรรพบุรุษของพวกเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การมาถึงของลัทธิล่าอาณานิคม (Colonialism) ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปในศตวรรษที่ 19 ได้เข้ามาตั้งรกราก ทำลายถิ่นที่อยู่ และการมาถึงของอาวุธปืนที่เพิ่มประสิทธิภาพแก่การล่ามากขึ้น ภัยคุกคามเหล่านี้ได้ส่งผลให้จำนวนประชากรนกฮูยาถูกทำลายอย่างเป็นระบบเพื่อเปิดทางให้กับการเกษตรและโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งความนิยมในการล่าเพื่อนำมาเป็นเครื่องประดับเพื่อแสดงฐานะทางสังคมของชาวยุโรป นอกเหนือไปกว่านั้น สัตว์ที่ติดมากับเรือของชาวยุโรปอย่าง หนู แมว ได้มีส่วนที่ทำให้นกชนิดนี้สูญพันธุ์จากเชื้อโรคและพฤติกรรมการคุกคามของสัตว์ต่างถิ่น ซึ่งท้ายที่สุดส่งผลให้มันสูญพันธุ์ไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และได้ถูกประกาศว่าสูญพันธุ์อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1907
เรื่องราวของนกฮูยาทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดถึงการสูญเสียทางวัฒนธรรมและความสำคัญของการอนุรักษ์ การเดินทางของขนนกจากสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรีไปสู่ของที่ระลึกของการสูญพันธุ์ ตอกย้ำความสมดุลอันละเอียดอ่อนของระบบนิเวศและผลกระทบจากการแทรกแซงของมนุษย์
อ้างอิง
- The Huia
- World’s most expensive feather sold at auction
- World’s most expensive feather symbolises huia’s fate
- ประมูลขนนกแพงที่สุดในโลก เส้นเดียวราคาสูงถึง 1 ล้านบาท
ผู้เขียน
ชายหนุ่มผู้หลงไหลในกาแฟไม่ใส่น้ำตาล รักการเดินทางไปกับสินค้าของแบรนด์ Patagonia
บทความอื่นๆ
เพราะอะไร ‘จระเข้น้ำจืดไทย’ ในธรรมชาติถึงลดลงจนเกือบสูญพันธุ์
เบื้องหลังแนวคิด ‘มหิงสา’ ของที่ระลึกเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึง ‘ควายป่า’ ฝูงสุดท้ายของประเทศไทย
ทำความรู้จัก ‘ไซเตส’ (CITES) อนุสัญญาว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าระหว่างประเทศ
บทเรียนการสร้างฝายในประเทศญี่ปุ่น จนซาลาแมนเดอร์ยักษ์เฉียดสูญพันธุ์
