เมื่อ COVID-19 ระบาด มลพิษทางอากาศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อ COVID-19 ระบาด มลพิษทางอากาศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

ความหนาแน่นของการจราจรในเมืองนิวยอร์กลดลงอย่างมาก ผลมาจากการระบาดของ COVID-19 ระดับมลพิษทางอากาศ และก๊าซเรือนกระจกในหลาย ๆ เมืองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการทำงาน และการคมนาคม

จากการเก็บข้อมูลของ Columbia University ณ เมืองนิวยอร์ก ในช่วงวันแรก ๆ ที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น ข้อมูลที่ได้คือปริมาณการจราจรในเมืองนั้นลดลง 35% และปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์มลพิษทางอากาศชนิดหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เกิดมาจากการเผาไหม้จากเครื่องยนต์ของรถ ได้ลดลงประมาณครึ่งหนึ่งจากระดับปกติ โดยปกติแล้วเมืองนิวยอร์กนั้นมีปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่สูงมาก เช่นเดียวกันกับก๊าซเรือนกระจกพวกเขาพบว่าปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นลดลง 5-10% และปริมาณก๊าซมีเทนก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

“เทียบกับเดือนมีนาคมของปีอื่น ๆ เดือนมีนาคมปีนี้มีอากาศที่สะอาดที่สุดที่ฉันเคยเจอ” กล่าวโดย Asst. Prof. Róisín Commane, Ph.D. จาก Columbia University ผู้ทำการเก็บข้อมูลมลพิษในเมืองนิวยอร์ก

นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวว่าปกติแล้วในเดือนพฤษภาคมจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด เนื่องจากในช่วงนี้ใบไม้จากป่าผลัดใบจะถูกย่อยสลาย แต่สำหรับเดือนพฤษภาคมปีนี้อาจจะเป็นเดือนที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

ภาพนี้เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียมของ NASA (National Aeronautics and Space Administration) เหนือประเทศจีน ที่ถ่ายในช่วงก่อน และหลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศการจำกัดการเดินทาง และการปิดตัวของธุรกิจต่าง ๆ และโรงงาน เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 จากภาพที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (หนึ่งในมลพิษทางอากาศที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล) ที่ลดลงอย่างมาก

จากการวิเคราะห์ทำให้เห็นว่าการใช้พลังงาน และการปล่อยมลพิษในประเทศจีนนั้นลดลง 25% ในช่วงสองสัปดาห์ต้นเดือนมีนาคม และผู้เชี่ยวชาญคาดว่าน่าจะนำไปสู่การลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวมของปีนี้ประมาณ 1%

ทั้งจีน และตอนเหนือของอิตาลีได้มีการตรวจพบการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการลดการเดินทางโดยรถยนต์ และการลดกิจกรรมทางอุตสาหกรรม ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์นี้เป็นมลพิษทางอากาศที่รุนแรง และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนโดยทางอ้อม

ภาพถ่ายดาวเทียมจาก ESA (European Space Agency) แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์เหนือประเทศอิตาลี และบางส่วนของประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป 

เมื่อการขนส่งต่าง ๆ หยุดชะงัก และผู้คนก็ต่างทำงานอยู่ที่บ้าน การปล่อยมลพิษในประเทศส่วนใหญ่นั้นจึงมีแนวโน้มที่จะลดลงเหมือน ๆ กัน แต่ในการทำงานอยู่ที่บ้านของผู้คนที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนนั้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่การระงับการทำงานของภาคธุรกิจ และโรงงานต่าง ๆ ประกอบกับ การเดินทางของผู้คนที่น้อยลงก็ยังทำให้อัตราการปล่อยมลพิษโดยรวมแล้วลดลงอยู่ดี

ในตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าการปิดตัวที่เกิดขึ้นรอบโลกนี้จะส่งผลตอบระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างแน่นอน

Prof. Corinne Le Quéré, Ph.D. จาก University of East Anglia ได้กล่าวว่า “มันจะส่งผลกระทบแค่ไหน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการระบาดของ COVID-19 และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ฉันมั่นใจว่าเราจะเห็นความแตกต่างของการปล่อยมลพิษทั่วโลกระหว่างปีนี้กับปีอื่น ๆ และถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสัก 3-4 เดือน การปล่อยมลพิษจะลดลงอย่างแน่นอน”

ย้อนกลับไปในช่วงปี ค.ศ. 2008-2009 หลังจากเกิดปัญหาทางการเงินทั่วโลก การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์พุ่งขึ้น 5% เป็นผลมาจากการกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโต

นี่ทำให้เห็นว่าสิ่งสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างให้กับปริมาณของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมลพิษทางอากาศอื่น ๆ คือวิธีที่รัฐบาลตัดสินใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของพวกเขาอีกครั้งเมื่อการระบาดของ COVID-19 จบลง

 


ถอดความและเรียบเรียงจาก Coronavirus: Air pollution and CO2 fall rapidly as virus spreads
ถอดความและเรียบเรียงโดย วณัฐพงศ์ ศิริวิภานันท์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร