วิฑูรย์–มูลนิธิชีววิถี ปฏิเสธทุกข้อหาคดีปลาหมอคางดำ CPF ยื่นขอเป็นโจทก์ร่วม เรียกค่าเสียหาย 200 ล้านบาท ชี้เดิมพันคือชีวิตชาวบ้าน ยืนยันสู้คดีถึงที่สุด

วิฑูรย์–มูลนิธิชีววิถี ปฏิเสธทุกข้อหาคดีปลาหมอคางดำ CPF ยื่นขอเป็นโจทก์ร่วม เรียกค่าเสียหาย 200 ล้านบาท ชี้เดิมพันคือชีวิตชาวบ้าน ยืนยันสู้คดีถึงที่สุด

จากกรณีบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาทต่อมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) และ วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิฯ จากการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของปลาหมอคางดำที่เชื่อมโยงกับฟาร์มยี่สาร จังหวัดสมุทรสงคราม ระหว่างการประชุมวิชาการเพื่อแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ ซึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาอัยการจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว

ล่าสุด วันนี้ (22 ตุลาคม 2568) วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ พร้อมทีมทนายความจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) และทนายสิทธิมนุษยชน เดินทางไปที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อเข้าร่วมการนัดคุ้มครองสิทธิ์และสอบคำให้การจำเลยในคดีปลาหมอคางดำจำนวน 2 คดี วิฑูรย์ในฐานะจำเลย ยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยระบุว่าการใช้สิทธิ์และการแสดงความคิดเห็นเป็นการกระทำโดยสุจริต มิได้มีเจตนากระทำความผิดแต่อย่างใด

ด้านบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้เสียหาย ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม และเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายคดีละ 100 ล้านบาท รวมสองคดีเป็นเงินทั้งสิ้น 200 ล้านบาท ศาลกำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีในส่วนแพ่งภายในวันนัดหน้า คือวันที่ 1 ธันวาคม 2568

นัดนี้เป็นเพียงการสอบคำให้การและคุ้มครองสิทธิ์ โดยยังไม่มีการยื่นพยานหลักฐาน เนื่องจากจะนำเสนอในนัดถัดไป ฝ่ายจำเลยเปิดเผยว่าได้เตรียมเอกสารเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงไว้แล้ว แม้ตามหลักคดีอาญา ภาระการพิสูจน์จะอยู่ที่ฝ่ายโจทก์เป็นหลักก็ตาม

ทั้งนี้ระหว่างกระบวนการ ศาลได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการไกล่เกลี่ย แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากโจทก์ยืนยันว่าข้อความที่จำเลยเผยแพร่เป็นเท็จ ขณะที่ฝ่ายจำเลยยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงและเข้าข่ายได้รับการยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ว่าด้วยการใช้สิทธิ์โดยสุจริตเพื่อประโยชน์สาธารณะ

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ยืนยันว่าจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยชี้ว่าประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวมูลนิธิไบโอไทย แต่คือ ชีวิตของชาวบ้าน ระบบนิเวศ ความเสียหายทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ทั้งยังยกกรณีเกษตรกรที่ตำบลแพรกหนามแดง ซึ่งเสียชีวิตจากผลกระทบของปัญหานี้

วิฑูรย์ ระบุต่อว่าคดีนี้ได้รับการระบุโดยสมาคมสิทธิมนุษยชน ทนายความสิทธิมนุษยชน กระทรวงยุติธรรม และองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็น “คดีฟ้องปิดปาก” (SLAPP) ซึ่งฝ่ายจำเลยมองว่าเป็นการชะลอการแสวงหาความจริงและขัดขวางการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ

หลักฐานที่ใช้ในการสัมมนาวิชาการเมื่อ 26 กรกฎาคม ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการระบาดของปลาหมอคางดำกับฟาร์มยี่สาร และในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีหลักฐานเพิ่มเติมจากหน่วยงานราชการและกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในการต่อสู้คดีนี้และคดีอื่น ๆ ด้วย

13.30 น. ในวันเดียวกัน นายปัญญา โตกทอง ตัวแทนเกษตรกรจาก 19 จังหวัด ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยข้อเรียกร้องหลักคือให้ประกาศเขตภัยพิบัติเพื่อใช้งบประมาณเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน

ฝ่ายจำเลยระบุว่า การเรียกร้องของชาวบ้านไม่ใช่การขอความสงสาร แต่เป็นการเรียกร้องให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบชดเชยความเสียหาย เนื่องจากปลาหมอคางดำไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ถูกนำเข้ามาโดยบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2553 และเริ่มพบการระบาดตั้งแต่ปี 2554

นอกจากนี้มีการเปรียบเทียบกับกรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในปี 2554 ซึ่งหน่วยงานรัฐได้จ่ายเงินชดเชยแก่ประชาชนก่อนประมาณ 39 ล้านบาท หรือเกือบสองในสามของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด และจึงไปเรียกคืนจากภาคเอกชนตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งสะท้อนว่ารัฐสามารถดำเนินการเยียวยาได้ล่วงหน้า

รวมถึงยังมีคดีที่ประชาชนผู้เสียหายฟ้องร้องผ่านสภาทนายความ โดยศาลมีคำสั่งรับเป็นคดีกลุ่ม ซึ่งฝ่ายจำเลยเชื่อว่าถึงแม้คดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทขนาดใหญ่จะดำเนินไปอย่างล่าช้า แต่ความคืบหน้าของคดีชาวบ้าน รวมถึงท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยืนยันว่ารัฐมีสิทธิ์ฟ้องบริษัทเอกชน จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ผู้เขียน

+ posts

นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้