การเดินทางจากขาแข้งสู่แม่วงก์ กับการแสวงหาคำตอบที่ว่า…ทำไมเราต้องอนุรักษ์?

การเดินทางจากขาแข้งสู่แม่วงก์ กับการแสวงหาคำตอบที่ว่า…ทำไมเราต้องอนุรักษ์?

ทำไมเราต้องอนุรักษ์ – เมื่อได้ก้าวขาเข้ามาทำงานสายอนุรักษ์อย่างจริงจังแล้ว ทำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสเรียนรู้และทำความเข้าใจประเด็นด้านการอนุรักษ์และสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างนั้นในบางครั้งผู้เขียนเองก็สงสัยถึงสาเหตุที่เราต้องอนุรักษ์ ทำไมเราต้องเจียดเวลาในชีวิตของเราไปอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้ 

วันนี้ผู้เขียนได้คำตอบของคำถามข้างต้นแล้ว จากการเดินทางมาที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ สองผืนป่าอนุรักษ์ที่ช่วยไขข้อสงสัยให้แก่ผู้เขียน และสถานที่ทั้งสองยังพาผู้เขียนไปพบกับความงดงามของธรรมชาติที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ 

บทความนี้ผู้เขียนจึงอยากพาผู้อ่านทุกท่านไปพบกับความงดงามของธรรมชาติเหล่านี้กัน พร้อมกับอ่านเรื่องราวความเป็นมาและความสำคัญของพื้นที่ทั้งสอง เผื่อว่าท่านใดที่กำลังสงสัยเหมือนผู้เขียนก็อาจจะได้คำตอบไปพร้อม ๆ กัน 

ทำไมเราต้องอนุรักษ์ คำตอบที่ได้จากการมาที่ห้วยขาแข้ง

การเดินทางมาที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ในครั้งนี้ผู้เขียนมีภารกิจหลักคือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและดูแลสุขภาพผู้พิทักษ์ป่า โดยการร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ดูแลสุขภาพผู้พิทักษ์ป่าในเขตพื้นที่ห้วยขาแข้งและแม่วงก์ และในช่วงเวลาว่างระหว่างวันยังมีโอกาสเดินทางไปชื่นชมธรรมชาติและสัตว์ป่ากับเหล่าทีมแพทย์จากสภากาชาดในบริเวณสถานที่สำคัญ ๆ โดยรอบอีกด้วย 

เริ่มต้นการเดินทางกันที่สถานีวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และอนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่พาผู้เขียนได้มาเรียนรู้เรื่องราวการอนุรักษ์ 

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ. 2534 ถือเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ป่าห้วยขาแข้งนั้นนับเป็นผืนป่าอนุรักษ์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่านานาชนิดและความหลากหลายของพืชพันธุ์ รวมถึงเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ไปจากโลก เช่น  ควายป่า เสือโคร่ง เสือดำ วัวแดง สมเสร็จ เลียงผา เป็นต้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผืนป่าที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย 

ด้วยความที่ป่าห้วยขาแข้งมีสถานะเป็นป่ามรดกโลก ทำให้หลายฝ่ายมีความต้องการอนุรักษ์และรักษาระบบนิเวศภายในผืนป่าแห่งนี้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะรักษาความหลากหลายทางชีวภาพที่ไม่สามารถหาที่ใดมาเทียบได้ 

หากใครที่เคยมาที่ห้วยขาแข้งจะเห็นพ้องต้องกันว่าพื้นที่นี้มีความสวยงามมากเพียงใดสามารถพบเห็นเก้ง กวาง ละอง ละมั่ง ได้ตั้งแต่บริเวณที่ทำการเขต ได้ยินเสียงลิงเสียงนกร้องดังก้องในป่า ถือเป็นส่วนหนึ่งของความงดงามของสถานที่แห่งนี้ทั้งสิ้น

ทำไมเราต้องอนุรักษ์ คำตอบที่ได้จากการมาที่แม่วงก์ 

ถัดมาผู้เขียนได้เดินทางต่อมาที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ (แม่เรวา) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าตัวผู้เขียนจะไม่เคยมาแม่วงก์มาก่อน แต่ก็พอทราบเรื่องราวการคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์มาบ้างจากสื่อต่าง ๆ วันนี้ผู้เขียนได้มายืนอยู่ในพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งมันจะต้องจมลงอยู่ใต้น้ำก็ถึงกับประหลาดใจว่าสถานที่ที่งดงามขนาดนี้เคยจะหายไปเพราะความต้องการสร้างเขื่อนจริงหรือ 

ในหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ (แม่เรวา) นั้นมีแก่งลานนกยูง อันเป็นแก่งหินน้อยใหญ่หลายก้อน อยู่กลางลำธาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลำน้ำแม่วงก์ที่ไหลผ่านไปสู่แก่งเกาะใหญ่ โดย ณ ตอนที่ผู้เขียนไปนั้น แก่งลานนกยูงไม่ได้มีน้ำมากนักทำให้เห็นโขดหินและเกาะแก่งชัดเจน ถือเป็นอีกหนึ่งความงดงามของธรรมชาติที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต 

แก่งลานนกยูงนั้นไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัยของนกยูงตามชื่อสถานที่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสรรพสัตว์อีกมากมายที่ใช้แก่งแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหาร ตามคำบอกเล่าของทีมแพทย์สองท่านที่ไปเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าวแล้วเล่าให้ฟังว่าพบรอยตีนสัตว์ลักษณะคล้ายรอยตีนเสือ ใกล้ ๆ กับแก่ง จากคำบอกเล่าดังกล่าวยิ่งมองเห็นถึงความสำคัญทางธรรมชาติของสถานที่นี้มากขึ้น เพราะดังที่ทราบกันว่าเสือคือตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์นักล่าที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ถ้ามีพวกมันอยู่นั้นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ยังมีแหล่งอาหารหรือสัตว์อื่น ๆ อาศัยอยู่ อาจกล่าวได้ว่าเสือเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้นั่นเอง

การได้มาอยู่ที่นี้ เวลานี้ แล้วมองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ในเหตุการณ์การคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ ยิ่งตอกย้ำมนุษย์เราว่าพวกเรามีส่วนสำคัญในการทำลายธรรมชาติอยู่เสมอ ถ้าวันนั้นเขื่อนแม่วงก์ดำเนินการสร้างสำเร็จ วันนี้ก็จะไม่มีแก่งแห่งนี้ ไม่มีผืนป่า ไม่มีภูเขา และไม่มีสัตว์ป่า สัตว์ป่าหลายชนิดที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ก็อาจสูญพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายที่อาศัยอยู่ในผืนป่ารอบแก่งแห่งนี้ หนึ่งในระบบนิเวศที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเคยถูกจะทำให้หายไปจากแผนที่ 

อีกหนึ่งคำที่ตัวผู้เขียนเชื่อมั่นมาตลอดตั้งแต่เข้ามาทำงานสายอนุรักษ์คือ “เราจะอนุรักษ์ได้อย่างไร ถ้าเราไม่รักมัน” การมาที่ห้วยขาแข้งและแม่วงก์ในครั้งนี้ทำให้ผู้เขียนตกหลุมรักธรรมชาติมากขึ้น เห็นถึงความงดงามและสำคัญของสถานที่เหล่านี้ในฐานะที่เป็นทั้งบ้านเป็นทั้งอาหารให้กับอีกหลายชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่า ด้วยเหตุนี้แล้วก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรเลยที่ไม่ควรอนุรักษ์ผืนป่าเหล่านี้

อ่านมาถึงตรงนี้ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านน่าจะเห็นคำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมเราจึงต้องอนุรักษ์?” คำตอบที่สำคัญเลยก็คงไม่พ้นคำว่า ผืนป่าและสถานที่ทางธรรมชาติเหล่านี้คือระบบนิเวศที่สำคัญของสัตว์ป่านานาชนิด ถ้าเราทำลายหรือปล่อยให้ธรรมชาติเหล่านี้หายไป เราเองก็คงได้รับผลกระทบไม่ช้าก็เร็ว “ถึงแม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่เป็นนักอนุรักษ์ได้ แต่ทุกคนต่างก็สามารถอนุรักษ์ได้”

ผู้เขียน

+ posts

หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ