[ก้าวสู่ปีที่ 31] เดินทางผ่านไป-มา ที่ป่าตะวันตก

[ก้าวสู่ปีที่ 31] เดินทางผ่านไป-มา ที่ป่าตะวันตก

ผมออกเดินทางตั้งแต่เมื่อค่ำของวันพฤหัสที่แล้วและกลับมากรุงเทพตอนค่ำของวันพุธที่ผ่านมา ใช้เวลาสัปดาห์หนึ่งขับรถย้อนไปย้อนมาในป่า และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชีวิตคล้ายได้เดินทางตามลำพังแม้จะแวะเจอคนมากมายเป็นระยะ

บ่ายวันพุธที่แล้วผมพบตัวเองขับรถข้ามภูเขาระหว่างบ้านไร่มาทางอุทยานแห่งชาติพุเตยผ่านบ้านห้วยหินดำอีกครั้งเพื่อมายังอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตน์โกสินทร์หรือถ้ำธารลอดตามนัดที่เราวางไว้ในงานฝึกอบรมเรื่องระบบนิเวศกับอาจารย์ยงยุทธ จรรยารักษ์  

กลางแดดที่ส่องไร่อ้อยที่เพิ่งผ่านการตัดเก็บผมเห็นต้นไม้รูปร่างประหลาด ตั้งเด่นอยู่กลางไร่บนถนนเส้นสวยที่มีต้นสะเดาปลูกเรียงรายงดงามมาจากตลาดม่วงเฒ่าผ่านโครงการห้วยองคตไปยังสามแยกป่าคู้ ระหว่างลงไปถ่ายรูป ผมได้รับโทรศัพท์นัดหมายจากหัวหน้ากมล นวลใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงูเพื่อให้เข้าร่วมประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาการประกาศอุทยานแห่งชาติลำคลองงูกับนายอำเภอทองผาภูมิด้วยกัน นี่นับเป็นข่าวดีที่พวกเราจะได้ใช้ข้อมูลในโครงการจอมป่าเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับฝ่ายรัฐและชาวบ้าน แน่นอนว่าผมรับนัดที่จะมาถึงในวันจันทร์และนั่นหมายความว่าเราจะต้องเข้าไปประชุมกับชาวบ้านคลิตี้ล่างในป่าลึกสุดของลำคลองงู ให้เรียบร้อยก่อนในคืนวันอาทิตย์และรีบออกมาประชุมที่อำเภอให้ทันก่อนเที่ยงวันจันทร์ ดีที่เส้นทางที่ว่าเราใช้ทำงานมาเกือบ 10 ปีแล้วจึงไม่นับว่าเป็นการเดินทางที่ไกลอะไรนัก

รถจิ๊บคันเล็กของผมดับอย่างกะทันหันขณะเลี้ยวเข้าสี่แยกบ้านท่าลำไย อาการที่ดับบอกถึงเชื้อเพลิงที่มีปัญหาในส่วนคาบูเรเตอร์ ผมค่อยๆ สตาร์ทและฝืนเหยียบคันเร่งไปจอดใกล้ร้านค้าของพี่รินทร์ เจ้าหน้าที่อุทยานถ้ำธารลอดที่นั่งอยู่ และเป็นอีกครั้งที่โชคดีเนื่องจากช่างเครื่องประจำพื้นที่กำลังจะผ่านมาทางนี้พอดี และนั่นหมายความว่าผมได้รับความช่วยเหลือเรื่องรถอีกครั้งโดยไม่ต้องมีอะไรให้ลำบาก 

ที่ธารลอด ผมเจออาจารย์ยงยุทธ จรรยารักษ์ถือไม้เท้าเดินมุ่งไปในแนวป่าริมห้วย ไม่ได้เจออาจารย์มาหลายปีในงานแบบนี้ ดูอาจารย์ยังสดใสและพร้อมเสมอที่จะให้ความรู้พวกเราเหมือนเดิม ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของมูลนิธิที่ต้องทุ่มเทพลังในการทำโครงการจอมป่าระยะที่สองที่ต้องใช้ความคิดบวกความรู้ในการวางแผนการจัดการทรัพยากรภายในชุมชนร่วมกับพี่น้องเครือข่าย และหัวเลี้ยวหัวต่อที่พวกเราจะต้องรวบรวมข้อมูลนิเวศจากป่าตะวันตกเพื่อทำคู่มือการจัดการผืนป่าให้สำเร็จในสิ้นปีนี้ คงไม่มีใครเหมาะสมในการสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราได้เท่ากับจอมปรมาจารย์ยงยุทธอีกแล้ว

พวกเรามาพร้อมกันตอนเย็นวันศุกร์ อาจารย์พาเราคุยกันเรื่องบทบาทหน้าที่ของภูเขาเพื่อโยงมาสู่พื้นฐานความเข้าใจเรื่องธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยวัฏจักรดิน น้ำ ลม ไฟ และ ชีวิต การสอนของอาจารย์ไม่ได้มุ่งให้เราจำความรู้อะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ยากๆ แต่มุ่งให้เราคิดถึงความจริงที่ประกอบเป็นเราเป็นโลก และเป็นความรู้นั่นเอง

คืนนั้นไม้ชี้ดาวของอาจารย์ส่องทางไปบนท้องฟ้า เปิดโลกทัศน์และชีวทัศน์ให้น้องๆหลุดจากโลกไปถึงห้วงจักรวาล

เช้าวันเสาร์พวกเราเดินเข้าไปในเส้นทางน้ำตกธารเงินธารทอง เรารวมกลุ่มกันแก้ปริศนาจากบทกลอนไพเราะของอาจารย์ที่ถามเราตั้งแต่เรื่องกล้วยๆ (กล้วยป่า) ไปถึงเรืองหินๆ ที่ประกอบเป็นดิน เรารู้จักสังเกตต้นไม้ ใบไม้ เถาวัลย์ และร่องรอยสัตว์ป่า ทั้งหมดเป็นความรู้ที่ว่าเขามีประโยชน์อะไรต่อระบบธรรมชาตินั้นมิใช่มีประโยชน์อะไรกับเรา

เที่ยงๆ เราออกจากป่ามาอย่างมีความสุข ตอนพักกลางวันผมเอาภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่อง ปอมโปโกะ เกี่ยวกับการถูกรุกล้ำถิ่นที่อยู่ของฝูงแรคคูนจากการพัฒนา และนั่นก็สอดคล้องกับเรื่องที่เราจะคุยกันต่อในตอนบ่าย คือเรื่องระบบนิเวศ เราไปไกลถึงภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และวิถีชีวิต 

แต่ที่ทำให้ทุกคนตรึงความสนใจไปจนถึงยามค่ำคืนกลับเป็นเกร็ดในเรื่องกระบวนทัศน์ต่างๆ ที่สอดแทรกมากับมุกตลกที่ทำให้พวกเราฮากันเป็นระยะ

วันรุ่งขึ้น หลังจากอาจารย์ชี้แนะเรื่องคุณค่าของป่าตะวันตก ที่พื้นที่ที่เราทำงานอยู่แล้วก็ถึงเวลาที่เราอำลาจากอาจารย์ก่อนที่จะเป็นช่วงนัดหมายการทำงานในช่วงต่อไป

บ่ายนั้นผมขับรถออกมากับอุดม เจ้าหน้าที่ภาคสนามเมืองกาญจน์ เพื่อไปหมู่บ้านคลิตี้ โดยมีแป๊ะหรือพงษ์ศักดิ์หัวหน้าภาคสนามพื้นที่กาญจนบุรี เหวิน และหนูนา ขับรถตามมา ภารกิจที่คลิตี้คือการปรับความเข้าใจกับผู้นำบ้านคลิตี้บนและคลิตี้ล่างที่มีข่าวว่ากำลังเข้าใจคลาดเคลี่อนกับบทบาทของมูลนิธิและการประกาศเขตอุทยานลำคลองงูซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน ทั้งๆ ที่เป็นคนละกระบวนการกัน และข้อมูลที่เราทำมาเสียอีกที่จะเป็นทางออกในการรักษาสิทธิให้ชุมชน

การเดินทางผ่านประตูป่า ผ่านบ้านพุคลอง บึงชะโค บ้านกลาง ตีนตก ไต่ทางขึ้นเขาโกเต็งที่สูงชันมีดินถล่มเป็นระยะมาถึงบ้านองสิต  สะมะแก และข้ามเท้งเขื่อนศรีนครินทร์ ตัดทางป่ามาทะลุบ้านภูเตย เขาพระอินทร์ และห้วยเสือ ทั้งหมดเป็นหมู่บ้านที่พวกเราทำงานอยู่ในป่าตะวันตก 

ผมพบผู้ใหญ่พน บ้านคลิตี้บนในตอนเย็นใกล้ค่ำ และเดินทางต่อไปพักที่บ้านพ่อยะเสอะ ผู้นำกระเหรี่ยงแห่งบ้านคลิตี้ล่างที่คุ้นเคย แน่นอนว่าเมื่อได้พูดกันตรงๆ ความจริงใจที่ผ่านการพิสูจน์มาหลายครั้งของเราย่อมทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

วันรุ่งผมกับแป๊ะออกมาตัวอำเภอทองผาภูมิเพื่อเตรียมการประชุมกับคณะทำงานที่มีนายอำเภอเป็นประธาน รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อพบกับพี่ทิวาพร อดีตประธานคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกจังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากขณะนี้พี่ทิกำลังทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญของการผลักดันแนวคิดโฉนดชุมชน ที่ยังไม่แน่ว่าจะเป็นแนวทางเดียวกับเราหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่พี่ทิเองก็เป็นต้นเรื่องที่ทำงานเรื่องพื้นที่ไร่หมุนเวียนคลิตี้ล่างมากับเรา นั่นทำให้ในเวทีวันนั้นผ่านไปได้ด้วยดี และทำท่าว่าคลิตี้เองก็อาจเป็นโมเดลต้นแบบได้ทั้งในโครงการจอมป่าและในเรื่องโฉนดชุมชน

ผมกับแป๊ะเดินทางเข้าเมืองกาญจน์มาด้วยกันเราปรึกษาหารือกันหลายอย่างที่จะเตรียมเวทีที่หัวหน้ากมล นวลใยจะเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านในวันพุธโดยผมตัดสินใจไม่ร่วมเวทีเนื่องจากมีภารกิจที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และรับที่จะนำเอกสารบางอย่างจากพ่อยะเสอะอ้อมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์มาให้นายอำเภอศรีสวัสดิ์ที่นาสวน แต่จะมีภาณุเดชและวรลักษณ์มารับหน้าที่เป็นตัวแทนคณะของเราจากกรุงเทพฯ  โดยคาดว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย เพื่อให้แน่ใจผมแวะคุยกับผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติของสำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 หรือพี่ฉีของเราถึงแนวทางที่บ้านหลังสวยก่อนเข้าตัวเมือง เราคุยกันถึงแนวทางต่างๆ จนชัดเจนแน่นอนว่ากว่าจะออกจากบ้านพี่ฉีก็ล่วงเข้าใกล้ดึก และรบกวนอุปกรณ์การคุยของพี่ฉีไปพอสมควรทั้งน้ำและกับแกล้ม

วันอังคารผมขับรถมาถึงท่าข้ามเท้งเพื่อไปยังฝั่งอำเภอศรีสวัสดิ์คนเดียว อากาศร้อนมากเมื่อมาถึงผมได้คุยกับนายอำเภอและถือโอกาสปรึกษาถึงปัญหาการทำงานกับพื้นที่ซ้อนทับอำเภอศรีสวัสดิ์กับอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ที่มีนริศเป็นผู้รับผิดชอบ รู้สึกดีที่นายอำเภอเข้าใจและสนับสนุนงานของนริศเป็นอย่างดี ทั้งยังเห็นว่างานของเราทำให้สภาพปัญหาคนกับป่าดีขึ้นทุกหมู่บ้าน ยังเหลือก็แต่พื้นที่ของที่ว่าการอำเภอและหมู่บ้านโดยรอบที่มีปัญหากับความผิดพลาดของการประกาศแนวเขตแผนที่ที่เคลื่อนออกมาจากความเป็นจริงทำให้พื้นที่ขนาดที่เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอและหน่วยราชการทั้งหมดกลายเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งปัญหานี้เป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่สำนักงานภาคสนามของนริศจะแก้ไขได้

ผมได้หารือแนวทางต่างๆ กับนักกฏหมายในรุ่น 14 ตุลาจากธรรมศาสตร์ที่วันนี้ทำหน้าที่เป็นนายอำเภอศรีสวิสดิ์พบแนวทางที่เป็นไปได้ แต่ต้องใช้ข้อมูลที่แม่นยำ กระบวนการที่รอบคอบมากที่สุด มิเช่นนั้นจะมีคนในฝ่ายข้าราชการเดือดร้อนกันเป็นจำนวนไม่น้อยทีเดียวหากดำเนินการผิดพลาด

ผมขับรถผ่านเส้นทางเขาโกเต็งกลับมาทางเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผิดไปจากเมื่อวานซืนเนื่องจากไม่มีผู้ร่วมทาง เมื่อลงจากเขา ผมย้อนเส้นทางมาหานริศที่สำนักงานท่าลำใยเพื่อหารือแนวทางที่คุยมากับนายอำเภอก่อนจะออกเดินทางผ่านป่าชุมชนพื้นที่สุพรรณบุรี ข้ามภูเขาไปสู่อำเภอบ้านไร่อีกครั้งหนึ่ง

ค่ำคืนที่บ้านไร่ ผมหลับสนิทเนื่องจากข้อมูลและการขับรถอย่างทรหด และกรำเวทีเมรัยมาหลายคืน

เช้าวันพุธ ผมนัดเจอตะวันฉายที่สามแยกคลองลานในตอนเช้า โดยผมเดินทางผ่านถนนสายป่าชุมชนในโครงการป่าชุมชน 30 ป่ารักษาทุกโรคของพื้นที่อุทัยธานีจากบ้านไร่สู่อำเภอห้วยคตและลานสัก ไม่มีเวลาแวะทักทายสมบัติที่สำนักงานใกล้ตลาดลานสัก ผมขับรถผ่านทางเข้าห้วยขาแข้งสู่อำเภอแม่เปินที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานพื้นที่นครสวรรค์กำแพงเพชร ผ่านอำเภอชุมตาบงที่เป็นพื้นที่ขยายงานป่าชุมชน ผ่านอำเภอแม่วงก์พื้นที่ความขัดแย้งเรื่องการคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ของเรา ไปสู่อำเภอคลองลาน ส่วนตะวันฉายมาสมทบกับผมจากภารกิจในพื้นที่กำแพงเพชร

เราพากันไปพบหัวหน้าอุทยานแม่วงก์คนใหม่ ที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง ดูเข้าใจดีกับปัญหาอุทยานซ้อนทับชุมชนที่บ้านบุแม้ว และไม่มีปัญหากับการดำเนินงานที่ผ่านมาของเรา โดยได้ปรึกษาหารือกันหลายเรื่องโดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดการหมู่บ้านที่เรียงรายอยู่ตามแนวเขตอุทยานแม่วงก์โดยสร้างเครือข่ายป่าชุมชนเพื่อเป็นแนวร่วมในการอนุรักษ์ และการทำงานกับคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติที่จะมีหลวงพ่อนพดลแห่งวัดป่าดอยลับงาเป็นประธาน

เราตัดสินใจเลื่อนการไปพบหัวหน้าอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าคนใหม่ออกไปก่อนเนื่องจากมีปัญหาในการติดต่อเข้าไปที่สำนักงานอุทยาน แต่คงไม่เป็นไรเนื่องจากน้องๆในพื้นที่ได้เข้าไปทำความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว หากมีโอกาสผมค่อยเข้าไปทำความรู้จักอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ได้ข่าวว่าต้องเตรียมร่างกายและตับให้พร้อมอย่างมากทีเดียวในการเข้าพบอย่างเป็นทางการกับพี่ไก่ หัวหน้าคนใหม่ของคลองวังเจ้าคนนี้ ผมขับรถแยกกับตะวันฉายที่วงเวียนชุมตาบง พี่ตู่กลับไปสำนักงาน ส่วนผมตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพฯ 

ระหว่างสัปดาห์แห่งการเดินทาง ผมรู้สึกได้ว่างานจอมป่าพาเราลึกเข้าไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่รากของปัญหาที่ลึกขึ้นเรื่อย เราทำไปเรียนรู้ไปจนแน่ใจว่าแนวทางที่ทำมาเกิดผลช่วยให้เกิดสันติสุขได้จริงในดินแดนป่าตะวันตกระหว่างคนกับป่า เจ้าหน้าที่อนุรักษ์กับชาวบ้าน และเรากับสถานภาพสถานการณ์อันหลากหลาย โดยแม้พวกเราจะต้องเดินทางต่างคนบนเส้นทางโดยลำพัง เรียนรู้ประสบการและทักษะเฉพาะตน แต่อย่างไรก็ตามเราแน่ใจว่าที่จุดหมายนั้นเราจะไปถึงพร้อมกัน 

อะไรสักอย่างทำให้ผมนึกถึงไม้ชี้ดาวที่ตัดฟ้าสู่การโคจรอันยิ่งใหญ่แห่งจักรราศีของอาจารย์ยงยุทธ ที่สอนให้เราเข้าใจเส้นทางและโครงสร้างของสรรพสิ่ง ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมความซับซ้อนของมนุษย์อยู่ในภาวะนั้นด้วย

เพราะเดินทางถึงวันนี้มีหลายอย่างที่ทำให้ผมเชื่อว่าเรามาไม่ผิดทาง 

ผู้เขียน

Website | + posts

ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร (18 กันยายน 2558 - ปัจจุบัน)