ตลอดทั้งปี 2568 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ผลิตและนำเสนอสื่อการเรียนรู้งานถอดบทเรียน และข้อมูลทางวิชาการ ในรูปแบบ E-book ออกมาทั้งสิ้น 5 เล่ม ประกอบด้วย
- ตามรอยจอมโจรฟิช Who stole the fish ?
- ทุ่งน้ำหลากปากพลี ระบบนิเวศทรงคุณค่าที่ใกล้สูญพันธุ์
- คุณค่าทุ่งน้ำหลาก ท่าเรือ-ปากพลี ที่อยู่สุดท้ายของปลาซิวสมพงษ์
- ถอดบทเรียนโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์เสือปลาโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
- สถานภาพเสือขนาดเล็กและขนาดกลางในประเทศไทย
สามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ pdf ได้ที่หน้าเอกสารเผยแพร่ หมวดหมู่หนังสือ
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร หวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานสื่อสารเหล่านี้ ทั้งรายงานสรุปผลและถอดบทเรียนการทำงาน สื่อความรู้ทั้งเชิงนันทนาการและวิชาการ จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและผู้สนใจ ในแง่องค์ความรู้ ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจและตระหนักถึงความสำคัญของงานอนุรักษ์

หนังสือ ตามรอยจอมโจรฟิช Who stole the fish ? เล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้บอกเล่าเรื่องราวของเสือปลา สัตว์นักล่าแห่งพื้นที่ชุ่มน้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ ผ่านมุมมองการเดินทางของคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อทำความเข้าใจถึงความท้าทายที่เสือปลากำลังเผชิญ
และผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องราวของเสือปลาที่ถ่ายทอดผ่านหนังสือเล่มนี้ จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้อ่านทุกท่านโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้หันมาสนใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทั้งมนุษย์และสัตว์ป่า กับความจริงเพียงหนึ่งเดียว ที่ธรรมชาติจะเผยคำตอบให้รู้…
ข้อความข้างต้น คัดมาจากคำนำหนังสือ ตามรอยจอมโจรฟิช หนังสือการ์ตูนเล่มพิเศษที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดทำขึ้นภายใต้โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์เสือปลาโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน รอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่เยาวชนในท้องถิ่นตลอดจนสาธารณชนทั่วไปถึงความสำคัญของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้
ซึ่งปัจจุบันได้แจกจ่ายแก่สถานศึกษารอบๆ พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และเพื่อให้การสื่อสารเรื่องเสือปลาเกิดความสัมฤทธิ์ผลมากยิ่งขึ้น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จึงนำหนังสือดังกล่าวมาเผยแพร่ในรูปแบบ Ebook (ไฟล์ pdf) ต่ออีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้สาธารณชนที่สนใจได้ติดตามเรื่องราวไปพร้อมๆ กัน
ดาวน์โหลด

ทุ่งปากพลี ทุ่งน้ำท่วมหลากตามธรรมชาติที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ทุ่งนี้มีความพิเศษและสามารถพบสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ปลาซิวสมพงษ์ ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูนัก แต่ทว่าปลาชนิดนี้เป็น 1 ใน 100 สัตว์-พืชที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งของโลก จัดโดย Zoological Society of London และเป็น Critically Enfangered – CR ตามเกณฑ์ IUCN Red List ที่ต้องได้รับการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วนและมีโอกาสสูงมากที่จะสูญพันธุ์ไปจากโลก เพราะทุ่งปากพลีเป็นเพียงพื้นที่แห่งเดียวตามธรรมชาติในโลกที่ปลาชนิดนี้อาศัยอยู่
หนังสือการ์ตูนเล่มนี้จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับทุ่งน้ำมหัศจรรย์ที่มีทั้งปลาซิวสมพงษ์ ข้าวหนีน้ำ ที่บางที่อาจยืดได้ 3-4 เมตร เป็นแหล่งพักกายของเหยี่ยวดำจากพื้นที่อันหนาวเย็น รวมถึงนกและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่น่าสนใจนานาชนิด
หนังสือเล่มนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของคนกลุ่มหนึ่งในการรักษาระบบนิเวศทุ่งน้ำหลากปากพลีให้คงไว้เพื่อให้สัตว์และพืชที่พิเศษยังมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่แค่การรักษาระบบนิเวศแค่เพียงพื้นที่นี้แต่เพียงอย่างเดียว ยังเชื่อมโยงไปถึงภาพรวมของพื้นที่ต้นน้ำที่เป็นต้นทางให้เกิดระบบนิเวศหลากหลาย ณ ทุ่งปากพลี ผ่านการทุ่มเททำงานอย่างหนัก ทั้งการลงพื้นที่เก็บข้อมูล การทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสร้างความเข้าใจผ่านการสื่อสารถึงคุณค่าและความสำคัญของพื้นที่ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ รวมถึวหนังสือการ์ตูนที่น่ารัก เข้าใจง่ายเล่มนี้อีกด้วย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือทุ่งน้ำหลากปากพลี ระบบนิเวศทรงคุณค่าที่ใกล้สูญพันธุ์ จะสร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์ให้พื้นที่แห่งนี้ยังคงมีระบบนิเวศน้ำขึ้น-ลงตามธรรมชาติที่เกื้อกูลต่อทุกชีวิตที่ดำรงอยู่และใช้ประโยชน์โดยชุมชนรอบข้าง และยังคงเป็นทุ่งน้ำแห่งความมหัศจรรย์ไปจนชั่วลูกชั่วหลานของพวกเราตลอดไป
ดาวน์โหลด

ทุ่งนาอันอุดมสมบูรณ์ของที่ราบภาคกลาง รองรับน้ำและอินทรียวัตถุจากเขาสูง “เขาใหญ่” มีบึงน้ำคูคลองขนาดต่าง ๆ เชื่อมร้อยถึงกันโดยไม่มีสิ่งปลูกสร้างกั้นขวาง ดินแดนแห่งนี้จึงเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของพี่น้องชาวท่าเรือ-ปากพลี และเป็นสวรรค์บนดินของหลากหลายสรรพชีวิต ทั้งพันธุ์ปลา พันธุ์นกที่หายากในประเทศไทย บางชนิดเราไม่พบเห็นมาเนิ่นนานแล้ว แต่ได้มาเจอตัวเป็น ๆ กันที่นี่ ที่ที่ทุกสรรพชีวิตเกื้อหนุนกันและกันตามจังหวะของธรรมชาติอย่างแท้จริง
หนังสือ “คุณค่าทุ่งน้ำหลากท่าเรือ-ปากพลี ที่อยู่สุดท้ายของปลาซิวสมพงษ์” ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็น “คู่มือธรรมชาติ” ที่บันทึกความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในทุ่งน้ำแห่งนี้ ตั้งแต่ปลาซิว กุ้งน้ำจืด กบ เขียด ปูนา พืชน้ำท้องถิ่น ไปจนถึงการบริการทางนิเวศและวัฒนธรรมชุมชน อาทิ การปลูกข้าวน้ำลึก การทำประมงตามฤดูกาล การใช้พืชน้ำในการดำรงชีวิต รวมทั้งวิถีชีวิตของผู้คนและประเพณีที่ผูกพันกับสายน้ำและท้องทุ่ง
ชื่อของปลาซิวสมพงษ์ในหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ เปรียบดังสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตใกล้ตัวมนุษย์ที่กำลังจะสูญพันธ์ไปพร้อมกับระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต แต่ “ความหวังของเรายังมีอยู่” จากการสร้างองค์ความรู้ ความรัก และความหวงแหนของผู้คนในชุมชนที่ร่วมกันดูแล คุ้มครอง และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับธรรมชาติผ่านวัฒนธรรม ประเพณีชุมชน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของกระแสการพัฒนาในสังคมไทย เราจึงหวังว่า หนังสือเล่มนี้ จะไม่เพียงเป็นบันทึกของสิ่งที่มีอยู่หรือสิ่งที่กำลังจะหายไป หากแต่จะเป็นเชื้อไฟเล็ก ๆ ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทุ่งน้ำลหากท่าเรือ-ปากพลีให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ดาวน์โหลด

เสือปลา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทย ปัจจุบันสถานการณ์อนุรักษ์ของเสือปลาอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยองค์การอนุรักษ์ธรรมชาติโลก (IUCN) จัดให้อยู่ในกลุ่มสัตว์ที่มีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable Species) จากการสูญเสียถิ่นอาศัยและถูกล่าโดยมนุษย์ ประชากรในประเทศไทยคาดว่าเหลืออยู่ไม่เกิน 150 ตัว
อุทยานแห่ชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่สุดสำหรับการอนุรักษ์เสือปลาในประเทศไทย ด้วยระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำที่หลากหลายและการได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับโลกตามอนุสัญญารามซาร์ (Ramsar Convention) แต่การอนุรักษ์เสือปลาในพื้นที่แห่งนี้เผชิญความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น
โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์เสือปลาโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มูลนิธิสืบนาคะเสถียร องค์การแพนเทอราประเทศไทย และชุมชนท้องถิ่น ดำเนินการตลอดระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2566 – 2568) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาสถานะประชากรเสือปลา สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน และพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงานของโครงการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่น่าสนใจในหลายมิติ ทั้งในด้านการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรเสือปลาจาก 34 ตัว เป็น 81 ตัว การลดลงของความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับเสือปลา และการสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายชุมชนในการอนุรักษ์ ความสำเร็จเหล่านี้เกิดขึ้นจากการประยุกต์ใช้แนวคิดการอนุรักษ์แบบมีส่วนร่วม (Particpatory Conservation) ที่เน้นการยกระดับบทบาทของชุมชนจากการเป็น ‘ผู้ได้รับผลกระทบ’ สู่การเป็น ‘หุ้นส่วนในการอนุรักษ์’
หนังสือถอดบทเรียนฉบับนี้ จึงมีจุดประสงค์เพื่อบันทึกและเผยแพร่องค์ความรู้ ประสบการณ์ และบทเรียนที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ ทั้งในแง่ของปัจจัยความสำเร็จ อุปสรรคและความท้าทาย รวมถึงข้อเสนอแนะสำหรับการขยายผล และการพัฒนานโยบายการอนุรักษ์เสือปลาในระดับประเทศ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้รับการจัดทำขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์ จากการวิจัย การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และการสังเกตการณ์ภาคสาม โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักวิชาการ นักปฏิบัติการ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และชุมชนท้องถิ่น ที่สนใจในการพัฒนางานอนุรักษ์สัตว์ป่าและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติแบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน
ดาวน์โหลด

คู่มือฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลสถานภาพและการกระจายของเสือขนาดเล็กและขนาดกลางในประเทศไทยในปัจจุบัน โดยใช้หลักฐานการปรากฏจากภาพถ่าย นำเสนอทั้งในรูปแบบของตารางและแผนที่และรายงานผลจากการประชุมเชิงปฏิบัติการที่จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568 ที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งจากหน่วยงานของทางภาครัฐ จาก NGOs ต่างๆ ที่ทำงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทย และจากมหาวิทยาลัย รวมทั้งสิ้น 27 ราย โดยมีวัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางการจัดการเสือขนาดเล็กและขนาดกลางในประเทศไทย และงานวิจัยในอนาคต
จากการรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงเดือนมีนาคม 2568 ได้ข้อมูลจากบุคคลทั้งหมด 39 ราย โดยไม่มีหลักฐานรูปถ่ายแมวป่าหัวแบนจากพื้นที่ใด ได้ภาพแมวลายหินอ่อนในพื้นที่อนุรักษ์ 17 พื้นที่ และนอกพื้นที่อนุรักษ์ 1 แห่ง ได้ภาพแมวดาวในพื้นที่อนุรักษ์ 43 พื้นที่ และนอกพื้นที่อนุรักษ์ 20 แห่ง ได้ภาพเสือกระต่ายในพื้นที่อนุรักษ์ 2 พื้นที่ ได้ภาพเสือปลาในพื้นที่อนุรักษ์ 4 พื้นที่ และนอกพื้นที่อนุรักษ์ 12 แห่ง ได้ภาพเสือไฟในพื้นที่อนุรักษ์ 32 พื้นที่ และนอกพื้นที่อนุรักษ์ 2 แห่ง และได้ภาพเสือลายเมฆในพื้นที่อนุรักษ์ 29 พื้นที่ และนอกพื้นที่อนุรักษ์ 3 แห่ง
สำหรับเสือขนาดเล็กและขนาดกลางทั้งที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ที่พลัดหลง และที่เป็นของกลางที่อยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าและสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่านั้น พบว่ามีแมวดาว 138 ตัว เสือกระต่าย 3 ตัว เสือปลา 8 ตัว เสือไฟ 3 ตัว และเสือลายเมฆ 2 ตัว รวมทั้งหมด 154 ตัว (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568)
จากการประชุมได้พูดคุยถึประเด็นต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการอนุรักษ์สัตว์กลุ่มดังกล่าว โดยมีทั้งประเด็นในภาพรวมและที่แยกเป็นของแต่ละชนิด ในที่ประชุมได้สรุปให้เสือขนาดเล็ก 3 ชนิด เป็น priority species ได้แก่ แมวป่าหัวแบน เสือกระต่าย และเสือปลา เนื่องจากทั้ง 3 ชนิดนี้มีการกระจายตัวนอกพื้นที่อนุรักษ์ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์สูงกว่าชนิดอื่นๆ และได้ให้ข้อเสนอสำหรับการจัดการการอนุรักษ์ priority species เหล่านี้ โดยข้อเสนอแนะในภาพรวมคือ (1) การสำรวจเพิ่มเติมในพื้นที่อื่นๆ (2) การจัดทำ MOU ระหว่างองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยและสถานีเพาะเลี้ยงของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อการแลกเปลี่ยนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อความหลากหลายทางพันธุกรรม และ (3) การจัดการด้านนโยบาย เช่น การจัดการสัตว์ป่าของกลาง การจัดการสัตว์ป่านอกพื้นที่อนุรักษ์ ประเด็นเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับล่าสุด ในช่วงท้ายของการประชุมแต่ละองค์กรที่ได้เข้าร่วมได้นำเสนอแผนการดำเนินงานในอนาคตที่จะมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์เสือขนาดเล็กและขนาดกลางให้สัตว์เหล่านี้ยังคงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป



