ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล และพระอัจฉริยภาพในองค์สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสัมพันธ์ของธรรมชาติ และการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งที่เกื้อกูลกันทรงตระหนักว่าทุ่งดอกไม้ป่า เป็นระบบนิเวศเฉพาะที่เปราะบางและกำลังจะสูญสิ้น สมควรจะต้องมีการอนุรักษ์ให้ฟื้นคืนเป็นพิเศษอย่างเร่งด่วน
จึงทรงมาทอดพระเนตรและพระราชทานนามพรรณไม้น้อยที่มีความสวยงามในทุ่งดอกไม้เหล่านี้ เพื่อเป็นการประกายนำความสนใจให้เกิดขึ้นในกลุ่มนักวิชาการและประชาชนทั่วไป สร้างให้เกิดกระแสตื่นตัวในการอนุรักษ์ ทำให้ทุ่งพรรณไม้ป่าได้รับการดูแลทั้งระบบ มีการขยายพันธุ์และจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม จนเป็นที่แน่ใจได้ว่าทุ่งดอกไม้ป่าเหล่านี้ยังคงอยู่อย่างยั่งยืน
เกร็ดความรู้ในสัปดาห์นี้ ขอนำเสนอพรรณไม้อันเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตอน พรรณไม้พระราชทานนาม จำนวน 6 ชนิด
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ได้ทรงอนุรักษ์ทุ่งดอกไม้และพรรณไม้น้อยเหล่านี้ไว้เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังของไทย ได้ชื่นชมในคุณค่าและความงามของดอกไม้ป่าเหล่านี้ตลอดไป

สรัสจันทร
ชื่อวิทยาศาสตร์ Burmannio coelestis D. Don
วงศ์ Burmanniaceae
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก ขนวดเล็ก ลำต้นตั้งสูง 10-20 เซนติเมตร เป็นแกนบอบบางเรียวเล็ก ใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุกที่โคนต้น รูปใบหอกแกมรูปแถบ ยาว 5-10 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด มี 1-3 ดอก
สีม่วงอ่อนอมเทา รูปรีแกมขอบขนาน ด้านข้างมี 3 ครีบ ที่ปลายยอดมีสีเหลืองอมเขียว ผลเป็นผลแห้ง รูปไข่กลับ ไม่แตกเมื่อแก่
ถิ่นอาศัย : ประเทศไทยพบตามบริเวณลานหินทราย ที่มีน้ำขัง พื้นที่ชุ่มน้ำชื้น และตามที่โล่งใกล้ป่าเต็งรัง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม

ทิพเกสร
ชื่อวิทยาศาสตร์ Utricularia minutissima Vahl.
วงศ์ Lentibulariaceae
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก กินแมลง อายุปีเดียว ขึ้นเป็นกอเล็ก สูง 8-20 เซนติเมตร ลำต้นขนาดเล็กมากอยู่ใต้ดิน ใบมีทั้งเป็นใบเดี่ยวรูปแถบ และใบที่เปลี่ยนเป็นถุงสำหรับดักจับแมลงน้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร ดอกสีชมพูแกมม่วงอ่อน แทงช่อออกจากต้นใต้ดิน ช่อดอกสูง 10-30 เซนติเมตร มี 3-10 ดอก ผลเป็นผลแห้งชนิดแตกเมื่อแก่ เมล็ดขนาดเล็ก จำนวนมาก
ถิ่นอาศัย : ประเทศไทยพบกระจายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตามพื้นที่ลานหินทรายโล่งและชุ่มชื้นมีน้ำขัง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม

มณีเทวา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Eriocaulon smitinandii Modenke
วงศ์ Eriocaulaceae
ไม้ล้มลุก ขึ้นเป็นกอลักษณะคล้ายหญ้า สูง 2-6 เซนติเมตร ใบรูปแถบ เรียงเป็นวงรอบโคนต้น ดอกสีขาวออกเป็นช่อตั้งจากโคนกอ ก้านช่อดอกสูง 5-15 เซนติเมตร ลักษณะเป็นก้อนกลมที่ปลายยอด ผลเป็นผลแห้งรูปรี เมื่อแก่ไม่แตก
ถิ่นอาศัย : ประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน บริเวณที่ชุ่มชื้น ตามลานหินชุ่มน้ำ และที่โล่งน้ำขังตามชายป่าโปร่ง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม

สร้อยสุวรรณา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Utricularia bifida L.
วงศ์ Lentibulariaceae
ไม้ล้มลุก กินแมลง อายุปีเดียว ขึ้นเป็นกอเล็ก สูง 8-20 เซนติเมตร ไหลและส่วนรากลักษณะคล้ายเส้นด้าย ใบเดี่ยว รูปแถบ ยาว 1-2 เซนติเมตร เรียงเวียนรอบโคนต้น มือวัยวะจับแมลงตามข้อของไหล รูปไตถึงรูปกลมขนาดเล็ก มีก้านชูสั้น ๆ ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อตั้งจากโคนกอ สูงได้ถึง 20 เซนติเมตร มี 3-7 ดอก กลีบเลี้ยงแฉกขนาดไม่เท่ากัน ผลแบน รูปรีแกมไข่ เมล็ดขนาดเล็ก จำนวนมาก
ถิ่นอาศัย : ประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตามพื้นที่ลานหินทรายโล่งและชุ่มชื้น มีน้ำขัง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม

ดุสิตา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Utricularia delphinioides Thorel ex Pellegr.
วงศ์ Lentibulariaceae
ไม้ล้มลูก กินแมลง อายุปีเดียว ขึ้นเป็นกอเล็ก สูง 8-20 เซนติเมตร ลำต้นเล็กมากอยู่ใต้ดิน ใบมีทั้งเป็นใบเดี่ยว รูปแถบ และใบที่เปลี่ยนเป็นถุงสำหรับดักจับแมลงน้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร ดอกสีม่วงเข้มหรือน้ำเงินม่วง ออกเดี่ยว หรือเป็นช่อ 1-3 ดอก แทงช่อออกจากโคนกอ ก้านช่อดอกสูง 10-20 เซนติเมตร กลีบดอกเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ปาก กลีบล่างแผ่ใหญ่กว่ากลีบอื่น ตรงกลางมีแถบสีอ่อนถึงสีเหลือง 2 แถบ ผลเป็นผลแห้งชนิดแตกเมื่อแก่ ทรงกลม ขนาดเล็ก
ถิ่นอาศัย : ประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตามพื้นที่ลานหินทรายโล่งและชุ่มชื้นมีน้ำขัง ออกดอกช่วงเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม

นิมมานรดี
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pinalio amica (Rchb. f.) Kuntze
วงศ์ Orchidaceae
กล้วยไม้อิงอาศัย ลำลูกกล้วยรูปทรงกระบอก ใบรูปขอบขนานแกมรี อวบน้ำ ดอกออกเป็นช่อยาว 1-15 เซนติเมตร ก้านดอกมีขนนุ่มสีขาว กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีขาว มีขีดตามยาวสีแดงเข้ม กลีบปากที่ปลาย มีพื้นสีเหลืองเข้มและมีแต้มสีแดงเข้มที่โคนกลีบ
นิมมานรดี เป็นชื่อพระราชทานโดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จฯ ทอดพระเนตรพรรณไม้ ณ บริเวณโคกนกกกะบา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย เมื่อเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2534 ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยอนุรักษ์กล้วยไม้ป่าหายากชนิดนี้ไว้ให้คงอยู่เป็นสมบัติของปวงชนชาวไทยสืบไป
อ้างอิง
- หนังสือ 90 บรมราชินีนาถ พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ จัดทำโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผู้เขียน
สาวแว่นทาสแมวที่ชอบบอกเล่าเรื่องราวผ่านลายเส้น มีธรรมชาติช่วยฮีลใจ และหลงใหลในพระจันทร์เสี้ยว



