คนเฝ้าช้าง (ตอน 5)

คนเฝ้าช้าง (ตอน 5)

4 กรกฎาคม 2568 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘ร่วมแก้ปัญหาช้างกับคน Elephant Guard’ ได้เปิดตัวสู่โซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการ

แอดมินเพจ เริ่มต้นงานสื่อสารด้วยข้อความสั้นๆ ง่ายๆ “ถ้าไม่ช่วยตัวเองก่อนแล้วใครจะช่วยเรา??”

ไม่กี่วันต่อมาพวกเขาโพสต์ภาพที่อธิบายถึงความเป็นมาว่า ‘คือใคร’ และกำลัง ‘ทำอะไร’ ด้วยประโยคสั้นๆ แต่เปี่ยมด้วยเจตนาอันชัดเจน “Elephant Guard ร่วมแก้ปัญหาช้างกับคน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” 

“Elephant Guard องค์กรเอกชนอิสระที่มุ่งมั่นนำเทคโนโลยี IoT มาใช้เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง”

“เกี่ยวกับเรา Elephant Guard ก่อตั้งขึ้นจากความตระหนักถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างที่ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ เราเชื่อมั่นว่าด้วยนวัตกรรมและพลังของชุมชน เราสามารถสร้างสมดุลและทางออกที่ยั่งยืนให้กับการอยู่ร่วมกันของคนและสัตว์ป่า”

เหล่านั้นเป็นคำทักทายแรกที่คนในโลกโซเชียลมีเดียได้เห็น ก่อนตามมาด้วยโพสต์เรื่องราวการทำงานผ่านภาพถ่ายและคลิปวีดีโอมืดๆ ทึบๆ ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง ปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้างไม่ได้บ้าง

ในฉากหลังของยามราตรีและเรือกสวนไร่นา เราเห็นความเคลื่อนไหววูบวาบของคนหนุ่มเดินเท้าฝ่าคืนข้างแรม ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มีแต่เสียงโหวกแหวกโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์ 

เดาได้ไม่ยากว่าแต่ละโพสต์บันทึกเหตุการณ์ด้วยกล้องสมาร์ทโฟน จากคนไม่มีความรู้ทางนิเทศศาสตร์ ซึ่งคงไม่แปลกที่เป็นเยี่ยงนั้น 

ในความเป็นจริง ‘Elephant Guard’ ไม่ได้เป็นนักสื่อสารมืออาชีพ พวกเขาเป็นเพียงประชาชนทั่วไป มีอาชีพทำไร่ปลูกมัน และมีงานเสริมเป็นจิตอาสาในยามตะวันตอกบัตรเลิกงานมานั่งเฝ้าที่ดินทำกิน ดูแลเรือกสวนไร่นา เมื่อมีช้างออกมาหากินนอกป่า

หรืออธิบายให้ตรงกว่านั้น Elephant Guard เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนหนุ่มในชุมชนบ้านเขาไม้นวล ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี และหมู่บ้านข้างเคียง เกือบ 20 ชีวิต ร่วมใจกันตั้งกลุ่มผลักดันช้างป่าด้วยกำลังของตัวเอง

เป็นพลังของชุมชนที่ลุกขึ้นมาทำงานเพื่อชุมชน เหมือนกับอีกหลายๆ ชุมชนที่อดรนทนไม่ไหว และไม่อยากหวังน้ำบ่อหน้าที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงเริ่มทำสิ่งที่ตัวเองสามารถลงมือทำได้ก่อน

ส่วนเรื่องบนโซเชียลมีเดียเป็นเพียงการสื่อสารว่าวันนี้พวกเขากำลังเผชิญกับอะไร กำลังทำอะไรเพื่อลดผลกระทบที่เกิด 

แต่ความดิบของงานที่สื่อสารกลับสะท้อนภาพที่ชัดมากว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบใด

สำหรับบ้านเขาไม้นวลเป็นอีกชุมชนที่เผชิญเหตุช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่ทำกินของชุมชนจำนวนนับสิบตัว แถมระยะหลังพี่ใหญ่มาเยือนแบบไม่มีวันหยุดราชการ 

เป็นที่ทราบกันดี งานผลักดันช้างป่าเป็นงานอันตราย โดยเฉพาะในยามราตรีที่ความมืดปกคลุม วิสัยทัศน์การมองเป็นสิ่งจำกัด

บางคืนมีชุดผลักดันสัตว์ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมาอยู่เป็นเพื่อนพอช่วยให้อุ่นใจขึ้นมาหน่อย (แม้ทีมเจ้าหน้าที่จะเคยบอกว่าบางทีก็เกือบเอาตัวไม่รอด รถที่ใช้ลาดตระเวนมีรอยบุบเพราะช้างแทบทุกคัน) 

แต่ในความมืดก็ยังพอมีแสงสว่างเล็กๆ 

เป็นโชคดีที่คนหนุ่มในชุมชนพอมีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี พัฒนาชุดสัญญาณเตือนช้างป่าขึ้นมาสำเร็จ เหมือนที่พวกเขาเกริ่นนำไว้ในบทแนะนำตัวว่า “มุ่งมั่นนำเทคโนโลยี IoT มาใช้เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง” 

ในความหมายทั่วไป ‘เทคโนโลยี IoT’ (ไอโอที) หรือ Internet of Thing คือ เทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงกันและรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างง่ายดาย มักเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำ มีการเชื่อมต่อหรือการสื่อสารที่หลากหลาย อุปกรณ์มีราคาไม่สูงนัก และมีความยืดยุ่นใช้งานได้หลากหลายประเภท

Elephant Guard ได้นำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาออกแบบเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือน โดยใช้สัญญาณคลื่นวิทยุแจ้งให้ทีมงานของตัวเองรู้ว่าช้างป่าออกมาตอนไหนและตรงไหน 

อุปกรณ์แจ้งเตือนช้างป่าของ Elephant Guard ใช้เครื่องมือไม่กี่อย่าง มีเอ็นหรือลวดขึงผ่านแนวเขตที่ช้างจะผ่านเข้ามา เมื่อช้างเดินเดินมาชน ฮอร์นก็เสียงแจ้งเตือนให้รู้ว่าช้างป่าออกมาแล้ว

แต่ที่มากกว่านั้น ยังมีเสาส่งสัญญาณคลื่นวิทยุ LoRa ไปยังตัวรับสัญญาณ เมื่อช้างเดินมาชนเอ็นหรือลวด เสาก็จะส่งสัญญาณไปหาเครื่องรับ ที่ตั้งอยู่ในชุมชน แล้วเครื่องรับจะแสดงหมายเลขให้เห็นว่าช้างป่าเพิ่งเดินผ่านพิกัดเสาสัญญาณตัวไหน 

เมื่อรู้ว่าช้างมายังจุดไหน ทีม Elephant Guard จะออกไปผลักดันที่จุดนั้น ไม่ต้องออกไปเสี่ยงคอยเดาใจช้างป่า หรือออกไปนั่งเฝ้ากลางไร่ในความมืดตลอดทั้งคืน 

อย่างไรก็ดี ทางกลุ่มยอมรับว่านวัตกรรมที่สร้างขึ้นนั้นเป็นเพียงตัวต้นแบบ ยังมีรายละเอียดในระบบที่ต้องพัฒนาอีกหลายจุด เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงจำนวนของอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ จะทำอย่างไรให้ครบ จะหางบประมาณมาจากไหน

รวมถึงโจทย์อื่นๆ ให้ต้องพัฒนาร่วมกัน ทั้งทักษะการผลักดันช้างป่า ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้เชิงทฤษฎีและประสบการณ์ 

ข้อมูลเกี่ยวกับช้างป่าออกมาหากินในชุมชน ที่ตอนนี้มีเพียงความทรงจำจากสิ่งที่พบเจอแต่ละวัน ยังไม่มีฐานข้อมูลที่ชัดเจนสำหรับการออกแบบแผนงาน 

ไปจนถึงเรื่องสวัสดิภาพสวัสดิการ จะดูแลกันอย่างไร และอีกหลายรายละเอียดที่ต้องเตรียมการเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีอุปสรรคน้อยที่สุด

นี่เป็นเพียงบทเกริ่นนำของกลุ่ม ‘คนเฝ้าช้าง’ ที่เรียกตัวเองว่า Elephant Guard งานของพวกเขายังคงต้องทำต่ออีกเยอะ ตามเจตนา “นวัตกรรมและพลังของชุมชน สร้างสมดุลให้กับคนอยู่ร่วมกับสัตว์ป่า”

และเรื่องราวของพวกเขายังมีอีกหลายตอนให้ติดตาม

ตลอดปี พ.ศ. 2568 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ให้การสนับสนุนเสบียงและอุปกรณ์ผลักดันช้างป่า แก่ชุดเฝ้าระวังผลักดันช้างป่า ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และเครือข่ายเฝ้าระวังที่จัดตั้งโดยชุมชนเป็นประจำทุกเดือน ในกิจกรรมลาดตระเวนร่วมดูแลป้องกันทรัพยากรในป่าชุมชนและสนับสนุนเสบียงสำหรับเครือข่ายผลักดันสัตว์ป่า โดยใช้งบประมาณจากโครงการธรรมชาติปลอดภัย

ผู้เขียน

Website | + posts

ทำงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ การเขียน เรื่องสิ่งแวดล้อมและดนตรีนอกกระแส - เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตใช้ไปกับการนั่งมองความเคลื่อนไหวของใบไม้และสายลม