จากสถานการณ์การเปิดรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ในการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว ตามแผนการปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานจากการสำรวจแนวเขตเมื่อปี 2543 ตามมติคณะรัฐมนตรี 14 มีนาคม 2566 ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน – 12 กรกฎาคม 2567 และการรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน (เพิ่มเติม) โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม – 21 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
อุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศ ทั้งในระดับชาติและระดับโลก แต่บริบทของพื้นที่ยังมีความซับซ้อนและมักถูกเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากพื้นที่บางส่วนถูกใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายและมีการทับซ้อนของที่ดินหลายประเภท ทั้งที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐและราษฎรทั่วไป ซึ่งมูลนิธิสืบนาคะเสถียรมีเจตนารมณ์ในการคัดค้านการเหมารวมเพิกถอนพื้นที่ทั้งหมดกว่า 265,000 ไร่ เนื่องจากปัญหาการทับซ้อนพื้นที่ที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมตามกลุ่ม ไม่ใช่การเหมารวมพื้นที่ทั้งหมด ต้องมองในมิติของการจัดการที่ดิน การอนุรักษ์ระบบนิเวศ และผลกระทบต่อชุมชน เพื่อให้แนวทางการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานมีความเหมาะสม มีความเป็นธรรม และสอดคล้องกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งสอดคล้องกับพันธกรณีระดับชาติและนานาชาติ
อุทยานแห่งชาติทับลาน
อุทยานแห่งชาติทับลานครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรี ตั้งอยู่ในแนวทิวเขาพนมดงรัก ถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากแก่งกระจาน และเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ที่ยูเนสโกประกาศเมื่อปี 2548 พื้นที่แห่งนี้มีภูเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำบางปะกง และอุดมด้วยสังคมพืชหลากหลาย ทั้งป่าลาน ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบแล้ง และป่าดงดิบชื้น ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหายาก เช่น เสือโคร่ง ช้างป่า กระทิง วัวแดง ฯลฯ
ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางกลุ่มป่ามรดกโลก ซึ่งประกอบไปด้วย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ดังนั้นอุทยานแห่งชาติทับลานเปรียบเสมือน ‘ไข่แดง’ ที่ทำหน้าที่เป็นทางเชื่อมทางธรรมชาติระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติตาพระยา อุทยานแห่งชาติปางสีดา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเคลื่อนย้าย กระจายพันธุ์ และการดำรงอยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด ทำให้อุทยานแห่งนี้มีทั้งคุณค่าทางระบบนิเวศในระดับประเทศและความสำคัญต่อการอนุรักษ์ในระดับโลก

การเปลี่ยนแปลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2506 รัฐบาลมีมติให้รักษาพื้นที่ป่านครราชสีมา-ปักธงชัย-โชคชัย เป็นพื้นที่ป่าไม้ จึงได้กำหนดให้ป่าวังน้ำเขียว / ป่าครบุรี / ป่าเขาภูหลวง / ป่าแก่งใหญ่ ป่าแก่งดินสอ ป่าเขาสะโตน เป็นป่าไม้ถาวร และในช่วงปี 2509-2516 ป่าให้ป่าครบุรี / ป่าแก่งดินสอ ป่าแก่งใหญ่ และป่าเขาสะโตน / วังน้ำเขียว / ป่าเขาภูหลวงถูกประกาศให้เป็น ‘ป่าสงวนแห่งชาติ’ ในปี 2518 และ 2521 มีการกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินในท้องที่กิ่งอำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี และในท้องที่อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอปักธงชัย และอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ทำให้มีพื้นที่ทับซ้อนเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าสงวนแห่งชาติป่าวังน้ำเขียวที่ถูกประกาศมาก่อนแล้ว
ในปี 2524 ประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวเขต ‘อุทยานแห่งชาติทับลาน’ ขึ้น แต่มีการทับซ้อนกับที่อยู่อาศัย ส.ป.ก. โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อความมั่นคงในพื้นที่ (โครงการ พมพ.) และป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งโครงการจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม (โครงการ คจก.) เกิดขึ้นในปี 2533-2535 ในปี 2540 รัฐบาลมีมติ ครม. 22 เมษายน 2540 เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมป่าไม้ เร่งรัดจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานตามที่ได้ดำเนินการกันพื้นที่ไว้แล้ว และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กันพื้นที่ แต่การดำเนินการดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ต่อมามีมติ ครม. ปี 2541 ยกเลิกการใช้แนวเขตปรับปรุง (ที่เริ่มสำรวจตั้งแต่ปี 2537) เน้นการพิสูจน์สิทธิครอบครองที่ดินแทน
แต่ในปี 2543 กรมป่าไม้สั่งตั้งคณะกรรมการสำรวจแนวเขตปรับปรุง และออก ‘เส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ปี 2543’ ที่สำรวจ GPS และฝังหลักเขตแล้ว แต่ยังไม่ประกาศเป็นกฎหมายและยังมีปัญหาความไม่ชัดเจนของข้อมูลถือครองที่ดิน
หลังปี 2554 มีผู้ร้องเรียนเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทับลานแก่ผู้ตรวจการแผ่นดิน รัฐบาลจึงได้รับข้อเสนอแนะให้ทบทวนแนวเขตโดยใช้ข้อมูลปี 2543 และมีมติ ครม. 14 มี.ค. 2566 เห็นชอบใช้แนวปรับปรุงปี 2543 โดยมีการเพิกถอนพื้นที่อุทยานฯ ทับลานกว่า 265,000 ไร่ (รายละเอียดเพิ่มเติม ลำดับเหตุการณ์ปัญหาการทับซ้อนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน) ส่งผลให้เกิดข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อระบบนิเวศและการฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือโคร่ง ซึ่งพื้นที่ที่ถูกเพิกถอนเป็นแนวเชื่อมต่อสำคัญระหว่างผืนป่าและเป็นเส้นทางอพยพสัตว์ป่า
การทับซ้อนของที่ดินและปัญหาที่เกิดขึ้น
กรณีพื้นที่ทับซ้อนอุทยานแห่งชาติทับลาน โดย วิทยานิพนธ์ปัญหาทางกฎหมายและนโยบายในการแก้ปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินของรัฐ ศึกษากรณีการทับซ้อนกันของที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน 2566 (รายละเอียดเพิ่มเติม ปัญหาทางกฎหมายและนโยบายในการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินของรัฐ ศึกษากรณีการทับซ้อนกันของที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน) แยกปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินที่อยู่ในกํากับดูแลของหน่วยงานของรัฐและประชาชนในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้ดังนี้
1. ปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินของหน่วยงานของรัฐกับหน่วยงานของรัฐ
1.1 พื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกับอุทยานแห่งชาติทับลาน
1.2 พื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อความมั่นคงในพื้นที่ (พมพ.) และโครงการจัดที่ดินทํากินให้กับราษฎรผู้ยากไร้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม (คจก)
2. ปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินของรัฐกับที่ดินของประชาชน

กรณีพื้นที่ทับซ้อนอุทยานแห่งชาติทับลาน โดย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
(รายละเอียดเพิ่มเติม ยื่นหนังสือต่อ ปธ.คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทบทวนขั้นตอนเพิกถอนพื้นที่ทับลาน) แยกปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 เป็นราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศอุทยานแห่งชาติทับลานทับที่ดิน ควรได้รับการแก้ไขเป็นอันดับแรก โดยการหาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการ
- กลุ่มที่ 2 ที่อยู่หลังการประกาศอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี 2524 จนถึงปี 2557 ผ่อนปรนให้สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ ตามมาตรา 64 พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
- กลุ่มที่ 3 ราษฎรที่ถือครองที่ดินโดยปกติทั่วไป ให้ดำเนินตามมาตรา 64 พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และกลุ่มทุน ที่ดินที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ และคนที่บุกรุกพื้นที่หลังปี 2557 ดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ครอบครองกลุ่มนี้

กรณีพื้นที่ทับซ้อนอุทยานแห่งชาติทับลาน โดย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
แยกปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินที่อยู่ในกํากับดูแลของหน่วยงานของรัฐและประชาชนในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 พื้นที่ ส.ป.ก. เนื้อที่ 53,416.47 ไร่
- กลุ่มที่ 2 พื้นที่ ส.ป.ก. ดำเนินการนอกพื้นที่กรมป่าไม้ส่งมอบ เนื้อที่ 8,328 ไร่
- กลุ่มที่ 3 โครงการเพื่อความมั่นคง (พมพ. และ คจก.) เนื้อที่ 87,500 ไร่
- กลุ่มที่ 4 พื้นที่ราษฎรที่อยู่นอกเขต ส.ป.ก. และโครงการเพื่อความมั่นคง เนื้อที่ 109,420.99 ไร่ (รวมพื้นที่ส่วนราชการ)
- กลุ่มที่ 5 ที่ราชพัสดุ สนามฝึกซ้อมรบ เนื้อที่ 6,621.12 ไร่
- พื้นที่จับกุมดำเนินคดี จำนวน 552 คดี เนื้อที่ 12,527.33 ไร่ (กระจายอยู่ในกลุ่ม 2, 3 และ 4)
- พื้นที่ผนวก เนื้อที่ 86,966.29 ไร่

การกระจายของสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
การศึกษาถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินต่อสังคมพืชตามธรรมชาติและถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่าพบว่ายังไม่มีผู้ศึกษาในเชิงลึกมาก่อนในประเทศไทย โครงการผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อสังคมพืชและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา จึงมีเป้าหมายเพื่อศึกษาถึงผลกระทบจากการพัฒนาพื้นที่เพื่อการเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวภายในตำบลไทยสามัคคีที่มีต่อสภาพสังคมพืชตามธรรมชาติและต่อสภาพถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ในผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ได้แก่ เก้ง กวางป่า กระทิง วัวแดง ช้างป่าและเสือโคร่ง และทำการเปรียบเทียบแนวทางเลือกในการจัดการพื้นที่ (management scenarios) ที่แตกต่างกันเพื่อชี้ให้เห็นถึงแนวทางการจัดการที่เหมาะสมต่อการรักษาคุณภาพและความเชื่อมโยงของถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดใหญ่ทั้ง 6 ชนิด ภายในกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (นันทชัย, 2558)

ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่เป็นถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดใหญ่หลากหลายชนิด เช่น กระทิง เก้ง กวางป่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช้างป่า วัวแดง และเสือโคร่ง ซึ่งมีสถานภาพเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ของโลก ในอดีตมีการพบร่องรอยของสัตว์เหล่านี้ทุกชนิด แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เสือโคร่งไม่ปรากฏร่องรอยในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อีกต่อไป
เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมโยงของประชากรสัตว์ป่า ปัจจุบันได้มีการสร้างทางเชื่อมสัตว์ป่า (Wildlife Corridor) ระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับอุทยานแห่งชาติทับลาน บนทางหลวงหมายเลข 304 ประกอบด้วยอุโมงค์ที่รถวิ่งลอดด้านล่างและดินถมด้านบนพร้อมต้นไม้ให้สัตว์ข้าม (Overpass) และสะพานยกระดับที่รถวิ่งบนสะพานและสัตว์ลอดใต้สะพานได้อย่างปลอดภัย (Underpass) ซึ่งช่วยให้สัตว์ป่าสามารถเคลื่อนย้ายระหว่างผืนป่าและรักษาระบบนิเวศได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ผืนป่าดงพญาเย็น–เขาใหญ่ พื้นที่ราบต่อเนื่องขนาดใหญ่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดใหญ่มีเพียงประมาณ 21% ของผืนป่า ซึ่งในอดีตสัตว์ป่าเคยอาศัยในพื้นที่ราบด้านนอกที่เหมาะสมกว่า แต่ปัจจุบันพื้นที่ราบหลายส่วนถูกเปลี่ยนเป็นเกษตรกรรม ทำให้สัตว์ป่าถูกผลักเข้าไปอยู่ด้านในที่มีพื้นที่ราบจำกัด อย่างไรก็ตาม ป่าเสื่อมโทรมที่เหลือยังมีความสำคัญ เพราะหญ้าและพุ่มไม้ในบริเวณนี้เป็นแหล่งอาหารชั้นดีสำหรับสัตว์กินพืชขนาดใหญ่ ทุกตารางเมตรของพื้นที่ราบจึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและความหลากหลายทางนิเวศของสัตว์ป่า (รายละเอียดเพิ่มเติม สรุปเสวนา “จากทับลานถึงเขาใหญ่” ผืนป่าที่ถูกเฉือน ?)
จากข้อมูลการลาดตระเวนเชิงคุณภาพของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช บริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน ระหว่างปี 2563-2568 ในบทความนี้ขอหยิบยกสัตว์ป่าที่มีผลกระทบโดยตรงกับชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ดังนี้
1. เสือโคร่ง เป็นสัตว์ป่าที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้หลากหลาย ทำให้อาศัยได้ในเกือบทุกสภาพสังคมพืช ยกเว้นบริเวณผืนป่าด้านบนที่ดูเหมือนเกาะสองเกาะในตำบลครบุรีใต้ ตำบลสะแกราช จังหวัดนครราชสีมา
2. ช้างป่า เป็นสัตว์ป่ามักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง มีพื้นที่หากินที่กว้างขวาง และหากินได้ในพื้นที่ป่าทุกประเภท จากข้อมูลการกระจายตัวของช้างป่าพบว่ามีแนวโน้มที่จะออกมาหากินในพื้นที่ที่ใกล้กับพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งชุมชนมากยิ่งขึ้น ในบริเวณพื้นที่อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงบริเวณทางหลวงหมายเลข 304
3. กระทิง โดยทั่วไปมักอาศัยอยู่ในป่าที่ลึก และมักพบได้ไม่ไกลจากแหล่งน้ำ ปกติกระทิงอาศัยรวมกันเป็นฝูงประมาณ 6 – 20 ตัว จากข้อมูลการกระจายตัวของกระทิงพบว่ามีแนวโน้มที่จะออกมาหากินในพื้นที่ที่ใกล้กับพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งชุมชนมากยิ่งขึ้น ในบริเวณพื้นที่อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงบริเวณทางหลวงหมายเลข 304

พื้นที่ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นพื้นที่ที่มีปัจจัยทางกายภาพเอื้อต่อการเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าขนาดใหญ่หลายชนิด แต่การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การสร้างรีสอร์ท สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว การตั้งถิ่นฐานชุมชน และเส้นทางคมนาคม ทำให้สัตว์ป่ามีร่องรอยการใช้พื้นที่น้อยลงอย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ป่าธรรมชาติใกล้เคียง เช่น บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลาน ทล.11 (ไทยสามัคคี) ซึ่งเป็นป่าดิบแล้งและป่าฟื้นฟูที่ปราศจากการรบกวน กลับพบร่องรอยสัตว์ป่าชัดเจนกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ตำบลไทยสามัคคียังมีความสำคัญเชิงระบบนิเวศในฐานะพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับอุทยานแห่งชาติทับลาน ทำให้เป็นเส้นทางผ่านสำคัญของสัตว์ป่า หากพื้นที่นี้ถูกพัฒนาเพิ่มขึ้น การสูญเสียถิ่นอาศัยและอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายของสัตว์ป่าจะยิ่งรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ทั้งระบบ

และการจำลองและคาดการณ์ความน่าจะเป็นของถิ่นที่อาศัยที่เหมาะสมต่อสัตว์ป่าในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ โดยคงสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินตามปัจจุบัน ให้พื้นที่ทับซ้อนยังคงถูกใช้เพื่อเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว และประเมินความเหมาะสมของถิ่นที่อยู่อาศัยสัตว์ป่า หากเทียบกับข้อมูลการลาดตระเวนเชิงคุณภาพระหว่างปี 2563-2568 พบว่าการคาดการณ์ความน่าจะเป็นของถิ่นที่อาศัยที่เหมาะสมต่อสัตว์ป่าในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในปี 2558 มีความสอดคล้องกัน นอกจากนี้การกระจายตัวของสัตว์ป่าบางชนิดพบว่ามีแนวโน้มที่จะออกมาหากินในพื้นที่ที่ใกล้กับพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งชุมชนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร มีข้อห่วงกังวลต่อที่ประชุม สำหรับการใช้เส้นปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานตามมติ ครม. ในเรื่องการเส้นปรับปรุงแนวเขตปี 2543 ยังไม่ได้มีการประกาศในพระราชกฤษฎีกา อีกทั้งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติในปี 2556 ขอยกเลิกการดำเนินการจัดทำเส้นปรับปรุงแนวเขตในอดีต โดยให้เหตุผลถึงความไม่สมบูรณ์ในการจัดทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องข้อมูลการถือครองที่ดินและให้ยึดเส้นแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา ปี 2524 (เอกสารสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่อง การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน) ลดคุณค่าความเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เพราะผืนป่าแห่งนี้เป็นพื้นที่ความหวังในการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งรองจากผืนป่าตะวันตก พื้นที่เพิกถอนบริเวณแนวเชื่อมต่อผืนป่า 304 เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หากิน และเส้นทางอพยพเคลื่อนย้ายของสัตว์ป่า การเพิกถอนพื้นที่จะก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนและสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น (รายละเอียดเพิ่มเติม 7 ข้อห่วงกังวลในการใช้เส้นปรับปรุงแนวเขต อช.ทับลาน ตามมติ ครม. 14 มี.ค. 66)
แนวทางและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ซ้อน โดย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
1. กระบวนการรับฟังความเห็น (เพิ่มเติม) โดย สคทช. เป็นผู้ดำเนินการ จะต้องไม่ใช่การยกเลิกกระบวนการการเปิดรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ในการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสระแก้ว ตามแผนการปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานจากการสำรวจแนวเขตเมื่อปี 2543 ตามมติคณะรัฐมนตรี 14 มีนาคม 2566 ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน – 12 กรกฎาคม 2567
2. ยกเลิกมติ ค.ร.ม. 14 มีนาคม 2566 โดยเฉพาะเส้นแนวเขตสำรวจเมื่อปี 2543 และสร้างกระบวนการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ดินตามบริบทของปัญหาการซ้อนทับที่มีความต่างกันในแต่ละจุด ดำเนินการจัดกลุ่มปัญหาประชาชนในพื้นที่ทับซ้อนให้ชัดเจน และเลือกใช้วิธีการแก้ไขปัญหาในแต่ละกลุ่มให้ถูกต้องเหมาะสม ตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนที่บุกรุกหรือซื้อขายที่ดินรัฐ โดยไม่เหมารวมใช้วิธีการเดียวกันในการแก้ไข
3. ให้ความสำคัญกับข้อตกลงใน MOU มรดกโลกทางธรรมชาติ ตามแนวทางอนุวัตตามอนุสัญญา และมิได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากคณะกรรมการมรดกโลก อาจทำให้แหล่งมรดกโลกเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อคุณลักษณะสำคัญของแหล่ง ทั้งนี้เป็นไปตามย่อหน้าที่ 180 (b) ของแนวทางอนุวัตตามอนุสัญญา และการจัดตั้งเขตกันชนใด ๆ จะต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการมรดกโลก ตามย่อหน้าที่ 107 ของแนวทางอนุวัตตามอนุสัญญา
4. ควรศึกษาข้อมูลและผลกระทบทางนิเวศวิทยา เนื่องจากพื้นที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เกณฑ์การเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า พันธุ์พืชสำคัญ หายาก หรือตกอยู่ในภาวะอันตราย ซึ่งการปรับเปลี่ยนแนวเขตภายในประเทศที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อขอบเขตของแหล่งมรดกหรือคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล (OUV)
5. การจัดเวทีรับฟังความเห็นเพิ่มเติม ควรให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ เช่น การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
แนวทางและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ซ้อน (เพิ่มเติม)

จัดทำโดย ฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
อ้างอิงและรวบรวมเนื้อหาจาก
- ปัญหาทางกฎหมายและนโยบายในการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนกันของที่ดินของรัฐ: ศึกษากรณีการทับซ้อนกันของที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน
- เอกสารสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่อง การปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
- ลำดับเหตุการณ์ปัญหาการทับซ้อนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
- สรุปเสวนา “จากทับลานถึงเขาใหญ่” ผืนป่าที่ถูกเฉือน ?
- สรุปประเด็น “เบื้องหลังเพิกถอน 2.6 แสนไร่ อุทยานแห่งชาติทับลาน”
- ขอให้พิจารณาตรวจสอบและทบทวนขั้นตอนการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
- ยื่นหนังสือต่อ ปธ.คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทบทวนขั้นตอนเพิกถอนพื้นที่ทับลาน
- แถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เครือข่ายพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
- 7 ข้อห่วงกังวลในการใช้เส้นปรับปรุงแนวเขต อช.ทับลาน ตามมติ ครม. 14 มี.ค. 66
- รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัย ผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อสังคมพืชและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา, นันทชัย พงศ์พัฒนานุรักษ์ และคณะ, 2558