กว่า 35 ปีหลังจากการจากไปของ สืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษผู้สละชีวิตเพื่อผืนป่าและสัตว์ป่า มรดกทางความคิดและการต่อสู้ยังคงส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ผืนป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวรที่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก หากแต่ยังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าหน้าที่ นักอนุรักษ์ และชุมชนรอบป่า ร่วมกันปกป้องและสืบสานเจตนารมณ์ของคุณสืบให้คงอยู่ตลอดไป
มุมมองจากประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ภาณุเดช เกิดมะลิ กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงตลอด 35 ปีหลังการจากไปของคุณสืบว่า ผืนป่าและสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่คุณสืบพยายามปกป้อง วันนี้ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งประชากรสัตว์ป่าที่เพิ่มมากขึ้น พื้นที่ป่าที่ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่จากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เปรียบเสมือนน้อง ๆ ของคุณสืบ ซึ่งทำงานสืบต่อกันรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน
ภาณุเดช ขยายความเรื่องการเพิ่มจำนวนของสัตว์ป่าว่า เป็นผลมาจากการดูแลและคุ้มครองพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สัตว์ป่ามีจำนวนมากพอขยายพันธุ์ไปสู่พื้นที่โดยรอบ สะท้อนให้เห็นรูปธรรมว่าการอนุรักษ์ได้ผลจริง
ขณะเดียวกัน ชุมชนที่อาศัยอยู่ในเขตกันชน (Buffer Zone) ก็ได้รับประโยชน์โดยตรง เพราะมีการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งการนำเที่ยวเชิงนิเวศ บริการเรือนำเที่ยว รถนำเที่ยว โฮมสเตย์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นบ้านจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว กิจกรรมเหล่านี้ทำให้ชุมชนเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ เพราะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้
ภาณุเดช ระบุต่อว่า ปัจจุบันผืนป่าทุ่งใหญ่และห้วยขาแข้งเปรียบเสมือน ‘พื้นที่แม่พันธุ์’ ของสัตว์ป่า ที่สามารถกระจายตัวออกไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติโดยรอบ เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เขาสนามเพรียง อุ้มผาง อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ แม่วงก์ คลองลาน คลองวังเจ้า และไทรโยค
ทั้งหมดถูกเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายผืนป่าตะวันตก ครอบคลุมกว่า 17 พื้นที่ รวม 11.7 ล้านไร่ ซึ่งเป็นระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่มีความต่อเนื่องและเอื้อต่อการกระจายพันธุ์ของสัตว์ป่า
นอกจากนี้ ภาณุเดชยังมองไกลไปถึงการเชื่อมโยงผืนป่าตะวันตกกับพื้นที่อนุรักษ์อื่น ๆ เช่น แก่งกระจาน และกลุ่มป่าแม่ปิง อมก๋อย หากทำได้สำเร็จ ประเทศไทยจะมีผืนป่าขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ซึ่งจะกลายเป็นฐานสำคัญในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
ซึ่งการทำงานนี้ไม่ได้เกิดจากมูลนิธิสืบฯ เพียงองค์กรเดียว แต่เป็นความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ รวมถึงองค์กรอย่าง WCS, WWF, Panthera และภาคีเครือข่ายอื่น ๆ โดยทุกฝ่ายล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากคุณสืบ นาคะเสถียร
ในขณะที่มรดกตกทอดจากคุณสืบ ภาณุเดชมองว่า มรดกที่คุณสืบทิ้งไว้สามารถแบ่งออกเป็น 2 มิติ มิติแรกคือมองแบบรูปธรรม คือเอกสารที่เสนอให้ทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก ซึ่งเปรียบเสมือนพินัยกรรมด้านการอนุรักษ์ ปัจจุบันเอกสารเหล่านี้ยังเป็นต้นแบบในการกำหนดทิศทางการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์
มิติที่สองมองแบบนามธรรม คือคุณค่าในตัวของคุณสืบเอง ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วประเทศลุกขึ้นมาปกป้องผืนป่าอย่างจริงจัง
สุดท้าย หากคุณสืบยังมีชีวิตอยู่และยืนอยู่เบื้องหน้า ภาณุเดชบอกว่า อยากกล่าวกับคุณสืบด้วยถ้อยคำของเพื่อนสนิทของคุณสืบที่เคยทำงานร่วมกันกับคุณสืบสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า “ถ้าคุณสืบอยู่ตรงนี้ คุณสืบคงดีใจกับสิ่งที่คุณสืบพยายามผลักดันมาตลอดชีวิต เพราะวันนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว เราไม่เพียงทำให้ความฝันของคุณสืบเป็นจริง แต่กำลังพยายามฝันต่อไปให้ไกลกว่าเดิม”


กิจกรรมรำลึก 35 ปี สืบ นาคะเสถียร Seub Life Fest สืบสานงานอนุรักษ์ 13 – 14 กันยายน 2568 ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี ชั้น 3 และชั้น 5 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.seub.or.th/35thseub/
ผู้เขียน
นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้