สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่าและลิง ที่สร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ชุมชุม ที่ความทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงมูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดเวทีประชุมเพื่อทำความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานตามคู่มือแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนภายใต้แนวทางการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างกลไกให้ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายภาณุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้สะท้อนปัญหาในเวทีประชุมว่า วันนี้สัตว์ป่าได้ออกมานอกพื้นที่อนุรักษ์ซึ่งเป็นบ้านของเขา ทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ทำกินของชาวบ้านและเป็นภัยคุกคามต่อชุมชน กลายเป็นความขัดแย้งที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) คือหลักสำคัญในการจัดการความขัดแย้งนี้
ขณะที่ ดร.สมหญิง ทัฬหิกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ระบุว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการแก้ปัญหาร่วมกัน แต่ยังติดข้อจำกัดเรื่องอำนาจหน้าที่และงบประมาณของท้องถิ่น ทำให้การแก้ปัญหาไม่สามารถดำเนินไปได้เต็มรูปแบบ คู่มือฉบับนี้จึงถูกจัดทำเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยหัวใจสำคัญของ (ร่าง) คู่มือแนวทางปฏิบัติเพื่อการแก้ไขสัตว์ป่า ที่จัดทำขึ้น แบ่งเนื้อหาเป็น 4 บท ได้แก่ การแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง, การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาสัตว์ป่า ,ขั้นตอนการขออนุญาตดำเนินการ และแนวทางการตั้งงบประมาณของ อปท.
ภายในเนื้อหามีการกำหนดกลุ่มกิจกรรมที่ อปท. สามารถดำเนินการได้ เช่น กิจกรรมที่ทำได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต เช่น การตั้งเครือข่ายชุมชนเฝ้าระวัง การติดตั้งเครื่องเตือนภัย ไฟส่องสว่าง หรือแนวป้องกันสัตว์ป่านอกพื้นที่อนุรักษ์ การจัดซื้ออุปกรณ์ในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสัตว์ป่า หรือการจัดทำแผนโครงการรวบรวมข้อมูลติดตามสถานการณ์
สำหรับกิจกรรมเร่งด่วนที่ทำได้ทันที แล้วรายงานอธิบดีกรมอุทยานฯ เช่น การจับสัตว์ป่าที่เข้ามารบกวนชุมชนเฉพาะหน้า การนำสัตว์ป่าที่ได้รับการบาดเจ็บมาดูแลเบื้องต้น กิจกรรมที่ต้องขออนุญาตกรมอุทยานฯ เช่น การทำหมันสัตว์ป่า (ลิง) การนำสัตว์ปลาที่ได้รับบาดเจ็บพัดหลงมาดูแลในสภาพกรงเลี้ยงหรือการจัดตั้งสถานพยาบาลสัตว์ ส่วนกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับพื้นที่อนุรักษ์ เช่น การปรับปรุงแหล่งน้ำ แหล่งอาหารสำหรับสัตว์ป่า หรือแนวกันชนสัตว์ป่า
นอกเหนือจากการทำความเข้าใจคู่มือแล้ว เวทีประชุมยังเปิดโอกาสให้ตัวแทนจากท้องถิ่นได้สะท้อนปัญหาจากการปฏิบัติงาน เพื่อให้กรมอุทยานฯ นำไปพิจารณาปรับปรุงแนวทาง โดยมีประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ได้แก่ ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน, อุปสรรคในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงความชัดเจนด้านงบประมาณหรือหลักเกณฑ์เงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า
อย่างไรก็ตามปัญหาหลักในปัจจุบัน ได้แก่ ช้างป่าและลิง ที่สร้างผลกระทบต่อชุมชนในหลายพื้นที่ การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาจัดการโดยตรง จะช่วยให้การแก้ปัญหาเป็นระบบ สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ และลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าได้อย่างยั่งยืน











ผู้เขียน
นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้