“เราขอพูดในนามของสัตว์ป่า” คำกล่าวเปิดของหัวหน้าวิชาการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ที่เดินหน้าสานต่ออุดมการณ์ของ ‘สืบ นาคะเสถียร’ ด้วยการทำงานในนามของสัตว์ป่า โดยยกตัวอย่างสัตว์สี่ชนิดที่องค์กรได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์
ในเวทีสัมมนา ชฎาภรณ์ ศรีใส หัวหน้าฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ของ สืบ นาคะเสถียร ที่ว่า “ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่า” ด้วยการทำงานในนามของสัตว์ป่าเช่นกัน
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ยกตัวอย่างสัตว์สี่ชนิดที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ถึงใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ทั้งในระดับ IUCN และในประเทศไทย โดยชฎาภรณ์ กล่าวว่า การอนุรักษ์สัตว์ป่าไม่สามารถทำได้โดยองค์กรเดียว จำเป็นต้องมีเครือข่ายพันธมิตรและนโยบายภาครัฐเข้ามาสนับสนุน เพื่อให้การอนุรักษ์สัตว์แต่ละชนิดประสบความสำเร็จ โดยมูลนิธิสืบฯ เน้นการสร้าง ‘พลังเครือข่าย’ ทั้งคนในชุมชน ภาคประชาชน นักวิชาการ จนถึงผู้กำหนดนโยบาย และได้ยกตัวอย่างความสำเร็จในการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย


พญาแร้ง จุดเปลี่ยนทัศนคติ สู่ความหวังในการคืนถิ่นและการฟื้นระบบนิเวศของทั้งพื้นที่
มูลนิธิสืบนาคะเสถียรมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและระดมทุน โดยเริ่มจากการช่วยเปลี่ยนมุมมองของคนที่เคยรู้สึกไม่ดีกับพญาแร้ง ให้หันมามองในแง่บวกมากขึ้น ผ่านเพจ ‘พญาแร้งคืนถิ่น’ ที่คอยอัปเดตความคืบหน้า แชร์ภาพถ่ายและพฤติกรรมของพญาแร้งรุ่นใหม่ รวมถึงพญาแร้งตัวน้อย ๆ ที่เกิดใหม่ เพื่อให้ผู้คนค่อย ๆ จดจำพญาแร้งในภาพลักษณ์ที่อบอุ่นและน่ารักกว่าเดิม
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งอยู่ถัดจากวันรักษ์นกเงือกเพียงหนึ่งวัน จึงถูกกำหนดให้เป็น ‘วันรักษ์พญาแร้ง’ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาให้ความสนใจกับนกนักทำความสะอาดประจำผืนป่าตัวนี้มากขึ้น กิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยสองปีแรกจัดที่สวนสัตว์นครราชสีมา ส่วนปีล่าสุดได้ย้ายมาจัดที่กรุงเทพฯ หวังจะเปิดพื้นที่ให้คนเมืองได้รู้จักและใกล้ชิดกับพญาแร้งมากขึ้น แม้การประชาสัมพันธ์ในกรุงเทพฯ อาจยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร แต่ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญในการเตรียมการให้ดียิ่งขึ้นในปีถัดไป
ผลจากการประชาสัมพันธ์ของมูลนิธิสืบนาคะเสถียรทำให้ทัศนคติของประชาชนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่เคยแสดงความเห็นเชิงลบเมื่อมีลูกพญาแร้งตัวแรกเกิด ก็เปลี่ยนเป็นการร่วมแสดงความยินดีเมื่อมีลูกตัวที่สอง แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จก้าวแรกในการสร้างการรับรู้และเปลี่ยนทัศนคติทั้งในระดับพื้นที่และในภาคสังคมเมือง
กวางผา ตัวแทนสัตว์ติดเกาะและการสานต่อเจตนารมณ์ สืบ นาคะเสถียร
กวางผาเป็นสัญลักษณ์ของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และเป็นสัตว์ชนิดแรก ๆ ที่ สืบ นาคะเสถียร ได้เข้ามาสำรวจประชากรที่ดอยม่อนจอง มูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้สานต่อภารกิจนี้ โดยแบ่งการทำงานออกเป็นสามส่วน คือ การศึกษาประชากร การศึกษาพันธุกรรม และการสนับสนุนการปกป้องพื้นที่
มูลนิธิสืบนาคะเสถียรมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและระดมทุนเพื่อติดตามประชากรกวางผา โดยมีการเปิดระดมทุนเพื่อซื้อปลอกคอติดตามประชากร การทำงานนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เครือข่ายภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสนับสนุนการกรงที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เพื่อปรับสภาพก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
ปลาซิวสมพงษ์ ปลาเล็ก เรื่องใหญ่ ที่ทุ่งใหญ่ปากพลี
ปลาซิวสมพงษ์เป็นสัตว์ที่ให้ชื่อว่าเป็น ‘สัตว์เล็กที่เป็นเรื่องใหญ่’ เนื่องจากเป็นชนิดที่หายาก พบได้เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยคือที่ทุ่งใหญ่ปากพลี จังหวัดนครนายก และเป็นหนึ่งใน 100 ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ที่ IUCN เร่งรัดให้มีการอนุรักษ์
มูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้รับการสนับสนุนจากกองทุนต่างประเทศเพื่อศึกษาประชากรปลาซิวสมพงษ์ ซึ่งหายไปจากพื้นที่กว่า 30 ปี และเพิ่งถูกค้นพบอีกครั้ง การดำเนินโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจประชากร สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ถึงความสำคัญของปลาซิวสมพงษ์ในฐานะตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
หลังจากดำเนินโครงการมา 2-3 ปี พบว่าประชากรปลาซิวสมพงษ์มีการกระจายตัวเพิ่มมากขึ้น ชาวบ้านเริ่มเห็นคุณค่าของปลาซิวสมพงษ์ และตระหนักว่าพื้นที่ทุ่งใหญ่ปากพลี มีความสำคัญต่อสัตว์ชนิดอื่น ๆ รวมถึงเป็นแหล่งพักพิงในช่วงฤดูกาลอพยพของนก เช่น เหยี่ยวหูดำ และแร้งหิมาลัยสีน้ำตาล จึงเกิดความต้องการที่จะอนุรักษ์พื้นที่นี้
ปัจจุบันมีการส่งเสริมการเพาะขยายพันธุ์ปลาซิวสมพงษ์ร่วมกับกรมประมงและภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ และชวนชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในฐานะนักวิจัย
เสือปลา ลดความขัดแย้ง สร้างการอยู่ร่วมกันกับชุมชน
เสือปลา หรือ ‘นักล่าในพื้นที่ชุ่มน้ำ’ เป็นเสือขนาดเล็กที่มักอยู่นอกพื้นที่คุ้มครอง โดยก่อนหน้านี้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า เช่น การเข้าทำลายข้าวของ หรือล่าไก่ชนของชาวบ้าน มูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ แพนเทอรา และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อศึกษาข้อมูลประชากร และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อลดความขัดแย้ง
ปัจจุบันมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากเสือปลา และหลังจากจบโครงการ จะมีการผลักดันให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการกองทุนได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียรยังส่งเสริมอาชีพดั้งเดิมของชาวบ้าน เช่น การทำกะปิ และการทำปลาสลิด เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้ และยังคงรักษาสภาพพื้นที่เดิมไว้ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเสือปลา ปัจจุบันสินค้าเหล่านี้เริ่มขาดตลาด เนื่องจากได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การทำงานร่วมกับเชิงเครือข่าย จะทำให้งานอนุรักษ์ขับเคลื่อนได้จริง?
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแบบการทำงานเป็นเครือข่ายหลายระดับ ได้แก่
- Policy Maker เช่น เสนอข้อคิดเห็นต่อกฎหมาย พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ร่วมกำหนดทิศทางการจัดสัตว์ป่า
- เจ้าหน้าที่รัฐ เช่น เสริมศักยภาพเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า
- ชุมชนท้องถิ่น เช่น ร่วมกันสร้างแนวทางการอยู่ร่วมกับสัตว์ป่า เราทำงานกับชาวบ้าน อาสาสมัคร นักวิชาการ นักเรียน
“สัตว์ป่าอยู่รอดได้…เพราะมีคนที่ไม่ยอมให้มันสูญพันธุ์” เราทุกคนมีบทบาทในการปกป้องสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันความรู้ สนับสนุนการทำงาน หรือแค่เริ่มต้นด้วยการรับฟัง เพราะการอนุรักษ์เริ่มต้นที่เรา





เวทีสัมมนาครั้งนี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เข้าร่วมการสัมมนาทางวิชาการสัตว์ป่าสงวนครั้งที่ 17 (THE 17 ZOO ANIMAL CONFERENCE) ในหัวข้อ “Together for Tomorrow” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2568 เพื่อนำเสนอแนวคิด “จากคนถึงสัตว์ป่าพลังเครือข่ายเพื่อการอนุรักษ์ Conservation Starts with Us: Engaging People for Wildlife Protection”
ผู้เขียน
นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้