ความเคลื่อนไหวคดีล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่ในรอบสัปดาห์ (1–8 เม.ย.)

ความเคลื่อนไหวคดีล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่ในรอบสัปดาห์ (1–8 เม.ย.)

สัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวที่สำคัญของคดีล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวรที่นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งล่าสุดทางอัยการได้มีคำสั่งฟ้องทั้ง 4 ผู้ต้องหาไปแล้วเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา

 

 

โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน คณะคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาดำเนินคดี ได้แถลงสรุปรายละเอียดการสั่งฟ้องนายเปรมชัยและพวก โดยประกอบไปด้วย สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 6 ข้อหา สั่งฟ้องนายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 จำนวน 7 ข้อหา สั่งฟ้องนางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 จำนวน 5 ข้อหา และสั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 จำนวน 8 ข้อหา

พร้อมกันนี้ ทางอัยการภาค 7 ได้เรียกค่าเสียหายทางอาญาต่อผู้ต้องหาทั้ง 4 ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 462,000 บาท ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นคนละส่วนกับที่กรมอุทยานฯ จะเรียกร้องค่าเสียระบบนิเวศทางแพ่งจำนวน 12,797,724 บาท

หลังจากแถลงคำสั่งฟ้องแล้ว อัยการภาค 7 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้มีความเห็นทางคดีว่า เห็นชอบในคำสั่งทีอธิบดีอัยการภาค 7 หรือไม่ (ตามกระบวนกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 145/ 1) และคณะทำงานได้เตรียมร่างคำฟ้องเรียบร้อยแล้ว หากบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เห็นชอบก็จะยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แต่หากมีความเห็นไม่เห็นด้วยแล้วกับคำสั่งอธิบดีอัยการภาค 7 ก็จะส่งสำนวนคดีแก่อัยการสูงสุด เพื่อให้ชี้ขาดความเห็นแย้ง และสำนักงานอัยการภาค 7 จะยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีตามระบบต่อไป

ดูเพิ่มเติม สรุปจำนวนคดีที่อัยการสั่งฟ้อง 4 ผู้ต้องหา ล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และคำแถลงผลการพิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก โดย สำนักงานอัยการ ภาค 7 สำนักงานอัยการสูงสุด (ฉบับเต็ม)

 

 

ในส่วนที่อัยการภาค 7 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้มีความเห็นทางคดีว่า เห็นชอบในคำสั่งฟ้องที่อธิบดีอัยการภาค 7 ระบุ ทางด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 5 เมษายนว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อหารือแนวทางการทำความเห็นแย้ง ในกรณีที่อัยการภาค 7 มีความเห็นไม่สั่งฟ้องนายเปรมชัย รวม 5 ข้อหา เพราะมั่นใจว่าพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์ และทางตำรวจยังยืนยันในแาวทางเดิมคือสั่งฟ้องทุกข้อหา

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังกล่าวอีกว่า สำนวนคดีเรียกรับสินบน และคดีครอบครองงาช้าง ที่พนักงานสอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย และส่งให้อัยการ พิจารณามีความเห็นสั่งคดีนั้น จะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับการไม่สั่งฟ้องบางข้อหาของสำนวนลักลอบล่าสัตว์ป่า เพราะเชื่อมั่นในชั้นพนักงานสอบสวน

อย่างไรก็ตามในส่วนอีก 3 สำนวนนั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของชั้นอัยการ และอัยการจะนัดมาฟังคำสั่งในวันที่ 30 เมษายน

ดูเพิ่มเติม “ศรีวราห์” เตรียมส่งแย้งอัยการไม่ฟ้อง 5 ข้อหาคดีเปรมชัย

 

 

ซึ่งหลังจากที่สาธารณชนทราบถึงรายละเอียดการสั่งฟ้องก็ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการไม่สั่งฟ้องในบางข้อหา ต่อเรื่องนี้นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 ได้ออกมากล่าวยืนยันแม้ข้อหาที่ไม่ได้สั่งฟ้อง อัยการก็จะบรรยายพฤติการณ์ทุกข้อหาประกอบคำฟ้องอยู่แล้ว การทำงานของอัยการ หากพยานหลักฐานพอฟ้องก็จะต้องสั่งฟ้อง แต่หากการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ก็จะไม่สั่งฟ้อง

“ยืนยันว่าทุกข้อหาที่จะสั่งฟ้องนั้นหวังผลในเอาผิดผู้ต้องหา เพราะเมื่อเบิกความต่อศาล อัยการต้องนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีไปเบิกความ จะแตกต่างกับการรวบรวมสำนวนในชั้นของตำรวจที่เป็นระบบกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหาไม่มีโอกาสโต้แย้ง แต่ในชั้นอัยการเมื่อจะมีทนายความของผู้ต้องหามาโต้แย้ง ดังนั้นพยานหลักฐานทุกอย่างจะต้องแน่นหนา และทำอย่างรอบคอบ” นางสมศรี กล่าว

ดูเพิ่มเติม อัยการยันสั่งฟ้อง‘เปรมชัย’6ข้อหาหนัก หวังผลเอาผิด

ทางด้านของนายเปรมชัย และผู้ต้องหาอีก 3 คนนั้น ในวันที่ 9 เมษายนนี้ จะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 5 โดยนายเปรมชัยและพวกจะต้องเดินทางไปรายการตัวต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิด้วยตนเอง และยังต้องมารายงานตัวต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิอีก 2 ครั้ง เมื่อครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 6 และ ครั้งที่ 7

 

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร