สรุปจำนวนคดีที่อัยการสั่งฟ้อง 4 ผู้ต้องหา ล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

สรุปจำนวนคดีที่อัยการสั่งฟ้อง 4 ผู้ต้องหา ล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

นับตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจทองผาภูมิ ได้ส่งสำนวนสอบสวนคดีอาญา นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก แก่อัยการภาค 7 รับไปพิจารณาสำนวนคดี ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายน อัยการภาค 7 โดย คณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาดำเนินคดี ได้แถลงสรุปรายละเอียดการสั่งฟ้องนายเปรมชัยและพวกรวม 4 คน เป็นที่เรียบร้อย และกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ให้ความเห็นทางคดีว่าเห็นชอบในคำสั่ง เพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป

สำหรับในรายละเอียดคำสั่งฟ้องข้อหา ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย

 

สั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 6 ข้อหา ประกอบไปด้วย

  1. ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  4. ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  5. ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากสัตว์ป่าที่ได้จากการกระทำความผิด
  6. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

ไม่สั่งฟ้องนายเปรมชัยในข้อหา (1) ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต (2) ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (3) ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต (4) ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต และ (5) ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร

 

สั่งฟ้องนายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 จำนวน 7 ข้อหา ประกอบไปด้วย

  1. ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  4. ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  5. ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากสัตว์ป่าที่ได้จากการกระทำความผิด
  6. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
  7. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ไม่สั่งฟ้องนายยงค์ในข้อหา (1) ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ (2) ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (3) ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และ (4) ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร

 

สั่งฟ้องนางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 จำนวน 5 ข้อหา ประกอบไปด้วย

  1. ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากสัตว์ป่าที่ได้จากการกระทำความผิด
  4. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
  5. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ไม่สั่งฟ้องนางนทีในข้อหา (1) ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (2) ร่วมกันนำเครื่องมือ สำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ใดๆเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์ (3) ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (4) ร่วมกันทำทารุณกรรมสัตว์ป่าโดยไม่มีเหตุอันสมควร (5) ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต และ (6) ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

สั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 จำนวน 8 ข้อหา ประกอบไปด้วย

  1. ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  4. ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  5. ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากสัตว์ป่าที่ได้จากการกระทำความผิด
  6. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
  7. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  8. พยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

ไม่สั่งฟ้องนายธานี ในข้อหา (1) ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (2) ร่วมกันนำเครื่องมือ สำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์ และ (3) ร่วมกันทำทารุณกรรมสัตว์ป่าโดยไม่มีเหตุอันสมควร

 

นอกจากคำสั่ง ทางอัยการภาค 7 ได้เรียกค่าเสียหายทางอาญาต่อผู้ต้องหาทั้ง 4 ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 462,000 บาท ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นคนละส่วนกับที่กรมอุทยานฯ จะเรียกร้องค่าเสียระบบนิเวศทางแพ่งจำนวน 12,797,724 บาท

หลังจากแถลงคำสั่งฟ้องแล้ว อัยการภาค 7 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้มีความเห็นทางคดีว่า เห็นชอบในคำสั่งทีอธิบดีอัยการภาค 7 หรือไม่ (ตามกระบวนกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 145/ 1) และคณะทำงานได้เตรียมร่างคำฟ้องเรียบร้อยแล้ว หากบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เห็นชอบก็จะยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แต่หากมีความเห็นไม่เห็นด้วยแล้วกับคำสั่งอธิบดีอัยการภาค 7 ก็จะส่งสำนวนคดีแก่อัยการสูงสุด เพื่อให้ชี้ขาดความเห็นแย้ง และสำนักงานอัยการภาค 7 จะยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีตามระบบต่อไป

สำหรับการดำเนินคดีอื่นๆ ต่อนายเปรมชัย ในข้อหาอาวุธปืนและงาช้างจากการตรวจยึดได้จากบ้านของนายเปรมชัย และติดสินบนเจ้าพนักงานที่มีนายยงค์ โดดเครือตกเป็นผู้ต้องหาร่วมด้วยนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 จ.สมุทรสงคราม และจะมีแถลงเรื่องคำสั่งฟ้องในวันที่ 30 เมษายนนี้

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร