เมื่อทรัพยากรของโลกมีอย่าง ‘จำกัด’ แต่ความต้องการของมนุษย์มีอย่าง ‘ไม่จำกัด’
ทุกครั้งที่เรากินอาหาร ขับรถ ซื้อเสื้อผ้า หรือแม้แต่เปิดไฟใช้ไฟฟ้า นั่นหมายถึงเรากำลังใช้ทรัพยากรของโลกที่มีต้นทุนคือ ‘ธรรมชาติ’ ที่นับวันจะถูกทำลายมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับความต้องการของมนุษย์ที่ไม่มีขีดจำกัด เกร็ดความรู้ในวันนี้ชวนทำความเข้าใจกับ Ecological Footprint ว่าคืออะไรและทำไมเราถึงใช้โลกไปแล้วเกือบ 2 ใบต่อปี!
Ecological Footprint คืออะไร?
Ecological Footprint คือตัวชี้วัดที่บอกว่ามนุษย์ใช้ทรัพยากรจากโลกไปมากแค่ไหน เมื่อเทียบกับความสามารถในการฟื้นฟูทางชีวภาพ
หรือสรุปให้เข้าใจง่ายคือ เราใช้ทรัพยากรเกินกว่าที่โลกจะสามารถฟื้นฟูทรัพยากรหรือไม่ ซึ่งคำนวณจาก Biocapacity หรือความสามารถทางชีวภาพที่จำเป็นต้องมี เพื่อผลิตทรัพยากรและดูดซับของเสียรวมถึงคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์สร้างขึ้น
‘Biocapacity’ หรือความสามารถทางชีวภาพคืออะไร?
Biocapacity หมายถึง ศักยภาพของระบบนิเวศในการผลิตทรัพยากรที่มนุษย์ต้องการและดูดซับของเสียที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งคือทุกพื้นที่ที่ต้องพึ่งพาระบบธรรมชาติหรือนิเวศบริการ เช่น พื้นที่ป่าไม้เพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ พื้นที่เพาะปลูก การเกษตร เพื่อผลิตแหล่งอาหาร พื้นที่พัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่ทางทะเล แหล่งน้ำจืด พื้นที่ชุ่มน้ำ รวมถึงพื้นที่ธรรมชาติที่สามารถดูดซับของเสียโดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานฟอสซิล เมื่อนำพื้นที่เหล่านี้มารวมกันจะได้ตัวเลข ‘ความสามารถในการรองรับชีวภาพของโลก’ ที่โลกต้องมีเพื่อรองรับความต้องการของมนุษย์
Ecological footprint มีหน่วยวัดคือ ‘Global hectare’
เพื่อเป็นมาตรฐานสากลและใช้เปรียบเทียบกันได้ทั่วโลก นักวิจัยจึงใช้หน่วยที่เรียกว่า Global hectare (gha) คือพื้นที่ชีวภาพ 1 เฮกตาร์ ที่มีความสามารถในการผลิตทรัพยากรเฉลี่ยของโลกในปีนั้น ๆ
ปัจจุบันเรากำลังใช้โลกไปแล้ว 1.8 ใบต่อปี!
ข้อมูลล่าสุดจาก Global Footprint Network ชี้ว่ามนุษย์ต้องการการรองรับทางชีวภาพประมาณ 21.5 พันล้าน Global hectare เพื่อรองรับความต้องการของมนุษย์ทั้งหมด แต่ปัจจุบันโลกของเรามีให้เพียง 11.9 พันล้าน Global hectare เท่านั้น
นั่นหมายความว่า ปัจจุบันเรากำลังใช้ทรัพยากรโลกในอัตรา 1.8 เท่า หรือเทียบเท่ากับโลก 1.8 ใบ! เราใช้ทรัพยากรเกินกว่าที่โลกจะสามารถฟื้นฟูทรัพยากรได้ทัน และเรากำลังใช้ทรัพยากร ‘ล่วงหน้า’ จากอนาคต
ระบบนิเวศของโลกไม่สามารถผลิตทรัพยากรและดูดซับของเสียได้ทันเท่าที่เราต้องการอีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์ยังออกมาเตือนอีกว่า ‘ถ้าอยากรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพภูมิอากาศให้อยู่ในระดับสมดุล เราควรใช้ทรัพยากรไม่เกินครึ่งหนึ่งของที่โลกสามารถผลิตได้’ ซึ่งหมายความว่าเราต้องลดการใช้ทรัพยากรให้ได้ถึง 3 เท่า! จากตัวเลขในปัจจุบัน ถึงจะทำให้โลกอยู่ในระดับที่สมดุล

แล้วเราทำอะไรได้บ้าง?
การลดใช้ทรัพยากรโลกสามารถเริ่มได้ที่ตัวเราเอง อาทิ
ปรับพฤติกรรมการบริโภค เช่น การเลือกซื้อของเท่าที่จำเป็นและใช้ซ้ำให้ได้นานที่สุด การสนับสนุนสินค้าที่ผลิตอย่างยั่งยืน อย่างเสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ อาหารออร์แกนิคที่ไม่ใช้สารเคมี รีไซเคิลหรืออัพไซเคิลเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ลดการบริโภคเนื้อแดง และเพิ่มสัดส่วนพืชผักและพืชโปรตีน รวมถึงเลือกอาหารท้องถิ่นตามฤดูกาล
ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ กว่า 60% ของ Ecological Footprint ทั่วโลก มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดจึงเป็นทางออกที่สำคัญ เช่น การติดตั้งโซล่าเซลล์ เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ปั่นจักรยาน หรือใช้รถ EV
ฟื้นฟูพื้นที่ธรรมชาติ เช่น สร้างพื้นที่สีเขียวในบ้านและในเมือง
Ecological Footprint ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่เป็นสิ่งที่ยืนยันและสะท้อนว่าเรากำลังอยู่เกินขอบเขตที่โลกจะรับมือไหวหรือไม่ ถ้าไม่เริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าเราอาจไม่มี ‘โลก’ ให้ใช้แม้แต่ใบเดียวเลยก็ได้
อ้างอิง
ผู้เขียน
สาวแว่นทาสแมวที่ชอบบอกเล่าเรื่องราวผ่านลายเส้น มีธรรมชาติช่วยฮีลใจ และหลงใหลในพระจันทร์เสี้ยว