เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 จังหวัดอุทัยธานีจัดกิจกรรมเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเสริมศักยภาพเครือข่ายภาคประชาชนระดับตำบล เพื่อเฝ้าระวังและรับมือไฟป่าในพื้นที่เสี่ยง โดยบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภายใต้โครงการขับเคลื่อนแผนปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของจังหวัด
กิจกรรมประกอบด้วย การเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการไฟป่าและฝุ่นละออง PM 2.5 แบบมีส่วนร่วม การจัดทำข้อมูลปัญหาและแนวทางแก้ไขจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 24 แห่งในจังหวัด นิทรรศการความรู้เรื่องไฟป่า หมอกควัน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ


อุทัยธานีจุดความร้อนลดลงกว่า 90%
ความสำเร็จเกิดจากการร่วมแรงของหลายฝ่าย โดยการทำแนวกันไฟ การลาดตระเวนเข้มงวด จัดตั้งจุดสกัด และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ทั้งในพื้นที่อนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ
นอกจากนี้ยังมีการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการไฟป่า โดยมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาให้ความรู้ อบรมการจัดการไฟป่า รวมถึงการสนับสนุนอุปกรณ์ในการจัดการไฟป่า
มาตรการด้านกฎหมาย มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เช่น การเผาป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี – 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000 – 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เผาในพื้นที่ป่าสงวน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือจำคุก กรณีเนื้อที่เกินกว่า 25 ไร่ จำคุกตั้งแต่ 4 ถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 200,000 ถึง 2,000,000 บาท
การเผา ในพื้นที่ ส.ป.ก. ปฏิรูปที่ดินจังหวัดจะมีหนังสือเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนข้อกำหนดมีโทษสูงสุด สิ้นสิทธิและต้องออกจากที่ดิน
การเผาอ้อย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท อีกทั้งโรงงานน้ำตาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันจัดการปัญหา ไม่รับซื้ออ้อยที่เผามา


การปกป้องป่า คือการปกป้องชีวิต
ไฟป่าไม่เพียงทำลายต้นไม้ แต่ยังส่งผลต่อดิน น้ำ และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ โดยการจัดการไฟป่าในภาพรวมของจังหวัดอุทัยธานีที่ผ่านมา ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการไฟป่า ทั้งการป้องกัน เฝ้าระวัง และฟื้นฟู ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากไฟ แต่ยังเป็นการรักษาพื้นที่ป่าไม้ซึ่งเป็น ‘บ้าน’ ของสัตว์ป่านานาชนิด
โดยเฉพาะพื้นที่มรดกโลก ทุ่งใหญ่นเรศวร–ห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี แหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของเสือโคร่ง ควายป่า วัวแดง และเป็นพื้นที่หลักในการฟื้นฟูประชากร พญาแร้ง ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง ดังนั้น การมีส่วนร่วมของชุมชนจึงเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อรักษาผืนป่าอุทัยธานีให้คงอยู่เป็น ‘แหล่งชีวิต’ ของทั้งคนและสัตว์ป่าต่อไป
ชมภาพกิจกรรมทั้งหมดที่นี่
ผู้เขียน
ผู้ที่อยากบอกเล่าเรื่องราวจากป่า ให้ตรงกับนามสกุล