28 ปี ที่โลกเปลี่ยนไป

28 ปี ที่โลกเปลี่ยนไป

แสงสุดท้ายของวันลับไปจากเงื้อมผาเขาหินแดง ความมืดเข้าปกคลุมฝั่งตะวันตกของลำห้วยทับเสลาอันเป็นที่ตั้งของที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ข้ามฝั่งไปคือหมู่บ้านและโรงเรียนเขาหินแดง ชุมชนในป่าที่ต้องใช้ทางดินหินโผล่สัญจรเข้ามาจากถนนนอก

ก่อนนี้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหนุ่มใหญ่สะสางการงานประจำวัน สั่งลูกน้องวิทยุไปบอกยกเลิกนัดหมายที่จะบรรยายวิชาการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกครั้ง หลังจากเปลี่ยนใจจะไปเองอยู่รอบหนึ่ง ก่อนนั้นเขาเคยตั้งใจจะส่งม้วนวีดีโอไปเปิดแทน การยกเลิกนัดหมายครั้งนี้

เขาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะอยู่ “ที่นี่”

ผ่านหัวค่ำ เหล้านอกเลิศรสที่มีผู้กำนัลมา ถูกหัวหน้าเขตยกมาดื่มกับลูกน้องที่เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าคนสนิท ชื่อ “หม่อม” หลังอาคารพักห้องพักของหม่อมที่ใช้เป็นโรงครัว ที่โต๊ะอาหารเล็กๆ หม่อมจำได้ว่ากินกันสามคน เหล้าตราดำเพียวๆ ถูกรินแจกจ่ายไม่มีโซดา น้ำแข็ง นี่เป็นเรื่องธรรมดาในป่าที่ วงเหล้าคุยงานการสัพเพเหระ พร่องค่อนขวดหม่อมจึงขอตัวไปตรวจเวรยามตามหน้าที่ปล่อยหัวหน้ารักษาพงไพรจังหวัดอุทัย ห้วยขาแข้ง คนนั้น นั่งต่อในความมืด

ก่อนเที่ยงคืน หม่อมเดินกลับมาที่โรงอาหารชื่อแปลก “ติเตะ” ไม่ไกลจากห้องครัวที่นั่งดื่มกับหัวหน้า หม่อมมาพบกับหัวหน้าของเขาอีกครั้ง หัวหน้าขอยาเส้นจากเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ยามเฝ้าสำนักงานที่เจอที่ติเตะ มวนพ่นไฟวาบ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ถามคำถามที่หม่อมคิดว่าไม่น่าถามว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นอยู่เป็นอย่างไร อยู่ได้ไหม ที่บ้านเป็นไง เพราะก็เป็นคนที่หัวหน้าเคยคุ้น แต่หม่อมก็ไม่ได้เฉลียวใจว่านั่นเป็นคำถาม ความห่วงใยต่อลูกน้องครั้งสุดท้าย

หม่อมเดินออกมาส่งหัวหน้าสืบที่ซุ้มเฟื่องฟ้าที่ทางเดินผ่านห้องพักของเขาลงเนินเดินไปยังบ้านพักหัวหน้าเขต ที่ปลูกโดดค่อนไปทางตลิ่งริมห้วยทับเสลาที่ข้ามไปก็เป็นตีนเขาหินแดง ลำน้ำที่ไหลจากป่าผ่านหน้าบ้านพักหัวหน้าเขตก่อนอ้อมวกไปทางหมู่บ้านด้านตะวันออก

หัวหน้าสืบใช้แววตาสดใส มีความสุข โบกมือลาหม่อมบอกว่า “พี่ไปนะหม่อม” หม่อมจำได้ว่าเป็นสีหน้าแววตาของคนที่ปลอดโปร่ง แววตามีความสุขไร้ความกังวลใดๆ หม่อมจำสีหน้าและแววตานั้นได้ตลอดมาแม้ผ่านเวลานั้นมายี่สิบกว่าปี ก่อนที่ชายร่างสูงโปร่งคนนั้นจากก้าวเท้าหายไปทางบ้านพักในความมืด

มีคนเห็นว่ากลางดึกคืนนั้น หัวหน้าเดินกลับมาที่ห้องหม่อม แต่เจ้าของห้องยังไปเดินตรวจเวร หัวหน้าเดินกลับไปคงเอาของอะไรมาฝากให้สักอย่าง เมื่อไม่พบก็กลับไปบ้านพัก

ก่อนรุ่งสางคืนนั้น มีเสียงปืนดังขึ้นเบาๆ ที่พักริมห้วยทับเสลาหลังโดดหลังนั้น ไม่มีใครสนใจเพราะเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเสียงปืนในราวป่าเป็นเสียงที่คุ้นเคยที่สุดของคนทำงานในป่า

ตอนเช้าหัวหน้าไม่ได้ขึ้นมาจากบ้านริมห้วยเหมือนเคย ไม่มีใครสงสัยเพราะคิดว่าคงทำงานดึก จนกระทั่งสิบเอ็ดโมง หม่อมเดินลงไปตาม เมื่อค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปพบภาพอีกภาพที่จะติดตาอยู่จนวันตาย

หัวหน้าสืบ นาคะเสถียร นอนตะแคงเหมือนคนหลับ ที่ศีรษะมีรอยลูกปืนเป็นรูแดงเลือดซึมแห้ง…

มีคนบอกหม่อมว่า หม่อมใช้มือต่อยเสาบ้านซ้ำๆ อย่างบ้าคลั่งจนมือแตก ขณะพูดว่า “ไม่จริงๆๆ”

แต่หม่อมไม่รู้ตัว

นั่นคือ คำบอกเล่าของหม่อม เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนสนิทของหัวหน้าสืบในคืนข้ามสู่กันยายน ปี 2533 เมื่อ 28 ปีที่แล้ว

 


อ่านเรื่องราวฉบับเต็มได้ไว้ วารสารสาส์นสืบ ฉบับ 28 ปี ที่โลกเปลี่ยนไป แจกฟรีหน้างาน รำลึก 28 ปี สืบ นาคะเสถียร 7-9 กันยายน ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และอ่านฉบับออนไลน์ได้ที่นี่ เร็วๆ นี้

รายละเอีดยเพิ่มเติม รำลึก 28 ปี สืบ นาคะเสถียร