ป่าห้วยขาแข้งในฐานะมรดกโลกทางธรรมชาติที่มีความสำคัญ เชื่อมโยงกับพื้นที่อนุรักษ์สำคัญ เช่น ทุ่งใหญ่ตะวันออก ทุ่งใหญ่ตะวันตก หรืออุทยานแห่งชาติพุเตย การบริหารจัดการพื้นที่จึงต้องอาศัยแผนยุทธศาสตร์มรดกโลกที่ครอบคลุมทั้งด้านการป้องกัน งานวิชาการ และการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่างเป็นระบบ
การประชุมหารือแนวทางการจัดการครอบครัวป่าห้วยขาแข้ง จัดขึ้นที่ลานประชุมอนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน ทั้งกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มูลนิธิสืบนาคะเสถียร แกนนำชุมชนจาก 30 หมู่บ้านรอบป่าห้วยขาแข้ง องค์กรแพนเทอร่าแห่งประเทศไทย และกลุ่มอาสาสมัคร
การจัดการชุมชน 30 แห่งรอบป่าห้วยขาแข้งซึ่งทอดยาวกว่า 300 กิโลเมตร ได้รับการแบ่งออกเป็น 6 โซนหลัก แต่ละโซนมีบทบาทและแนวทางการดำเนินงานแตกต่างกัน เช่น การฟื้นฟูถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า การจัดการประตูสู่ห้วยขาแข้ง การแก้ปัญหาช้างป่าและไฟป่า การดูแลทรัพยากรโดยชุมชน การปกป้องพื้นที่ป่าต้นน้ำ และการฟื้นฟูประชากรควายป่า
การทำงานทั้งหมดดำเนินไปภายใต้แนวคิด “ครอบครัวห้วยขาแข้ง” ที่ร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ ท้องถิ่น และประชาชน โดยมีการจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่และภัยคุกคาม การพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรต่อป่า การต่อยอดแผนการจัดการแนวกันชน และการวางระบบการจัดการป่าชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายของการดำเนินงานคือการรักษาความโดดเด่นของห้วยขาแข้งในฐานะมรดกโลก ควบคู่กับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า และสร้างความยั่งยืนทั้งด้านนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคม
โดยกิจกรรมความร่วมมือในพื้นที่มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การลาดตระเวนและเฝ้าระวังป่า การป้องกันไฟป่า การฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม การผลักดันสัตว์ป่าออกจากพื้นที่ชุมชน ไปจนถึงการจัดค่ายเยาวชน การสร้างเครือข่ายชุมชน และการรณรงค์ด้านการอนุรักษ์
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานยังเผชิญข้อจำกัด เช่น งบประมาณและบุคลากรที่ไม่เพียงพอ ปัญหาความขัดแย้งคนกับสัตว์ป่า การบุกรุกหาของป่า รวมถึงความร่วมมือที่ยังไม่เข้มแข็ง ซึ่งแนวทางแก้ไขที่เสนอ ได้แก่ การเพิ่มเจ้าหน้าที่และสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชน การจัดการประชากรสัตว์ป่าอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างแรงจูงใจผ่านโครงการนวัตกรรม เช่น คาร์บอนเครดิต
ในช่วงสรุปการประชุม ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ 12 เห็นว่าควรสนับสนุนงบประมาณแก่ชุมชนเพื่อสร้างคุณค่ามรดกโลกให้ทุกคนมีส่วนร่วม ขณะที่ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียรเสนอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันออกแบบแผนและจัดกิจกรรมนำร่องที่เหมาะสมกับแต่ละโซน ส่วนตัวแทนชุมชนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความยั่งยืนอย่างกองทุนสิ่งแวดล้อม
ในช่วงเย็น นายภาณุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้กล่าวสรุปการหารือบริเวณลานหินโค้ง โดยย้ำว่าพื้นที่แต่ละแห่งมีบริบทเฉพาะ จึงต้องกำหนดแนวทางการทำงานที่สอดคล้องกับแต่ละโซน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการถิ่นอาศัยสัตว์ป่า การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การจัดการป่าชุมชน โดยอยากให้มีการเสนอให้คณะกรรมการที่ปรึกษามรดกโลกเพื่อพิจารณาและสนับสนุนการดำเนินงาน
นายภาณุเดชยังสะท้อนว่าตลอด 35 ปีที่ผ่านมา หลังการจากไปของคุณสืบ นาคะเสถียรห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่ยังคงความสมบูรณ์ และในอนาคตยังมีศักยภาพที่จะเชื่อมโยงกับพื้นที่อนุรักษ์อื่น ๆ ทั่วภูมิภาค เพื่อยกระดับการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าของประเทศไทยให้ยั่งยืนต่อไป








ผู้เขียน
นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้