“พวกเราขอพูดในนามของสัตว์ป่า” โดย ธนกร ฮุนตระกูล

“พวกเราขอพูดในนามของสัตว์ป่า” โดย ธนกร ฮุนตระกูล

สวัสดีท่านผู้มีเกียรติและคนรักษ์ป่าที่มาร่วมงานวันนี้ทุกท่าน

มูลนิธิสืบนาคะเสถียรมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดกิจกรรมตลาดนัดฅนรักษ์ป่าขึ้นในครั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้น ปลุกจิตสำนึกให้ผู้คนในสังคมได้หันกลับมาสนใจ และตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของทรัพยากรสิ่งแวดล้อมป่าไม้และสัตว์ป่า ตลอดจนสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมในมิติต่างๆ

อย่างที่เราทุกท่านทราบกันดี สถานการณ์สิ่งแวดล้อมในวันนี้อยู่ในสถานะที่เรียกได้ว่า กำลังเข้าขั้นวิกฤตอย่างรุนแรง ซึ่งพบเห็นได้จากทั้งข่าวสารสื่อกระแสหลัก หรือที่แชร์กันในโซเชี่ยลมีเดีย ในแต่ละวันจะมีประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมแทรกให้เราเห็นอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็น การซื้อขายสัตว์ป่าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ การล่า ฆ่า สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองไม่ว่าจะเป็นบนบกหรือในทะเลก็ยังปรากฏให้เห็นเป็นข่าวอยู่เสมอ ดังเช่นเหตุการณ์ที่สาธารณชนกำลังให้ความสนใจอย่างการล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

วันนี้เรามารวมตัวกันในนามสัตว์ป่าและขอพูดในนามของเสือดำ

ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมบางอย่าง และในฐานะคนในสังคมไทยคนหนึ่ง ผมคิดว่าเรามีสิทธิที่จะแสดงออก เรามีสิทธิที่จะออกความเห็น ว่าเราอยากเห็นสังคมเป็นแบบไหน และสิ่งที่สังคมไทยอยากเห็นมากเรื่องหนึ่ง คือ ความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย และกรณีเสือดำเปลี่ยนเสมือนสัญลักษณ์ของการเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างหนึ่ง

เราอยากเปลี่ยนแปลงอะไร

ข้อแรก เราอยากเปลี่ยนแปลงทัศนคติและมุมมองที่คนไทยมีต่อสัตว์และสัตว์ป่า เราต้องเลิกคิดได้แล้วว่าเราเป็นสัตว์ประเสริฐ แล้วก็สามารถที่จะทำอะไรกับสัตว์ก็ได้ อยากจะจับมันมาเลี้ยง อยากจะจับมันมาขัง ก็ทำได้โดยที่เราไม่รู้สึกอะไร เราอย่าลืมว่า สัตว์ก็มีสิทธิเหมือนกัน มันมีสิทธิที่จะดำรงอยู่ในธรรมชาติอย่างอิสระและปราศจากการคุกคามจากมนุษย์ สัตว์มีสิทธิถึงแม้ว่าว่ามันจะเรียกร้องอะไรไม่ได้ มันเอาเรื่องเราไม่ได้ ไปฟ้องตำรวจก็ไม่ได้ แต่มันมีสิทธิอยู่ และมันมีสิทธิที่จะไม่สูญพันธุ์ ในเรื่องนี้บางคนฟังดูอาจจะคิดว่ามันจะมีสิทธิอะไรมากมาย แต่เราน่าจะเปลี่ยนความคิดแบบนี้

การคุกคามจากมนุษย์ มีทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางอ้อมก็คือการทำลายที่อยู่อาศัยของมัน การตัดไม้ทำลายป่าก็คือการทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า คุณลองนึกดูว่า สมมติมีป่าอยู่ผืนหนึ่ง จุดศูนย์กลางของป่าห่างจากชายขอบป่าสักประมาณ 100 กิโลเมตร คุณว่ามันใหญ่ไหม มันใหญ่พอที่สัตว์มันจะหลีกหนี หลบ พรานที่เข้ามาล่ามันได้ไหม ผมว่ามันมีโอกาสที่มันจะมีชีวิตอยู่มากกว่า ถ้าผืนป่ามันใหญ่

ถ้าผืนป่ามันเล็กๆ แล้วกระจายกันอยู่ สมมติว่า จากจุดศูนย์กลางถึงชายขอบป่ามีระยะประมาณ 10 กิโลเมตร ต่างกันกับตัวอย่างเมื่อครู่ 10 เท่า แน่นอนว่าโอกาสที่มันจะมีชีวิตอยู่รอด โอกาสที่มันจะสืบพันธุ์ย่อมลดลงไปตามขนาดของป่าไปด้วย

เรื่องการสืบพันธุ์ก็เช่นกัน สัตว์ป่าใช้อาณาเขตที่ค่อนข้างเยอะในการที่จะเจอคู่ ถ้ามีพื้นที่น้อย โอกาสเจอคู่ก็น้อยลง เมื่อเจอคู่น้อยลงมันก็มีลูกน้อยลง เมื่อมีลูกน้อยลง ปริมาณมันก็น้อยลงไป

ส่วนการคุกคามจากมนุษย์ทางตรง ก็คือการล่า นอกเหนือจากการล่าก็อาจจะคือการจับไปเลี้ยงหรือจับไปขังด้วยเหตุผลต่างๆ กัน

การล่าการฆ่าสัตว์ก็มีเหตุผลของมันอยู่ หรือบางทีผมอาจจะเห็นว่ามันเป็นข้ออ้าง คนทำก็มักจะบอกว่ามันเป็นเหตุผล เราก็มักจะได้ยินว่า เขาล่าสัตว์เพื่อเอาไปกิน ลองคิดดูว่าคุณถือปืนเข้าป่า เข้าไปล่าสมเสร็จสักตัวหนึ่ง คุณต้องกินมันด้วยหรือ มันมีสัตว์อีกตั้งมากมายหลายชนิดที่เรากินได้ เราต้องเข้าป่าไปล่ามันด้วยหรือ คุณถือปืนเข้าป่าแล้วไปบอกว่า ผมหากินก็เลยล่าเสือสักตัวหนึ่ง สำหรับผมจะกินเนื้อเสือมันฟังไม่ขึ้น ด้วยเหตุผลว่าล่าสัตว์เพื่อการกิน ถ้าล่าสัตว์เล็กอาจจะพอเชื่อได้ แต่ว่าล่าสัตว์คุ้มครองอย่างเสือหรือกระทิงผมคิดว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่า

เหตุผลอื่นๆ เช่น ทางความเชื่อ เชื่อว่าซากของสัตว์จะมีอภินิหาร ยกตัวอย่าง การเอาเขี้ยวเสือมาแขวนคอ ผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยทำอะไร แต่หลายคนก็จะพูดว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่ถ้าความเชื่อนั้นมันทำให้สัตว์ต้องตายไป ผมคิดว่ามันก็ไม่แฟร์กับสัตว์เหมือนกัน มันจะโดนยิงเพราะความเชื่อของคนคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งแค่นั้นเองหรือ

หนึ่งชีวิตหายไปเพียงเพราะคุณเชื่ออะไรที่พิสูจน์ไม่ได้

หรือเหตุผลอื่นก็อาจเอาไปทำยารักษาโรค ไปเกี่ยวข้องกับความเชื่ออีก เพราะยารักษาโรคที่ว่าไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มามันรักษาได้จริง ยกตัวอย่างน้ำมันเลียงผา คุณจะฆ่าเลียงผาเอามาทำน้ำมัน ซึ่งอ้างว่าแก้ปวดเมื่อย แก้โรคกระดูก จริงหรือเปล่า มันมีบทพิสูจน์ตรงไหนบ้าง ลองไปให้ทางผู้เชี่ยวชาญตรวจดูว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ถ้าไม่เช่นนั้นก็เป็นเรื่องของความเชื่อ

ยังมีเหตุผลอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนต้องฆ่าสัตว์ ในต่างประเทศเขาเรียกว่า Trophy Hunting ก็คือการล่าเพื่อถ้วยรางวัลหรือล่าเพื่อความภูมิใจ เอามาประดับบ้านว่ากูพิชิตเสือได้ พิชิตสัตว์ชนิดนั้นชนิดนี้ได้ เอาหัวมาติดที่บ้าน เอาซากมันมาประดับ เอาหนังมันมารองนั่ง เหล่านี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการล่าสัตว์ ซึ่งในกรณีของเสือดำ ผมคิดว่ามันเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้เสือดำตัวนี้มันตาย เพราะว่ามันเป็นของหายาก เสือดำเหลืออยู่ไม่กี่ตัวแล้วครับในประเทศไทย และเหลือเพียงไม่กี่ตัวแล้วในโลกนี้ มันก็เลยเป็นที่ต้องการของคนกลุ่มนี้ กลุ่ม Trophy Hunter

ในต่างประเทศ กิจกรรม Trophy Hunting ได้ถูกประณามหยามเหยียดไปทั่วโซเชี่ยลมีเดียอยู่แล้ว และมีการโพสต์ให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มคนที่เรียกว่าเป็นอภิสิทธิชน คนรวย คนเส้นใหญ่ที่เข้ามาทำกิจกรรมนี้ ยกตัวอย่าง ลูกชายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยโพสต์รูปตัวเองฆ่าสิงโต ลองคิดดูว่าสิงโตมันตายไปตัวหนึ่ง เพียงเพราะว่ามันต้องการถ่ายรูปแค่หนึ่งรูปเพียงเท่านั้นหรือ

สำหรับประเทศไทย คุณคิดว่าเรามี Trophy Hunter อยู่ไหม ผมคิดว่าเรามี และมีอยู่นานแล้ว ในเมืองเราอาจจะไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่ แต่ในชนบทเรามีเด็กวัยรุ่น ที่โตขึ้นมาแล้วอยากจะลองฝีมือใช้หนังสติ๊กยิงนกยิงกระรอก โตขึ้นมาเขาก็อ่จจะผันจากการใช้หนังสติ๊กมาใช้ปืนลม และอาจจะผันจากปืนลมมาเป็นปืนไรเฟิลในอนาคต

ยิงเพื่อทดสอบความแม่นแล้วเอามาพูดจาอวดอ้างกันว่า กูยิงเก่ง กูยิงแม่น

เรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องเปลี่ยนทัศนคติของคนในสังคมว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเท่ห์ มันเป็นเรื่องที่น่าสงสารสัตว์มากกว่า ถ้าเราเปลี่ยนทัศนคติแบบนี้ได้ เราผลิตเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาโดยไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เท่ห์ได้ การล่าสัตว์มันจะลดลงไปเยอะ ที่เหลือมันจะเป็นการล่าสัตว์เพื่อการค้า เรื่องนี้ทำเป็นขบวนการ ซึ่งก็คงต้องต่อสู้กับทางรัฐเยอะหน่อย

เรื่องค่านิยมคือเรื่องหนึ่งที่เราอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ข้อ 2 คือ การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมดั้งเดิมที่คิดว่า คนรวย คนเส้นใหญ่ คนมีอำนาจ สามารถทำผิดกฎหมายได้ เพราะเขาเคลียร์ได้ คำว่า “เคลียร์ได้” เป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของประเทศ ฉะนั้นเหตุการณ์การฆ่าเสือดำครั้งนี้ สังคมจะต้องกดดันให้ความยุติธรรมมันบังเกิด ให้มันเห็นได้ว่า มันเคลียร์ไม่ได้ ซึ่งเราทำได้แค่กดดัน แต่เราก็กดดันจนตอนนี้เรื่องไปถึงศาล ก็คงต้องรอว่าจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องความเท่าเทียมกัน คุณเป็นคนรวย คนเส้นใหญ่ คุณจะถูกตัดสินไหม ถ้าคุณเป็นคนธรรมดา บรรทัดฐานอยู่ตรงไหน

ในเรื่องนี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจ และคนในสังคมก็อยากเห็นความยุติธรรมมันเกิดขึ้นมากที่สุด

ข้อ 3 ผมคิดว่า เราน่าจะเปลี่ยนวิธีการทำสำนวนคดีของตำรวจ เปลี่ยนในที่นี้หมายความว่า เราต้องใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้นหน่อย ที่ผ่านมาตำรวจมักจะอ้างเรื่องพยานบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของคำพูด มีพยาน 15 ปาก ก็พูดอะไรออกมาก็ได้ เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่ทราบ เข้าไปถึงชั้นศาล เราก็คงเคยได้ยินคำว่า “พยานกลับคำให้การ” เพราะฉะนั้นพยานบุคคลมันแทบจะเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักน้อยมาก ผมคิดว่านิติวิทยาศาสตร์ต่างหากที่เป็นหลักในการพิจารณาคดี หรือว่าการทำสำนวน มันควรจะมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งในเรื่องนี้ เราก็จะได้เห็นการพิจารณาคดีในศาลว่า มันมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่มากน้อยแค่ไหน

ข้อ 4 คือการปกป้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการที่ทำหน้าที่อย่างสุจริตและตรงไปตรงมา ในที่นี้คือหัวหน้าวิเชียร และทีมงาน หัวหน้าวิเชียร คือตัวอย่างของข้าราชการที่ควรเอาอย่าง ไม่ต่างจากคุณสืบ นาคะเสถียรที่เป็นตัวอย่างที่น่าเดินรอยตาม ถ้าหากว่าสังคมไม่สามารถที่จะกดดันให้คนแบบนี้เป็นตัวอย่างที่เดินรอยตามได้ เราก็ต้องอยู่กับสังคมที่เห็นเรื่องการวิ่งเข้าหาคอนเนคชั่น เห็นเรื่องการใช้เงินซื้อตำแหน่งเป็นเรื่องปกติ แล้วเราก็ต้องอยู่กันอย่างนี้ต่อไป ซึ่งมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะอยู่กัน

ผมก็ไม่ทราบว่าในอนาคตคุณกับผมจะสามารถเดินเข้าไปในอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พร้อมกับปืนอีกคนละกระบอก พร้อมกับล่าสัตว์ได้ตามอำเภอใจ โดยที่เราอาจจะโดนโทษเบามาก หรือเราอาจจะไม่โดนโทษอะไรเลย ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ก็จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าประเทศไทยมันเป็นอย่างไร

คนรุ่นใหม่ รุ่นลูก รุ่นหลานคุณเปรมชัย เขาจะมีตัวอย่างแบบไหนให้เดินตาม หรืออาจจะเดินหนีก็ได้

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และองค์กรเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมที่มาร่วมงานในวันนี้ ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เราทุกคนคือนักอนุรักษ์ และงานอนุรักษ์เป็นงานที่ไม่มีวันทำเสร็จ เราทุกคนต้องช่วยกันทำงานนี้ต่อไป

 


“พวกเราขอพูดในนามของสัตว์ป่า” โดย ธนกร ฮุนตระกูล
จากเวทีตลาดนัดฅนรักษ์ป่า