การจากไปของนักอนุรักษ์แมวขนาดใหญ่ระดับโลก อลัน ราบิโนวิทซ์

การจากไปของนักอนุรักษ์แมวขนาดใหญ่ระดับโลก อลัน ราบิโนวิทซ์

อลัน ราบิโนวิทซ์ (Alan Rabinowitz) หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านสัตว์ป่าประเภทแมว เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วยโรคมะเร็งในวัย 64 ปี ราบิโนวิทซ์มีอาการพูดติดอ่างอย่างรุนแรงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เขากลับสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่วเมื่อสื่อสารกับสัตว์ และในที่สุด เขาก็ได้ค้นพบเสียงของเขาในฐานะนักอนุรักษ์สัตว์ป่า

การจากไปของเขาถูกประกาศบนเว็บไซต์ Panthera องค์กรอนุรักษ์ที่มีเป้าหมายในการคุ้มครองสัตว์ป่าประเภทแมวขนาดใหญ่ทั่วโลกที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง

ในวัยเด็ก อาการติดอ่างเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายทำให้ราบิโนวิทซ์หมดเรี่ยวแรง “ร่างกายของผมจะกระตุกเกร็ง มีอากาศจุกอยู่” เขาอธิบาย แต่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาพบกับความผ่อนคลาย คือสวนสัตว์บรองซ์ (Bronx Zoo) เขามักจะไปเยี่ยมเยือนโซนแมวขนาดใหญ่ซึ่งได้รับชื่อว่าบ้านสิงโต และมักจะยืนอยู่ข้างหน้ากรงเสือจากัวร์ที่อยู่เพียงลำพัง “ผมจะยืนอยู่ตรงนั้น จนเขาเดินเข้ามาใกล้ และตอนนั้นเองที่ผมเริ่มพูดกับเขา”

ถึงแม้เขาจะเผชิญปัญหาในการพูดกับมนุษย์จนจบประโยค แต่การพูดคุยกับแมวยักษ์กลับลื่นไหล เขาสัญญากับเสือจากัวร์ว่า ถ้าเขาได้เสียงคืนมา เขาจะทำหน้าที่เป็นเสียงให้กับสัตว์ต่างๆ และแมวใหญ่ชนิดอื่นๆ นั่นคือสิ่งที่เขาทำมาตลอดชีวิตในฐานะนักชีววิทยา ผู้เป็นกระบอกเสียงให้สัตว์ป่า และผู้ร่วมก่อตั้ง Panthera

“วงการอนุรักษ์ได้สูญเสียบุคคลอีกคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนตำนาน” เฟรด เลาเนย์ (Fred Launey) ผู้บริหาร Panthera ระบุในเอกสาร “อลันคือผู้ยิ่งใหญ่ที่กล้าพูดอย่างไร้ความเกรงกลัวเพื่ออนุรักษ์แมวขนาดใหญ่และผืนป่าที่สำคัญของโลก ในฐานะผู้ที่จะส่งเสียงตลอดชีวิตให้กับผู้ไร้เสียง เขาเปลี่ยนชะตากรรมของเสือ จากัวร์ และชนิดพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์โดยทำให้การคุ้มครองสัตว์ป่าเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติของประเทศตั้งแต่เอเชียถึงอเมริกาใต้เป็นครั้งแรก”

อลัน ราบิโนวิทซ์ เกิดที่บรู๊คลิน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2496 พ่อของเขาเป็นครูพละศึกษาที่สอนให้เขาเล่นมวยปล้ำและชกมวย ทักษะที่เขามักนำมาใช้เมื่อถูกล้อเลียนเรื่องการพูดติดอ่าง

“ทุกวัน ผมจะถูกเรียกให้ออกจากห้องเรียน” เพื่อไปยังห้องเรียนสำหรับเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการ เขาให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร National Geographic Adventure

ราวอายุ 20 ปี เขามีเครื่องมือในการจัดการอาการติดอ่าง และค้นพบเส้นทางของเขา หลังจากที่จบปริญญาโทและเอกด้านนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี ที่ที่เขาเขียนวิทยานิพนธ์เรื่องหมีดำและแรคคูน ผลงานชิ้นดังกล่าวสร้างความสนใจต่อจอร์จ แชลเลอร์ (George Schaller) ซึ่งเชิญอลันให้มาศึกษาเรื่องจากัวร์ในประเทศเบลีซ (Belize)

“เขาเปลี่ยนทิศทางของชีวิตผม” ราบิโนวิทซ์กล่าว

ราบิโนวิทซ์คือผู้เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาความยุ่งยากในความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์ป่า ถิ่นที่อยู่อาศัย และมนุษย์

“เขามีความสามารถที่จะคิดและกระทำการใหญ่” ธอมัส เลิฟจอย (Thomas Lovejoy) นักชีววิทยาและนักอนุรักษ์ อดีตกรรมการ WWF สหรัฐอเมริกา และผู้ได้รับการสนับสนุนจาก National Geographic กล่าว

เขาเดินทางรอบโลกเพื่อสำรวจจากัวร์ เสือลายเมฆ เสือดาว เสือโคร่ง แรดสุมาตรา หมี แมวดาว แรคคูน และชะมด ผลการศึกษาเรื่องจากัวร์ในเบลีซนำไปสู่เขตรักษาพันธุ์เสือจากัวร์แห่งแรกของโลก ผลงานของเขาทำให้เกิดเขตอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในเบลีซ และเป็นผืนป่ารายลุ่มต่ำผืนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ ในประเทศไทย เขาทำการวิจัยเรื่องเสืออินโดจีน เสือดาวเอเชีย และแมวดาวเป็นคนแรก ซึ่งต่อมา พื้นที่ที่เขาทำการศึกษาได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของภูมิภาค ในประเทศพม่า ผลงานของเขานำไปสู่การประกาศเขตอนุรักษ์ 5 แห่ง อีกทั้งยังได้ค้นพบกวางลีฟ (leaf dear) ซึ่งเป็นกวางโบราณทางตอนเหนือของพม่า เขาได้เขียนงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์กว่า 100 ชิ้น และอีกสารพัดบทความที่ได้รับการอ่านอย่างแพร่หลาย รวมถึงหนังสืออีก 8 เล่ม และหนังสือเด็กชื่อว่า “เด็กชายและเสือจากัวร์ (A Boy and A Jaguar)”

 

อลัน ราบิโนวิทซ์ ขณะกำลังใช้เครื่องวัดรอบเท้าเสือจากัวร์ PHOTOGRAPH BY STEVE WINTER, NATIONAL GEOGRAPHIC CREATIVE

 

ราบิโนวิทซ์มีความหลงใหลและมุ่งมั่นดุดันในการทำงานอนุรักษ์ เขามักจะทนไม่ได้ต่อหลายองค์กรที่ให้ความสำคัญกับตนเองมากเกินไป

“ในการทำงานอนุรักษ์เสือของเขา เขามักบอกว่าปัญหาสำคัญที่สุดในการอนุรักษ์เสือคือนักอนุรักษ์เสือมักจะมุ่งไปที่ความสำเร็จขององค์กร มากกว่าการอนุรักษ์เสืออย่างจริงจัง มันทำให้เขาโมโหมาก” สตีฟ วินเทอร์ (Steve Winter) ช่างภาพ National Geographic ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับเขาให้สัมภาษณ์ ราบิโนวิทซ์มักกล่าวโจมตีและแสดงความไม่พอใจกับองค์กรที่ทำท่าว่าจะจัดประชุม ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และสร้างภาพลักษณ์ดีๆ

“เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนและชอบวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งบางคนอาจมองว่าการกระทำของเขาอาจจะป่าเถื่อนหรือดุร้ายในบางมุม แต่เขาไม่เคยสับสนเลยว่างานอนุรักษ์และงานวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร” เลิฟจอยแสดงความเห็น

ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และความสามารถในการคิดการใหญ่ถูกแสดงออกอย่างเต็มศักยภาพในผลงานของเขาเกี่ยวกับเสือจากัวร์ เขาศึกษาพันธุกรรมของจากัวร์ และพบว่าจากัวร์ไม่มีชนิดพันธุ์ย่อย เสือจากัวร์นั้นเชื่อมโยงกันตั้งแต่แอริโซนาถึงอาร์เจนตินา ในการอนุรักษ์สัตว์กินเนื้อครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาได้ริเริ่มโครงการต้นแบบที่พยายามเชื่อมต่อสัตว์ป่าตลอดแนวการแพร่กระจายพันธุ์

“เขาไม่เคยทำงานคนเดียว แต่เขามักจะชวนคนอื่นๆ มาทำงานด้วยเสมอ เพื่อสร้างวิธีการอนุรักษ์รูปแบบใหม่บนพื้นฐานของความโปร่งใสและรับผิดชอบ” โฮวาร์ด ควิกลีย์ (Howard Quigley) ผู้จัดการโครงการเสือจากัวร์จาก Panthera ซึ่งรู้จักเขาตั้งแต่เพิ่งเป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี Panthera ทำงานกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล และองค์กรอนุรักษ์อื่นๆ เพื่อสร้างความมั่งคงในระยะยาวของประชากรเสือจากัวร์ รวมถึงโครงการระเบียงเชื่อมต่อที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ป่าตั้งแต่เม็กซิโกถึงอาร์เจนตินา

เขายังมีบทบาทในการปกป้องและสนับสนุนชาติพันธุ์พื้นถิ่น ซึ่งบางครั้งอาจเป็นผู้รับผิดชอบหลักของโครงการ “เขาอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่ามันไม่ใช่แค่ระเบียงเชื่อมต่อทางชีววิทยาเท่านั้น แต่จากัวร์ยังเป็นส่วนที่เชื่อมต่อทางวัฒนธรรม เพราะเสือจากัวร์ได้รับความเคารพอย่างมากจากชนเผ่าในอาร์เจนตินาจนถึงแอมะซอน” ควิกลีย์กล่าว “หากเราจะนึกถึงคำสั้นๆ ที่แสดงตัวตนของใครคนหนึ่ง สำหรับอลัน ผมคงคิดว่าน่าจะเป็น ‘ผมได้สร้างความเปลี่ยนแปลงแล้ว’”

เขาจะยังคงอยู่กับซาลิซาภรรยาของเขา อลานา ลูกสาวของเขา และอเล็กซานเดอร์ ลูกชายของเขา

 


ถอดความและเรียบเรียงจาก Alan Rabinowitz, Wild Cats’ Champion and Protector, Dies
ถอดความและเรียบเรียงโดย รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์