ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2568 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากช้างป่า ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือพืชผลทางการเกษตร
สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากช้างป่า จะมีสิทธิได้รับเงินชดเชย ก็ต่อเมื่อไม่มีพฤติกรรมยั่วยุหรือทำร้ายช้างป่า ไม่บุกรุกพื้นที่ที่มีช้างป่าโดยไม่มีเหตุอันควร ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ และไม่ฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ส่วนในกรณีความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือพืชผลทางการเกษตร ผู้มีสิทธิจะต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน หรือผู้ครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยที่ดินต้องมีเอกสารแสดงสิทธิ เช่น โฉนด ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดินในเขตป่าสงวนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์
ส่วนขั้นตอนการยื่นคำขอรับเงินชดเชย ผู้ได้รับผลกระทบจะต้องแจ้งเหตุภายใน 3 วัน นับจากวันที่ทราบเหตุ ต่อเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าหรืออุทยานในพื้นที่
หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงคณะกรรมการจะจัดทำรายงานเสนอผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อเสนอต่อผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าภายใน 7 วันทำการ และเมื่ออธิบดีกรมอุทยานฯ อนุมัติแล้ว จะต้องดำเนินการเบิกจ่ายเงินแก่ผู้ได้รับผลกระทบหรือทายาทภายใน 5 วันทำการ
อัตราการเยียวยาในกรณีพืชผลทางการเกษตรจะคิดตามสูตร (ต้นทุนเฉลี่ย 3 ปี + อัตราผลตอบแทน 25%) คูณด้วยจำนวนพื้นที่หรือปริมาณที่ได้รับความเสียหาย ตัวอย่างอัตราชดเชย ได้แก่ ข้าว 5,330 บาท/ไร่ มันสำปะหลัง 8,180 บาท/ไร่ สับปะรด 22,424 บาท/ไร่ รวมถึงกรณีไม้ผลที่คำนวณทั้งจากผลผลิตและไม้ต้นที่เสียหาย โดยรวมค่าเสียโอกาสจากผลผลิตตามอายุของต้นไม้ที่เสียหาย
กรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยา 500,000 บาท บาดเจ็บทั่วไปจ่ายตามจริงไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนทุพพลภาพ เช่น อัมพาต หรือสูญเสียอวัยวะ จะได้รับเงินสูงสุดถึง 500,000 บาท และสามารถขอค่าขาดรายได้ในการทำงานได้อีก 100 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 180 วัน ในกรณีทรัพย์สินเสียหาย เช่น บ้าน รั้ว หรือเครื่องมือการเกษตร จะชดเชยตามมูลค่าความเสียหายจริงไม่เกิน 200,000 บาท
อ้างอิง
ผู้เขียน
นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้