ความเคลื่อนไหวคดีล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่ในรอบสัปดาห์ (19–25 มี.ค.)

ความเคลื่อนไหวคดีล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่ในรอบสัปดาห์ (19–25 มี.ค.)

 

นับจากวันที่ 13 มีนาคม 2561 ที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ แจ้ง 9 ข้อกล่าวหา มีผู้ต้องหารวม 4 คน คือนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 โดยมีข้อกล่าวหารวม 9 ข้อ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.34/2561 โดยสำนักอัยการได้ออกมาอธิบายการทำงานว่าจะเป็นไปโดยรอบคอบ รวดเร็ว และโปร่งใส และจะเร่งรัดการทำสำนวนทุกๆ 7 วัน

โดยในวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงความคืบหน้าคดีนายเปรมชัยกับพวกรวม 4 คน ล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นครั้งแรก

สำนักอัยการระบุว่า จากการตรวจพิจารณาสำนวนโดยละเอียดแล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นจะต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น จึงให้พนักงานสอบสวนนำกลับไปติดตามประเด็นเพิ่มเติม

แต่ทางสำนักอัยการไม่ได้ระบุในการออกมาแถลงข่าวว่าเป็นประเด็นใด เนื่องจากถือเป็นความลับทางคดี

โดยได้เรียกผู้ต้องหาทั้ง 4 มาสอบสวนเพิ่มเติมไปแล้วในวันที่ 21 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม สำนักอัยการ ได้แถลงเพิ่มเติมว่า หลังจากพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมสำนวนให้อัยการไปแล้ว แต่สำนวนที่สั่งสอบเพิ่มก็ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ขอให้สอบสวนทุกประเด็น

ทั้งนี้ นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 หัวหน้าคณะทำงานคดีนายเปรมชัย ได้ยืนยันต่อการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 มีนาคมว่า “ยืนยันว่าไม่ได้ยื้อคดีจนกว่าสำนวนจะรัดกุม ครบถ้วน และเพียงพอถึงจะมีการสั่งฟ้อง”

 

 

นอกจาก 9 ข้อหาที่อยู่ระหว่างการทำสำนวนให้รัดกุมตามคำสั่งอัยการแล้ว ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเป็นกรณีคดีที่จะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติม ประกอบไปด้วย คดีติดสินบน คดีงาครอบครองาช้าง และครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย

เริ่มจากเปรมชัย และนายยงค์ โดดเครือ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมติดสินบนพนักงาน ต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ในวันที่ 20 มีนาคม แต่ยังคู่ยังคงให้การปฏิเสธ

อีกด้านหนึ่งในคดีมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ได้เรียกนางคณิตา วิทยานันท์ ภรรยาของนายเปรมชัย และนางสาววันดี สมภูมิ มารับทราบข้อกล่าวหา (ตามหมายเรียกครั้งที่ 2) ที่บก.ปทส.

โดยภรรยาของนายเปรมชัย และนางสาววันดี ให้การปฏิเสธทั้งคู่ และประกันตัวในคดีนี้ต่อศาลอาญาหลังบก.ปทส.นำไปฝากขังด้วยหลักทรัพย์คนละ 300,000 บาท

 

 

สำหรับทั้ง 3 คดีที่จะฟ้องร้องเพิ่มเติมนี้ ยังอยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวนที่กำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดอื่นๆ อีกในพ.ร.บ.อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง

ในกรณีของงาช้างแอฟริกาและปืนคาบศิลาที่พบจากการตรวจค้นบ้านนายเปรมชัยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ได้ประสานกรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้า ซึ่งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายณัฐวุฒิ สระฏัน ผอ.สำนักสืบสวนปราบปรามที่ 1 กรมศุลกากรได้แจ้งแล้วว่าไม่พบว่านายเปรมชัยและภรรยาแจ้งเสียภาษีและขออนุญาตนำเข้างาช้างและปืนคาบศิลา แต่ยังต้องขอตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง

ส่วนคดีติดสินบนนั้น ยังได้เรียกนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ และที่ปรึกษา บริษัท อิตาเลียนไทย มาสอบสวนเพิ่มเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อนำข้อมูลมาประกอบสำนวน

 

 

นอกจาก 9 ข้อหาที่อยู่ในชั้นอัยการ และอีก 3 ข้อหาที่จะส่งฟ้องเพิ่มเติม แล้วยังมีอีก 1 ข้อหา โดยอัยการสั่งให้ตำรวจสอบสวนในประเด็นการสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในเบื้องต้นสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ประเมินความเสียหายไว้ที่ 3 ล้านบาทเศษ

 

 

ทางด้านของนายเปรมชัย และผู้ต้องหาคนอื่นๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น แม้จะเดินทางพบพนักงานสอบสวนถึง 2 วันติดกัน แต่ก็มิได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนอีกเลย หลังจากที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนขณะเดินทางไปฝากขังที่ศาลอาญาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม

ขณะที่ทางด้านบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำจดหมายแจงถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ถึงกรณีที่นายเปรมชัยตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่า

ใจความสำคัญระบุว่า คดีความที่เกิดขึ้น ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา ตรวจสอบ สอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐและส่งเรื่องให้ศาลเป็นผู้ตัดสินในขั้นตอนสุดท้ายซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์

นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งที่ 2 ของคณะกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด ขอลาออกจากกรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ แจ้งเหตุผลเพราะนายเปรมชัยถูกจับกุมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก พร้อมซากสัตว์ป่าและอาวุธปืน

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร