ความคืบหน้าคดี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ

ความคืบหน้าคดี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ

จากเหตุการณ์ที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก นำกำลังจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก 4 คน ขณะตั้งแคมป์ในพื้นที่หวงห้ามของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก พร้อมซากเสือดำ ซากไก่ฟ้าหลังเทา ซากเก้ง อาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนมาก ซึ่งได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดี 9 ข้อหา โดยนายเปรมชัยและพวกได้ยื่นเงินสดรายละ 1.5 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวต่อศาล เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักนายเปรมชัยในกรุงเทพฯ ยึดงาช้าง 2 คู่ ปืน อาวุธปืนรวม 43 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก จึงยึดไว้ตรวจสอบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และออกหมายเรียกนายนพดล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ ที่ถูกระบุว่าเป็นคนประสานให้นายเปรมชัยกับพวก เข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ให้มาพบพนักงานสอบสวนที่บก.ปทส. วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้

 

 

เปรมชัยอยู่ไหน

นับตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ หลังนายเปรมชัยได้ประกันตัวออกมา ยังไม่มีใครพบนายเปรมชัยเลย จึงเกิดกระแสวิพากษ์ว่านายเปรมชัยได้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ต่อเรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังไม่มีข้อมูลว่านายเปรมชัย ได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามที่เป็นข่าว ส่วนหลบหนีออกไปทางช่องทางธรรมชาติหรือไม่นั้น หากพบมีหลักฐานก็สามารถขอศาลพิจารณาเพิกถอนคำสั่งประกันตัวได้

ด้านนายวิทูล แย้มพราย ทนายความนายเปรมชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้นายเปรมชัยยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้เดินทางออกไปต่างประเทศแต่อย่างใด โดยนายเปรมชัยยังคงเดินทางไปตรวจงานที่ไซด์งานก่อสร้างทุกวัน และไม่ได้มีความกังวลหรือเครียด

 

ตร.ยันคดีเปรมชัยไม่ล่าช้า

พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยืนยันว่า คดีนี้ไม่ล่าช้าอย่างแน่นอน  แต่คงต้องรอหลักฐาน คือ ผลตรวจดีเอ็นเอ และอาวุธปืน ที่จะสามารถใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดกับ นายเปรมชัยและพวกได้ว่ามีการวางแผนเพื่อเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์ฯ ดังกล่าวจริง

หลังความพยายามในการคลี่คลายคดีนี้ในสัปดาห์ก่อน ที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล  ได้เข้ามาดูแลคดีด้วยตนเอง ทำให้สำนวนคดีมีความคืบหน้าไปมาก  แต่การประชุมวันนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เพื่อกำชับให้เจ้าพนักงานทำสำนวนอย่างรัดกุมรอบคอบ หลังเกิดกระแสข่าวว่าอาจจะไม่สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ เพราะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีทีมทนายความที่เชี่ยวชาญทางด้านกฏหมาย   

 

กรมป่าไม้ ตรวจพิกัดบ้านพักเปรมชัย บนภูเรือ

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) มีบ้านพักใน อ.ภูเรือ จ.เลย ซึ่งพื้นที่เป็นภูเขาใกล้กับรีสอร์ทชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยอยู่ไม่ห่างจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ว่า ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระ ทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบกรณี นายเปรมชัย กรรณสูต อย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ หากตรวจสอบพื้นที่แล้วพบการบุกรุกปลูกสร้างบ้านพักในพื้นที่พื้นที่ป่าอนุรักษ์หรือป่าสงวนแห่งชาติจริงต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายทันที

 

แล่หนังเสือดำอย่างมืออาชีพ

พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บัญชาการ กองบังคับการปรามปราบการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) อธิบายต่อสื่อมวลชนถึงการพิสูจน์ซากเสือดำนั้นว่า ในส่วนของซากเสือดำว่าแล่อย่างชำนาญในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่มีขั้นตอนในการพิสูจน์ รวมทั้งแนวทางการสืบสวนที่จะต้องตรวจสอบปูมหลังของแต่ละบุคคล ในส่วนนี้ยังไม่ขอเปิดเผย

นอกจากนี้ จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่เขตฯ บริเวณที่ตั้งแค้มป์กางเต็นท์พักแรม พบว่านายเปรมชัยและพวกนำอุปกรณ์ ไฟส่องสัตว์ เตาแก๊ส และอุปกรณ์ทำครัวเข้ามาด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่พบเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู เพื่อนำมาประกอบอาหาร แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่พบเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู เพื่อนำมาประกอบอาหาร สันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่กลุ่มของนายเปรมชัยเตรียมการมาอย่างดี เพื่อที่จะล่าสัตว์ ทั้งเสือดำ ไก่ฟ้า และเก้ง ส่วนหนึ่งเพื่อนำเนื้อมาทาน กับอีกส่วนคือการนำซากเสือจำพวกหนังเก็บรักษา เพราะจากการตรวจสอบพบว่าผู้แล่เสือดำมีความชำนาญเป็นระดับมืออาชีพ เพราะแล่แบบไม่ขาดออกจากกันเลยแม้แต่น้อย

 

เล็งเพิ่มโทษหนัก !! คนล่าสัตว์สงวน

คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงแสดงความกังวลและห่วงใยต่อกรณีที่มีบุคคลพร้อมด้วยอาวุธเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก โดยเข้าไปพักแรมบริเวณพื้นที่หวงห้ามและคุกคามชีวิตสัตว์ป่า ซึ่งเป็นการละเมิดพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และเป็นการกระทำความผิดหลายฐาน ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป

คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนช. ยังกล่าวอีกว่า ยอมรับกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันยังมีบทลงโทษน้อยเกินไป ซึ่งล่าสุดได้พยายามติดตามการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เท่าที่ทราบขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเห็นว่าควรจะมีการแก้ไขบทลงโทษกับผู้ที่ล่าสัตว์ป่าสงวนให้หนักและรุนแรง อาจจะเพิ่มถึง 10-20 ปี ซึ่งต้องพิจารณาอีกครั้งเพื่อให้ความเหมาะสม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร