ติดตามหลักฐานเอาผิด ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ

ติดตามหลักฐานเอาผิด ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ

สถานการณ์กรณีลักลอบเข้าไปตั้งแคมป์และล่าสัตว์ป่าในพื้นที่หวงห้าม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดประชุมหารือเพื่อวางแนวทางการดำเนินคดี รวมถึงการป้องกันในอนาคต ขณะเดียวกันการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ เริ่มปรากฎรายละเอียดของการล่าสัตว์มากยิ่งขึ้น

 

ทส.ตั้งคณะทำงานพิเศษติดตามคดี

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มีวาระพิเศษ เกี่ยวกับการติดตามการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด มหาชน พร้อมพวก ที่ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จับกุมพร้อมของกลาง ซากเสือดำ ไก่ฟ้หลังเทา เก้ง และปืนล่าสัตว์ และอาวุธปืน

ศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ได้สรุปเนื้อหาจากการประชุมว่า “กรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ได้พูดคุยกันเรื่องคดีคุณเปรมชัย มีท่าทีตรงกันว่าคดีนี้จะต้องติดตามตรวจสอบให้เต็มที่ มีคณะทำงานพิเศษติดตามให้เอาผิดผู้กระทำผิด เสนอให้เพิ่มความระมัดระวังในการอนุญาตให้เข้าพื้นที่ และเพิ่มมาตรการลาดตระเวนเชิงคุณภาพขยายผลทั่วประเทศ”

 

เดินหน้าพิสูจน์หลักฐานต่างๆ

ในส่วนของซากสัตว์ป่าที่พบในแคมป์ของนายเปรมชัยนั้น  หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เริ่มดำเนินการตรวจดีเอ็นเอเนื้อเสือดำและสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ คาดว่ารู้ผลภายใน 7 วัน พร้อมส่งเป็นหลักฐานคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่

สำหรับงาช้างจำนวน 2 คู่ที่ที่ยึดได้จากบ้านของนายเปรมชัย หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่ายังต้องรอหนังสือนำส่งว่าจะให้มีการเข้าไปจัดเก็บตัวอย่างงาช้าง เพื่อตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของงาช้างเพื่อตรวจสอบว่า เป็นงาช้างแอฟริกา หรือ งาช้างเอเชีย ตามที่มีการแจ้งครอบครองไว้กับกรมอุทยานฯ หรือไม่

ในส่วนของที่เกิดเหตุ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สภ.ทองผาภูมิ ได้เข้าไปเก็บหาหลักฐาน พยานวัตถุที่เกี่ยวข้อง อาทิ ดีเอ็นเอ รอยนิ้วมือ กระสุนและปลอกกระสุนปืน และอาวุธปืนที่อาจจะแอบซุกซ่อนไว้บริเวณที่เกิดเหตุ รวมทั้งสถานที่ที่ตั้งแคมป์เพื่อตรวจหาร่องรอยต่างๆ ที่สามารถนำมายืนยันการกระทำความผิดในคดีได้

นอกจากการตรวจพื้นที่เกิดเหตุ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ได้ให้จนท. ตรวจสอบร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองกาญจน์ หลังทราบข้อมูลว่า นายเปรมชัยไปซื้อของที่ร้านก่อนเข้าทุ่งใหญ่ ตรวจสอบเนื้อกวางและไก่ ซึ่งได้ส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อพิสูจน์ตรวจสอบหาชนิดของเนื้อทั้งสองว่าเป็นของป่าหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ เสื้อที่นายเปรมชัยสวมใส่ถูกโลกออนไลน์นำไปตรวจสอบจนพบว่าเป็น shooting jacket ที่ออกแบบให้ช่วงบ่าของเสื้อวางรองพานท้ายปืนได้สะดวก เพราะมีแผ่นกันลื่นและกระแทก

ประเด็นที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ นั้น อย่างเรื่องคลิปเสียงที่เผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จะเชิญเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่เข้าเวรและมีหน้าที่เกี่ยวข้องในช่วงที่นายเปรมชัยและพวกเดินทางเข้าไปในป่า มาสอบปากคำกับคดีลักลอบฆ่าสัตว์ป่าของนายเปรมรวมถึง กรณีที่มีคลิปเสียง ลักษณะมีการเจรจาต่อรองเมื่อถูกจับกุม หากมีพยานหลักฐาน จะดำเนินคดีข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานเพิ่ม

 

เปรมชัยจะรอดหรือไม่รอด

อนึ่ง เมื่อวานนี้ สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี ได้สอบถามความเห็นบนโซเชี่ยลมีเดียในหัวข้อ “คุณคิดว่า “เปรมชัย กรรณสูต” จะรอด หรือ ไม่รอด จากคดีล่าสัตว์ป่าที่ทุ่งใหญ่นเรศวร” พบผู้ตอบส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 โหวตว่า รอดคดี โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เงิน สามารถช่วยทำให้รอดจากการกระทำความผิดได้

แต่ทางด้านของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี นายเปรมชัย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “คดีนี้ให้ขยายผลให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าตำรวจไม่มีความกังวล แม้นายเปรมชัย จะเป็นนักธุรกิจใหญ่ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันหมด”

เช่นเดียวกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็ได้คำตอบแก่สื่อมวลชนว่า “มั่นใจหลักฐานเอาผิดนายเปรมชัย ได้อย่างชัดเจนแม้อ้างไม่ได้ลงมือ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร