เปิดโลกเห็ดรา 101 ห้องเรียนธรรมชาติวิทยาพื้นฐาน ที่ปลุกความเป็นเด็กที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา

เปิดโลกเห็ดรา 101 ห้องเรียนธรรมชาติวิทยาพื้นฐาน ที่ปลุกความเป็นเด็กที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา

ราว 1 เดือนก่อน พี่บาส (ปรมินทร์ วัฒน์นครบัญชา) ผู้อำนวยการมูลนิธิโลกสีเขียว และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เชื้อเชิญให้ไปร่วมกิจกรรมห้องเรียนธรรมชาติวิทยาพื้นฐาน ‘คลาสเปิดโลกเห็ดรา 101’ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการระดมทุนของมูลนิธิโลกสีเขียว ที่มีภาพฝันว่า “อยากให้คนเมืองทุกคนเข้าถึงธรรมชาติได้จากหน้าประตูบ้าน”

โดยกิจกรรมที่ผ่านมา เป็นกิจกรรมที่เน้นพาคนเมืองไปสัมผัสกับธรรมชาติรอบตัว ให้เข้าถึงธรรมชาติ ให้ข้อมูลความรู้ต่างๆ ในเเต่ละเรื่องของกิจกรรมที่จัด โดยย่อยข้อมูลที่ยากๆ เเล้วสื่อสารให้เข้าใจง่าย เกิดการเรียนรู้ เเละสร้างเเรงบันดาลใจ ให้ผู้คนอยากที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเเละต่อยอดไปยังเรื่องราวอื่นๆ ซึ่งกิจกรรมที่พาไปก็มีทั้งในเมือง เเละพื้นที่ธรรมชาติในต่างจังหวัด 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน คลาสเปิดโลกเห็ดรา 101 จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นความร่วมมือกับ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้นักวิทยาศาสตร์ด้านเห็ดรา อย่าง พี่ปิงปอง ดร.นครินทร์ สุวรรณราช และพี่ใหญ่ ดร.จตุรงค์ คำหล้า จากศูนย์วิจัยด้านความหลากหลายของจุลินทรีย์ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาเป็นวิทยากรให้ตลอดระยะเวลากิจกรรมทั้ง 3 วัน

เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการ ‘ติดสายตาเห็ด’ โดยมีห้องเรียนคือสวนรุกขชาติห้วยแก้ว ซึ่งอยู่ข้างๆ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

หากให้นึกภาพเห็ดในจินตนาการของเรา คงนึกออกเเค่รูปทรงไม่กี่แบบ เเน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็นจำพวกเห็ด Amanita เเสนน่ารัก เห็ดทรงหมวก สีสันสดใส เป็นเห็ดในอุดมคติของใครหลายๆ คน แต่พอได้เริ่มบทเรียน วิทยากรทั้งสองพาเดินสำรวจเห็ดรา ในพื้นที่เพียงไม่กี่ร้อยเมตรในสวนรุกขชาติห้วยเเก้ว เราก็ได้พบเจอกับเห็ดหน้าตาแปลกๆ ชื่อแปลกๆ หลากหลายชนิด ซึ่งจริงๆเเล้วเป็นชนิดที่พบเห็นได้ในหลายพื้นที่ แต่เราอาจไม่ได้สนใจ จนมองข้ามไป เพราะว่ากันตามจริงเจ้าพวกนี้ก็ไม่ได้ทำตัวโดดเด่นมากนัก

จากเห็ดราที่พบในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ พี่ปิงปอง เเละพี่ใหญ่ ให้ความรู้โดยการจัดจำเเนกให้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ เพื่อที่เวลาเราเดินป่าพบเจอเห็ดเหล่านี้จะได้พอจัดกลุ่มได้ว่าอยู่กลุ่มไหน ส่วนการจดจำชื่อนั้นอาจจะเกินความสามารถไปหน่อย เพราะเห็ดมีหลากหลายชนิดเหลือเกิน ทั้งบางทีหน้าตาก็คล้ายกันจนแทบจะเเยกไม่ออก ดังนั้นในขั้นเริ่มต้นความสนุกนี้เราแยกให้ออกเป็น 4 กลุ่มตามบทบาทของเห็ดรา (Role of mushroom) เหล่านี้ก็พอ  

Ectomycorrhizal กลุ่มเอกโตไมคอร์ไรซ่า ตัวอย่างเห็ดกลุ่มนี้ได้เเก่ เห็ดระโงก เห็ดเผาะ เห็ดตับเต่า เห็ดเสม็ด เราจะพบเห็ดราชนิดนี้ตามโคนต้นไม้ บนพื้นดิน เนื่องจากเห็ดราชนิดนี้อาศัยกับรากพืชอย่างพึ่งพาอาศัยกัน

Saprophytic กลุ่มซาโพรไฟท์ เห็ดราในกลุ่มนี้ทำหน้าที่ในการย่อยสลาย ตัวอย่างเห็ดกลุ่มนี้ได้เเก่ เห็ดหูหนู เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดน้ำหมึก เนื่องจากอยู่ในกลุ่มย่อยสลายเราจึงพบเห็ดเหล่านี้ได้ตามขอนไม้ ทั้งเห็ดกลุ่มนี้ยังเพาะเลี้ยงได้เเละมีขายอยู่ทั่วไป

Parasitic กลุ่มปรสิต กลุ่มนี้จะย่อยสลายต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ตัวอย่างเห็ดกลุ่มนี้ได้เเก่ เห็ดหิ้ง เห็ดหลินจือ ชาวสวนปาล์มอาจจะคุ้นชินกับเห็ดกลุ่มนี้ดี ซึ่งหากพบเห็ดหลินจือในสวนนั่นหมายถึงหายนะกำลังเกิด เพราะสายใยของมันจะเข้าสู่ระบบรากของต้นปาล์มเเละค่อยๆ ดูดน้ำเลี้ยง จนในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ต้นปาล์มก็จะตายไปเอง เเต่อย่าเพิ่งมองว่ากลุ่มปรสิตนี้ร้ายกาจจนเกินไปนัก เพราะในผืนป่าใหญ่เห็ดกลุ่มนี้มีส่วนช่วยลดความหนาเเน่นของต้นไม้ เมื่อต้นไม้หนึ่งล้มลง แสงสว่างก็ส่องลงมาด้านล่างทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เติบโตขึ้นเเทนที่ มีอีกเรื่องน่าตื่นเต้นจาก รา ในกลุ่มนี้ คือมีราชนิดหนึ่งที่เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างกายเเมลง เเละควบคุมระบบประสาทของเเมลงนั้นๆ ได้ หลายคนเรียกกันว่า ‘ราซอมบี้’ ซึ่งในครั้งนี้พวกเราก็โชคดีเจอตัวอย่างนี้ด้วย เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังเเบบชัดๆในหัวข้อถัดไป

Insect associated กลุ่มอินเซ็กซ์ เห็ดกลุ่มนี้จะมีความคาบเกี่ยวอยู่กับเเมลง ตัวอย่างที่ชัดเจนของเห็ดกลุ่มนี้คือ เห็ดโคน ที่ใดมีรังปลวกที่นั่นก็มีโอกาสได้พบกับเห็ดโคน เนื่องจากเมื่อปลวกขับถ่ายออกมาเเล้วมูลปลวกจะเป็นอาหารให้กับเชื้อราในรังปลวก จนเติบโตขึ้นมาเป็นเห็ดโคน

อันที่จริงเห็ดราแฝงตัวอยู่ในทุกที่รอบๆ ตัวเรา ในร่างกายคนเราก็มีเชื้อราประจำถิ่นอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ปาก ผม ผิวหนัง เเละอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งหากอยู่ในสภาวะปกติเชื้อราเหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเรามากนัก แต่หากวันใดที่ร่างกายอ่อนเเอลง เจ้าเชื้อราเหล่านี้ก็จะแสดงตัวออกมา หรือเเม้เเต่ในอากาศ เราก็ล้วนสูดดมเห็ดราอยู่เนืองๆ มีงานวิจัยบอกไว้ว่า เห็ดบางชนิดระเบิดสปอร์ด้วยอัตราเร่งสูงกว่ากระสวยอวกาศยามปล่อยจากฐานถึง 10,000 เท่า เเละส่งสปอร์ได้เร็วถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ติดอันดับต้นๆ ของการเคลื่อนไหวที่เร็วที่สุดของสิ่งมีชีวิต ทั้งในเเต่ละปีนั้นเห็ดรายังผลิตสปอร์ได้มากมหาศาล โดยเทียบเป็นน้ำหนักของวาฬสีน้ำเงินได้มากถึง 500,000 ตัว 

เมื่อได้ติดดวงตาเห็ดเเละพอจะจำแนกเห็ดราออกเป็นกลุ่มๆ กันเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ถึงคราวลงสนามเดินหาเห็ดราในเส้นทางศึกษาธรรมชาติห้วยคอกม้า ดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ในครั้งนี้นอกจากการเดินก้มๆ เงยๆ ชมนกชมไม้ตามปกติแล้ว สายตายังสอดส่องหาเห็ดมาประกอบการเรียนอีกด้วย ในรอบนี้เราต้องหาเห็ดที่เป็นตัวแทนของทั้ง 4 กลุ่ม เเละหารูปทรงให้ได้หลากหลายที่สุด เพื่อจะได้มีตัวอย่างที่หลากหลายมาใช้ในการเรียนรู้

ระยะทางไม่ถึง 2 กิโลเมตร ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติฯ ชาวคณะหาเห็ดใช้เวลาไปครึ่งวันในการดูนั่นโน่นนี่ และฟังเรื่องเล่าต่างๆ จากวิทยากร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่อง ส่วนของ mycelium ที่ยังไม่ได้เติบโตเป็นดอกเห็ด มีลักษณะเป็นเส้นๆเกาะอยู่กับกิ่งไม้ พี่ปิงปองบอกว่า สิ่งนี้เรามักเรียกกันป่า เส้นผมนางฟ้า เส้นผมนางไม้ เครือเขาหลง ว่านสาวหลง ราวๆ นี้ เเล้วเเต่ที่ใดจะเรียกอย่างไร เชื่อกันว่าเป็นเครื่องราง ค่อนข้างมีราคาในท้องตลาด  แต่ก็นั่นเเหละ ความเชื่อก็คือความเชื่อ ส่วนเรื่องจริงคือ ชิ้นส่วนหนึ่งของเห็ดราที่ยังไม่งอกเป็นดอกเห็ด

อีกตัวอย่างหนึ่งที่เจอถึง 2 อันในครั้งนี้คือ ‘รามด’ เป็นราที่เข้าไปควบคุมมด เราจะสังเกตได้ว่ามดที่ถูกควบคุมนี้จะมีแท่งขาวๆ งอกออกมาบริเวณหัว ซึ่งมันเล็กมากหากไม่สังเกตดีๆ ไม่มีทางเห็นเเน่นอน แต่เนื่องจากสมาชิกกลุ่มนี้ติดดวงตาเห็ดกันมาเเล้วก็เลยได้เจอ ฮ่าๆ 

พี่ใหญ่ ผู้ที่ทำงานด้านเห็ดรามาร่วม 20 ปี ก็บอกว่าเพิ่งเคยเจอของจริงที่นี่เป็นครั้งเเรก โดยได้อธิบายเรื่องของเจ้าราซอมบี้นี้ไว้ว่า ในธรรมชาติจะมีราบางชนิด สามารถเข้าไปควบคุมมดเเละเเมลงบางชนิดได้ เช่นเจ้ามดตัวนี้ ที่ถูกควบคุมโดยราชนิดหนึ่ง ราจะเข้าไปควบคุมระบบประสาทของมด บังคับให้มดปีนขึ้นสู่ต้นไม้ที่สูง แล้วใช้เขี้ยวกัดเเละหนีบใบไม้ไว้ จากนั้นราก็จะเริ่มยึดครองออกมาจากร่างกายของมดเเละตรึงไว้กับใบไม้ ราจะย่อยร่างของมดแและงอกก้านสีขาวๆ ออกมาจากหัวของมด ก้านจะชูเเละปล่อยสปอร์ลงมาจากที่สูงที่เหมาะสมเพื่อให้สปอร์ลอยไปได้ไกลซึ่งราได้บังคับให้มดไปอยู่ตรงนั้นด้วยเหตุนี้

เรื่องราวแปลกๆ ชวนตื่นเต้นยังมีอีกมากมาย ไม่น่าเชื่อว่าโลกของเห็ดรามันจะน่าสนุกเเละชวนค้นหาได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาทำไมเราไม่เคยนึกถึงเจ้าชีวิตเล็กๆ ที่เเสนมหัศจรรย์นี้เลยนะ 

หลังจากลงพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยเเล้วก็ถึงเวลาเข้าห้องเรียนเเละห้องทดลอง จากตัวอย่างเห็ดรา ที่ได้มาทั้งหมดเเต่ละคนได้เอามาเแบ่งปันกัน เราเริ่มกันด้วยการสำรวจดูเห็ดที่เลือกมา นำมาเทียบกับการแบ่งลักษณะเห็ดเเต่ละส่วนตามเอกสารที่ได้รับ หลังจากนั้นจึงลงมือวาดเเต่ละส่วนอย่างละเอียดเพื่อฝึกการบันทึกชนิดเห็ดที่พบ การถ่ายรูปช่วยในการบันทึกได้ในระดับหนึ่ง แต่การวาดเพื่อบันทึกจะทำให้เราเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่กล้องไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญคือเราจะได้เห็นเเละทำความรู้จักกับส่วนต่างๆ ของเห็ดได้อย่างละเอียดละออมากขึ้นด้วยตาเนื้อ

หลังจากนั้นจึงผ่าเพื่อนำเอาชิ้นส่วนเล็กๆ บริเวณครีบดอกมาส่องกับกล้อง Stereo Microscope เพื่อดูโครงสร้างสปอร์ของเห็ด เรียกได้ว่ามาครั้งนี้ได้ทดลองสวมบทบาทเป็นนักวิจัยด้านเห็ดรากันเลยทีเดียว ก่อนจบคลาสจากห้องทดลอง ก็ถึงคิวของการทำ Spores Print ทุกคนจะได้รับกระดาษเเล้วเลือกเห็ดที่ชอบมาวางบนกระดาษของตัวเอง แล้วนำไปบ่มไว้ 1 คืน ก็จะได้ผลงานศิลปะจากดอกเห็ด ในรูปแบบของ Spores Print ซึ่งเป็นงานศิลปะที่พร้อมจะชูช่อเป็นดอกเห็ดได้อีกครั้งหากอุณหภูมิ ความชื้น เเละองค์ประกอบต่างๆ เป็นใจ

จากภาคสนาม ห้องทดลอง มาสู่ห้องเรียน เราได้เรียนกันในเรื่องพื้นฐานเห็ดรา การจำแนก ประวัติศาสตร์ การใช้ประโยชน์จากเห็ดรา ด้านประวัติศาสตร์เห็ดรานั้นน่าทึ่งมาก เริ่มมีบันทึกที่พูดถึงเห็ดราขนาดมหึมาที่สูงมากกว่าตึกสองชั้น ตั้งเเต่เมื่อ 400 ล้านปีที่เเล้ว ส่วนในยุคของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลก็ปรากฏว่ามีการกินราที่ผลิตสารเพนิซิลลิน ซึ่งอาจอนุมานได้ว่าพวกเขามีความรู้เกี่ยวกับฤทธิ์จากราชนิดนนี้ ขยับใกล้เข้ามาอีกหน่อยในยุคมนุษย์น้ำเเข็ง มีการค้นพบ The Iceman’s Survival Kit ที่มีถุงบรรจุเห็ดติดตัวเอาไว้สองส่วนคือไว้สำหรับกินเป็นยา เเละอีกส่วนไว้สำหรับจุดไฟ จนมาในปี คศ.1640 มีการกล่าวถึงสรรพคุณของราในการรักษาโรค เเละรักษาบาดเเผล จนภายหลังมนุษย์เราก็ใช้ประโยชน์จากสารในเห็ดรามาทำยาปฏิชีวนะเเละใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ทางการเเพทย์ จวบจนถึงปัจจุบัน

วงการวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ยังคงค้นพบเห็ดราชนิดใหม่ๆ อยู่ตลอด อาจด้วยเพิ่งจะมีการศึกษาอย่างจริงจังในช่วงระยะเวลาไม่กี่สิบปีมานี้ เนื่องจากมีผู้ที่สนใจเรื่องเห็ดรานั้นยังมีจำนวนน้อย เเละปัจจุบันเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านเห็ดราไม่ถึง 10 คน ข้อมูลเเละการค้นพบต่างๆ จึงอยู่ในระดับค่อยเป็นค่อยไป แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ 

เรื่องน่าแปลกใจเรื่องหนึ่งของการค้นพบเห็ดชนิดใหม่ คือการพบเห็ดทรัฟเฟิลบนดอยสุเทพ ไม่ได้ค้นพบอย่างเดียว แต่ยังสามารถจำเเนกได้ถึง 3 ชนิด หนึ่งในนั้นเป็นทรัฟเฟิลชนิดเดียวกันกับ เห็ดทรัฟเฟิลขาวอิตาเลียน (Tuber magnatum) ซึ่งเป็นชนิดที่มีราคาสูงที่สุดในโลกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน สร้างความสงสัยเเละข้อถกเถียงขึ้นในเวทีระดับโลก จนนำมาสู่การพิสูจน์จนเป็นที่ยืนยันได้ ส่วนอีก 2 ชนิด เป็นชนิดใหม่ของโลก มีชื่อภาษาไทยว่า เห็ดทรัฟเฟิลขาวเทพสุคนธ์ (นามพระราชทาน) และ เห็ดทรัฟเฟิลล้านนา เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงถิ่นที่พบเจอ 

ในต่างประเทศมีการค้นหาเห็ดทรัฟเฟิลกันอย่างจริงจัง มีการฝึกหมูเเละสุนัขเพื่อใช้ในภารกิจค้าหาเห็ดทรัฟเฟิล แต่สำหรับในประเทศไทยเราจะพบนักวิจัยก้มๆ เงยๆ สูดดมกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลบริเวณเหนือพื้นดินที่เป็นพื้นที่เป้าหมาย จากการศึกษาพบว่าต้นกำลังเสือโคร่งมีโอกาสที่จะพบเห็ดทรัฟเฟิลได้เนื่องจากระบบรากมีผลประโยชน์เอื้อต่อไมคอร์ไรซ่าของเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งจริงๆ แล้วต้นไม้ตระกูลสน ก่อ ก็มีโอกาสเป็นโฮสได้เช่นกัน

คลาสเปิดโลกเห็ดรา ยังมีอีกสารพัดเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นเเละชวนให้หาคำตอบ ด้วยระยะเวลาเพียง 3 วันกับการเข้าไปสัมผัสโลกที่ซับซ้อนในอาณาจักรของเห็ดรานี้ดูจะน้อยเกินไป ถ้ามันสนุกขนาดนี้ ทำไมถึงบอกว่า ‘โลกของเห็ดรา เป็นโลกที่ถูกลืม’ หรือนั่นเป็นเพราะผู้คนส่วนใหญ่นั้นยังไม่รู้จัก ยังไม่มีโอกาสเข้ามาสัมผัสชีวิตอันน่าอัศจรรย์เเละยิ่งใหญ่ของเห็ดรา ?

สุดท้ายขอเอาใจช่วย มูลนิธิโลกสีเขียว และ ศูนย์วิจัยด้านความหลากหลายของจุลินทรีย์ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมดีๆ เเบบนี้ต่อไป สร้างการรับรู้ ประสบการณ์ และเเรงบันดาลใจ ให้กับคนหมู่มาก ได้มีช่องทางในการเอาตัวเองเข้ามาเชื่อมโยงกับธรรมชาติ และเล่นสนุกเเบบเด็กในร่างของผู้ใหญ่อีกครั้ง

ผู้เขียน

+ posts

ถ่ายภาพเพื่อบันทึกเรื่องราว และบางคราวก็เอาภาพมาเล่าเรื่อง มีความสุขกับการดริปกาแฟ และชื่นชมแคตตัส