ความเคลื่อนไหวคดีล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่ในรอบสัปดาห์ (9-15 เม.ย.)

ความเคลื่อนไหวคดีล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่ในรอบสัปดาห์ (9-15 เม.ย.)

สำหรับข่าวคราวรายละเอียดการดำเนินคดีต่อ 4 ผู้ต้องหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ยังอยู่ในช่วงของติดตามการสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูตและพวก ว่าจะลงเอยที่การสั่งฟ้องจำนวนกี่คดี

ซึ่งหลังจากที่ทางอัยการภาค 7 ได้แถลงผลการพิจารณาคดี นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก จากจำนวนข้อหาทั้งหมดที่พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนไปนั้น และพบว่ามีบางข้อหาที่จะไม่ส่งฟ้อง ทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ดูแลคดีนี้ ได้เรียกพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 มาทำความเห็นแย้งกลับไปยังอัยการ อันถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการสั่งฟ้องดำเนินคดี

โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้นำเอกสารเนื้อหาความเห็นแย้ง 3 ข้อหา ที่อัยการภาค 7 สั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย ประกอบด้วย

(1) ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (2) ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต และ (3) ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่าความเห็นแย้งทั้ง 3 ข้อหานี้ ไม่ได้แย้งแต่เฉพาะในส่วนของผู้ต้องหาที่ 1 คือ นายเปรมชัย แต่ยังรวมถึงผู้ต้องหาอีก 3 คนด้วย ซึ่งเดิมในข้อหาร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตนั้น อัยการภาค 7 ได้สั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ เพียงคนเดียว

ส่วนอีก 2 ข้อหาที่ไม่ได้สั่งฟ้องนายเปรมชัยและทางตำรวจไม่ได้ทำความเห็นแย้งกลับไป คือ ร่วมมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ป่าโดยไม่มีเหตุอันควร นั้นทางตำรวจมีความเห็นตามอัยการ

ขั้นตอนหลังจากนี้ ทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะนำความเห็นแย้งกลับไปพิจารณาอีกครั้ง โดย นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้รับมอบความเห็นแย้งจากทางตำรวจ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จะต้องนำเสนอให้อัยการสูงสุดชี้ขาด โดยคาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จทันฝากขังและสุดท้ายในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนตามปกติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ซึ่งในส่วนนี้ ได้เกิดข้อกังวลว่า หากการพิจารณาของอัยการสูงสุดดำเนินไปอย่างล่าช้า จนครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายไปแล้ว (วันที่ 30 เมษายน) จะทำให้คดีหลุดหรือไม่ ต่อความกังวลดังกล่าว

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 14 เมษายนว่า ถ้าคดีจะขาดอายุความ หรือมีเหตุอย่างอื่นอันจำเป็นต้องรีบฟ้อง ก็ให้ฟ้องคดีนั้นตามความเห็นของอธิบดีกรมตำรวจ รองอธิบดีกรมตำรวจ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดไปก่อน แต่หากไม่ปรากฎเหตุจำเป็นก็ต้องรออัยการสูงสุดชี้ขาดเท่านั้น

ในวันเดียวกันกับที่ตำรวจส่งมอบความเห็นแย้งต่ออัยการสูงสุด นายเปรมชัย กรรณสูต ได้เข้ารายงานตัวต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังจากเดินทางไปต่างประเทศเพื่อติดต่อธุรกิจ (ไม่มีใครทราบมาก่อน) ส่วนการรายงานตัวต่อศาลทองผาภูมินั้น นายเปรมชัยและพวก ยังคงไปรายงานตัวตามนัดทุกครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 9 เมษายน และมีกำหนดไปรายงานตัวเมื่อครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 18 เมษายนนี้

ในส่วนการเฝ้าติดตามโดยองค์กรและสาธารณชนนั้น เร็วๆ นี้ ยังมีกิจกรรมต่างๆ ชวนให้ติดตามกันอีกหลายกิจกรรม เช่น เสวนา เสือดำ และเรื่องที่ …ใหญ่กว่า จัดโดย ชมรมนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง (ทุนคิงส์) ในวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2561 และอีกงานหนึ่งคือ เสวนา จะเดินหน้าต่ออย่างไร : เสือดำไทย วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2561 เวลา 13.30-16.00 น. ณ ห้องจี๊ด เศรษฐบุตร (LT.I) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)

สำหรับกิจกรรมของมูลนิธิสืบนาคะเสถียรเองนั้น หลังจากเมื่อวันที่ 9 เมษายน ได้จัด facebook live วิเคราะห์ความผิดและโทษ หลังอัยการสั่งฟ้องคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ ไปแล้วนั้น ในระยะต่อไปมูลนิธิสืบฯ เตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์และให้ความรู้เกี่ยวกับผืนป่าสัตว์ป่าครั้งใหญ่ในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ รายละเอียดกิจกรรม สามารถติดตามได้ที่ www.seub.or.th และทาง www.facebook.com/SeubNakhasathienFD

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร