เตรียมความพร้อมชุมชนกว่า 7,000 ครัวเรือน ผลักดันการดูแลป่า ฟื้นฟูระบบนิเวศ พร้อมสะสมคาร์บอนเครดิต สร้างความเข้มแข็งในผืนป่าตะวันตก

เตรียมความพร้อมชุมชนกว่า 7,000 ครัวเรือน ผลักดันการดูแลป่า ฟื้นฟูระบบนิเวศ พร้อมสะสมคาร์บอนเครดิต สร้างความเข้มแข็งในผืนป่าตะวันตก

ช่วงตุลาคม 2568 มูลนิธิสืบนาคะเสถียรสรุปผลการดำเนินงาน “โครงการฟื้นฟูแนวเชื่อมต่อของสัตว์ป่าและการสร้างความพร้อมต่อการรับมือสภาพภูมิอากาศในพื้นที่แนวกันชนของผืนป่าตะวันตก” ให้กับธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (HSBC) ผู้สนับสนุนงบประมาณหลักของโครงการ ซึ่งจะดำเนินงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 ปี (ระหว่างปี 2567 – 2569)

โดยโครงการมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่ครัวเรือนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกว่า 7,000 ครัวเรือน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและชุมชนในพื้นที่ อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการปรับตัวและการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ผืนป่าอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ทั้งนี้โครงการได้ดำเนินการ จากการเรียนรู้และการสำรวจคาร์บอนสต็อกจำนวน 4 ป่าชุมชน ซึ่งป่าเป็นประเภทเดียวกัน คือ ป่าเบญจพรรณ สามารถคาดการณ์ได้ว่า สามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 392,040 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ส่งผลให้พื้นที่ป่ามีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับพื้นที่

นอกจากนี้ยังมีการการอบรมพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าและกรรมการป่าชุมชน รวมถึงอบรมจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชนตาม พ.ร.บ. ป่าชุมชน เพื่อเสริมองค์ความรู้ให้กับคณะกรรมการป่าชุมชน และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าเพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชน

มีการส่งเสริมการจัดการชุมชนด้านการจัดการขยะเพื่อช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนนำไปสู่การเป็นชุมชนคาร์บอนต่ำ และส่งเสริมองค์ความรู้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมไปถึงการนำงานวิชาการและเทคโนโลยีมาเป็นฐานในการร่วมจัดการในมิติต่าง ๆ เช่น จัดทำระบบตรวจวัดสภาพอากาศโดยใช้เครื่องมือ 2 ชิ้น คือ REFIRE Report Fire และเว็บไซต์ Hotspot Web Map

โครงการยังได้พัฒนากระบวนการจัดการป่าเพื่อให้การอนุรักษ์เป็นไปอย่างยั่งยืนและครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ การเน้นย้ำความสำคัญของกฎหมายป่าไม้ และการส่งเสริมการจัดการแบบมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ป่าชุมชน แนวทางดังกล่าวช่วยสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดระบบการจัดการป่าที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่

การจัดการทรัพยากรโดยโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนโครงการสามารถเก็บข้อมูล มูลค่าทางเศรษฐกิจพื้นฐานการใช้ประโยชน์จากป่าชุมชน 22000 ไร่ ซึ่งมีมูลค่าโดยรวม 75,925,666 บาทต่อปีในปีที่สอง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 105 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง

ผู้เขียน

+ posts

นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้