“เมื่อเราไม่รู้จัก เราก็อาจไม่รู้สึกถึงความสูญเสีย หากสิ่งเหล่านั้นหายไป” นายแพทย์รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์

“เมื่อเราไม่รู้จัก เราก็อาจไม่รู้สึกถึงความสูญเสีย หากสิ่งเหล่านั้นหายไป” นายแพทย์รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์

สำหรับใครหลายคน การไปเที่ยวป่าอาจหมายถึงการชมความงดงามของธรรมชาติ หรือการไปดื่มด่ำทะเลหมอกสุดสายตา แต่ในมุมมองของ หมอหม่อง – รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์แพทย์และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

หมอหม่องเอ่ยชวนเราทุกคนก้าวข้ามการเป็น ‘นักท่องเที่ยวธรรมดา’ ไปสู่การเป็น ‘นักอ่านป่า’ ที่สามารถตีความและทำความเข้าใจเรื่องราวที่ธรรมชาติกำลังเล่าให้เราฟัง

เรารู้จักธรรมชาติรอบตัวแค่ไหน?

หมอหม่องตั้งคำถามง่าย ๆ แต่สะกิดใจว่า เรารู้จักสัตว์ที่อยู่รอบตัวมากน้อยเพียงใด เช่น หากให้เลือกระหว่างช้างสองตัวว่า ‘ช้างไทย’ คือฝ่ายไหน หรือหากให้ชี้ว่านกตัวไหนคือนกเงือกไทย หลายคนอาจตอบไม่ได้ แม้แต่นกสามัญประจำบ้าน 8 ชนิดที่อยู่รอบตัวเราก็อาจยังไม่รู้จัก

เมื่อเราไม่รู้จัก เราก็อาจไม่รู้สึกถึงความสูญเสียหากสิ่งเหล่านั้นหายไป เช่นเดียวกับการเลือกเห็ดป่าที่กินได้หรือกินไม่ได้ หากขาดความรู้ก็อาจถึงแก่ชีวิตได้ เรื่องนี้สะท้อนว่า คนเมืองกำลังสูญเสียทักษะการสังเกตและประสาทสัมผัสทางธรรมชาติ

อ่านธรรมชาติให้ออก

การเดินทางท่องเที่ยวในป่าไม่ควรจบลงเพียงการ ‘เช็คอิน’ ถ่ายรูปกับป้ายบนยอดดอย แล้วรีบกลับลงมาเหมือนการมีหนังสือดี ๆ อยู่ในมือแต่เราอ่านไม่ออก หมอหม่องชี้ว่า หากเรามีทักษะ ‘อ่านธรรมชาติ’ โลกใบนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าทึ่งมากมาย

ลองนึกภาพการเดินป่า บางคนอาจเห็นเพียงต้นไม้หนาทึบหรือมัวแต่กังวลเรื่องทาก แต่หากมองลึกลงไป ทุกใบไม้มีเรื่องเล่า อย่างตุ่มบนใบที่แท้จริงคือรังของแมลง หรือ ‘ฝอยลม’ ไลเคนสีขาวฟูที่บ่งบอกถึงอากาศบริสุทธิ์ซึ่งไม่มีวันเจอกลางสี่แยกเมืองใหญ่

ป่าคือห้องเรียนของชีวิต

ในป่า ทุกสิ่งล้วนมีความหมาย เรือนยอดอายกัน ต้นไม้ไม่ให้กิ่งใบชนกันราวกับรู้จักรักษาระยะห่าง เครือข่ายเชื้อราใต้ดิน ระบบสื่อสารลับที่ทำให้ต้นไม้แลกเปลี่ยนสารอาหารและสัญญาณ โรงงานรีไซเคิลใต้ถุนป่า เห็ดราและจุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์คืนสู่ดิน

เมล็ดพันธุ์นับหมื่นในป่าอาจงอกขึ้นมาเป็นไม้ใหญ่ได้เพียงหนึ่งต้น แข่งขันกันเพื่อแสงแดด แต่บางพืชเลือกใช้ ‘กลยุทธ์’ เช่น เถาวัลย์ที่ไต่เกาะต้นไม้อื่น หรือเฟิร์นรังนกที่สร้างสวนลอยฟ้าของตัวเอง

สัตว์ป่าก็ไม่ต่างกัน จั๊กจั่นสร้างปล่องป้องกันน้ำท่วม ปลวกย่อยสลายเศษไม้คืนสารอาหาร ผีเสื้อใบไม้ใหญ่อินเดียพรางตัวได้แนบเนียนราวใบไม้แห้ง ส่วน นกเงือก เป็นนักปลูกป่าที่แท้จริง กระจายเมล็ดพันธุ์ไปไกลและช่วยให้เมล็ดงอกง่ายขึ้น

บทเรียนจากความสัมพันธ์ในป่า

สิ่งมีชีวิตในป่าล้วนทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง ต้นไทรที่ผลิดอกออกผลแม้ยามต้นไม้อื่นว่างเปล่า กลายเป็น ‘Keystone Species’ ที่ค้ำจุนทั้งระบบนิเวศ หรือการที่มดอาศัยอยู่ในโพรงต้นไม้แล้วช่วยแลกเปลี่ยนสารอาหาร คือบทเรียนของ การอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัย

แต่เมื่อถนนตัดผ่านป่า ชะนีที่เคยโหนเถาวัลย์ข้ามเรือนยอดก็ต้องแยกจากฝูง การสร้าง Wildlife Corridor หรือทางเชื่อมป่า คือความพยายามใหม่ที่ช่วยให้สัตว์กลับมามีเส้นทางชีวิต

ความรักต้องมาพร้อมความรู้

หมอหม่องเตือนว่า ความรักธรรมชาติเพียงอย่างเดียวไม่พอ หากขาดความรู้ก็อาจก่อผลเสีย เช่น การสร้างฝายในลำธารผิดที่ผิดทางที่ทำให้ระบบน้ำเปลี่ยนแปลง กลายเป็นการทำร้ายโดยไม่ตั้งใจ

เราต้องรักธรรมชาติอย่างมีความเข้าใจ เพราะแม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ อย่างไส้เดือน กิ้งกือ หรือทาก ก็มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศทั้งหมด

ป่าและมนุษย์เรื่องเดียวกัน

โลกนี้ไม่ใช่ของมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นของทุกชีวิตบนโลก หากเรามองธรรมชาติเป็นเพียงทรัพยากร เราก็จะสูญเสียความสามารถในการอยู่รอดไปพร้อมกับมัน สังคมที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือสิ่งมีชีวิต คือสังคมที่มั่นคงและยั่งยืนที่สุด

บทสรุปแปลป่าให้โลกฟัง

หมอหม่องย้ำว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากแม่ผู้สอนให้เป็นคน ‘แปลป่า’ และเชื่อว่าเราทุกคนก็ทำได้เช่นกัน เพราะเรา จะรักเฉพาะสิ่งที่เรารู้จัก และจะรักษาเฉพาะสิ่งที่เรารัก

ดังนั้น การทำความรู้จัก ทำความเข้าใจ และมองเห็นความงดงามของธรรมชาติรอบตัวด้วยหัวใจของเราเอง คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ชีวิตมนุษย์ไม่เพียงอยู่รอด แต่ยังคุ้มค่าและอุดมสมบูรณ์

Seub Life Fest รำลึก 35 ปี สืบ นาคะเสถียร สืบสานงานอนุรักษ์ ขอขอบคุณ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) Pasaya ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) การไฟฟ้านครหลวง NIRAN พวงหรีดรักษ์โลก บริษัท ไอรา เนเชอรัล โพรดักส์ จำกัด และเครื่องดื่ม M-150 ฝาเหลือง บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)

ผู้เขียน

+ posts

นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้