หวั่นผลกระทบ เหมืองโดโลไมต์ แนวกันชนมรดกโลก

หวั่นผลกระทบ เหมืองโดโลไมต์ แนวกันชนมรดกโลก

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ลงพื้นที่ตำบลสองพี่น้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพื่อพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ หลังมีความเคลื่อนไหวจากภาคเอกชนในการยื่นขอประทานบัตรทำเหมืองแร่โดโลไมต์ ด้วยวิธีระเบิดหิน ในพื้นที่ห่างจากแนวเขตมรดกโลกป่าแก่งกระจานไม่ถึง 2 กิโลเมตร และอยู่ใกล้หมู่บ้านของชาวบ้านหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 8

นายสุริยา แท่นนาค หนึ่งในชาวบ้านตำบลสองพี่น้อง เล่าให้กับมูลนิธิสืบนาคะเสถียรฟังว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก หากมีการสร้างเหมืองขึ้นจริง เนื่องจากจะกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน ทั้งมลพิษทางอากาศ เสียง ฝุ่นละออง การสั่นสะเทือนจากการระเบิด และความเสี่ยงจากสารเคมีที่อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงการคมนาคมของรถบรรทุกที่จะวิ่งผ่านชุมชน ซึ่งมีทั้งโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก วัด และสถานพยาบาล

นายสุริยาเล่าย้อนถึงตอนที่ทราบเรื่องโครงการเหมืองในครั้งแรกว่า ชาวบ้านไม่เข้าใจว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร แต่หลังจากศึกษาข้อมูล จึงเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยยังฝากถึงภาครัฐว่าอย่ามองข้ามเสียงของประชาชนตัวเล็ก ๆ เพราะการตัดสินใจอนุมัติเหมืองหนึ่งแห่ง อาจแลกมาด้วยความสูญเสียของอีกหลายชีวิตในพื้นที่

สุดท้ายขอยืนยันว่า ชาวบ้านในตำบลสองพี่น้องจะคัดค้านโครงการเหมืองนี้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ต้องการสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต พร้อมย้ำว่า “เราไม่ต้องการเหมือง เราต้องการป่า”

สุริยา แท่นนาค ชาวบ้านตำบลสองพี่น้อง

เหมือง-อ่างเก็บน้ำ-ทางเลือกของรัฐ หรือทางแยกอนาคตมรดกโลกแก่งกระจาน

นอกจากเสียงของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลสองพี่น้องที่ลุกขึ้นคัดค้านโครงการเหมืองแร่โดโลไมต์แล้ว มูลนิธิสืบนาคะเสถียรซึ่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ก็ออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้น หากโครงการเดินหน้าผ่านการอนุมัติจากภาครัฐ

อรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ระบุว่า พื้นที่ที่บริษัทเอกชนยื่นขอประทานบัตรทำเหมืองนั้น อยู่ห่างจากแนวเขตมรดกโลกป่าแก่งกระจานเพียง 1.14 กิโลเมตรเท่านั้น และยังเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ Buffer Zone ซึ่งถือเป็นแนวกันชนที่มีบทบาทสำคัญทั้งต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่าและวิถีการใช้ประโยชน์ร่วมของชุมชน

อรยุพาเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่มักเรียกผืนป่าแห่งนี้ว่า “ตู้กับข้าว” ของพวกเขา เพราะสามารถพึ่งพิงหาของป่าตามฤดูกาลมาหล่อเลี้ยงชีวิตได้อย่างยั่งยืนมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งหมายความว่าผลกระทบจากเหมือง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สัตว์ป่า แต่รวมถึงชุมชนที่มีวิถีชีวิตพึ่งพิงผืนป่าอย่างแนบแน่น

นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังมีแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติกระจายอยู่โดยรอบ การทำเหมืองอาจก่อให้เกิดสารปนเปื้อนจากกระบวนการผลิต ไหลลงสู่แหล่งน้ำที่ชาวบ้านใช้ในการอุปโภคบริโภค ทั้งยังมีข้อกังวลจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า บริเวณนี้อาจอยู่ในแนวตาน้ำ ซึ่งตามหลักการไม่ควรมีการอนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมเหมืองแร่

ทุกวันนี้ป่าแก่งกระจานเผชิญภัยคุกคามหลายทิศทาง ไม่ใช่แค่โครงการเหมืองเดียว ยังมีอ่างเก็บน้ำป่าเด็งเหนือ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ Buffer Zone เหมือนกัน ถ้าทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกันแล้วเหลืออะไรให้เรียกว่ามรดกโลก

เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ ทิ้งท้ายด้วยคำถามสะท้อนกลับถึงกระบวนการของรัฐ ว่าการผลักดันให้พื้นที่ป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์หรือเพื่อเปิดทางให้โครงการพัฒนาเข้ามารุกล้ำ

อรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ ชี้รัฐต้องตอบให้ชัด เหมืองโดโลไมต์จำเป็นจริงหรือ?

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ตั้งคำถามถึงแนวคิดของภาครัฐต่อการอนุญาตทำเหมืองแร่โดโลไมต์ในพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า รัฐควรตอบให้ชัดว่า “การเปิดเหมืองแร่แห่งใหม่นั้นจำเป็นจริงหรือไม่?”

แร่โดโลไมต์อาจเป็นทรัพยากรที่ขายได้ และสร้างรายได้ให้ประเทศ แต่ถ้าพิจารณาให้รอบด้านแล้ว ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการส่งออกกับความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมเมื่อหักลบกันแล้ว อะไรจะคุ้มค่ากว่ากัน

เพ็ญโฉมระบุว่า จากสถิติการส่งออกแร่โดโลไมต์ปีละ 400-500 ตัน มูลค่าหลายพันล้านบาท แสดงว่าเกินความต้องการใช้ในประเทศ จึงควรถามกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ให้ชัดว่าประเทศไทยจำเป็นต้องใช้แร่โดโลไมต์มากขนาดนั้นจริงหรือ เพราะหากการใช้ภายในประเทศเพียงพอแล้ว การเปิดเหมืองใหม่ย่อมไม่จำเป็น

โดยเฉพาะพื้นที่ที่กำลังพิจารณาเปิดเหมืองอยู่ติดกับหมู่บ้านหนองมะค่า ซึ่งอุดมสมบูรณ์มาก อยู่ใกล้แหล่งมรดกโลก เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด การอนุญาตให้ทำเหมืองตรงนี้ไม่ต่างจากการทำลายสมบัติของประเทศ

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ

แม้แร่โดโลไมต์จะมีประโยชน์ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การเคลือบเตาหลอมเหล็ก อุตสาหกรรมแก้ว เซรามิก และเหล็กกล้า แต่คำถามคือ เหมืองแร่ที่มีอยู่ยังเพียงพอหรือไม่ และทำไมต้องเลือกพื้นที่ป่าสมบูรณ์ใกล้อุทยานแห่งชาติและมรดกโลกมาทำเหมือง และย้ำว่า การทำเหมืองแร่โดยเฉพาะแร่โดโลไมต์ มีความเสี่ยงสูงต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการยุบตัวของดิน ดินถล่ม และสารเคมีปนเปื้อนในแหล่งน้ำใต้ดิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาว ไม่เพียงแต่ต่อระบบนิเวศ แต่รวมถึงสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ด้วย

นอกจากนี้ยังเปรียบเทียบว่า หากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อาจทำให้ฝุ่น สารเคมี และตะกอนจากการทำเหมืองไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่าง คล้ายกรณีเหมืองในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ที่สร้างมลพิษในแม่น้ำกกและส่งผลกระทบต่อประชาชนในระยะยาว

“หากรัฐยังไม่สามารถตอบคำถามพื้นฐานว่า การทำเหมืองที่นี่จะคุ้มค่าหรือไม่ จำเป็นหรือเปล่า เราก็ไม่ควรเดินหน้าโครงการนี้” พร้อมสนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่ลุกขึ้นปกป้องบ้านเกิดและสิ่งแวดล้อมของตนเอง

ผู้เขียน

+ posts

นักสื่อสารผู้หลงใหลในธรรมชาติ เชื่อว่าการเล่าเรื่องที่ดีสามารถเปลี่ยนมุมมองและปลุกพลังการอนุรักษ์ได้