เมื่อฤดูหนาวมาเยือนแร้งสีน้ำตาลหิมาลัยวัยเด็กจะออกเดินทางระยะทางไกลจากถิ่นกำเนิด ข้ามแนวเขาสูงและภูมิประเทศอันกว้างใหญ่นับพันกิโล มุ่งหน้าสู่ดินแดนที่อบอุ่นกว่าอย่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยใช้เส้นทางการอพยพสองเส้นทางจากแหล่งผสมพันธุ์
- เส้นทาง Central Asian Flyway (CAF) มุ่งลงสู่อินเดีย
- และ East Asian–Australasian Flyway (EAAF) ที่พาแร้งสีน้ำตาลหิมาลัยมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แร้งสีน้ำตาลหิมาลัย (Gyps himalayensis) เป็นแร้งที่มีขนาดใหญ่ในสกุล Gyps ที่กระจายอยู่ในเขตชีวภูมิศาสตร์พาลีอาร์กติก และเป็นเพียงชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สูง โดยเฉพาะช่วงฤดูผสมพันธุ์

แหล่งที่อาศัย
- สีเขียว : พื้นที่อาศัย
- สีเทา : พื้นที่ที่คาดว่าใช้ผสมพันธุ์
- สีม่วง : พื้นที่ผสมพันธุ์จากข้อมูลการสังเกตโดยตรง
- สีส้ม : พื้นที่ที่น่าจะใช้ผสมพันธุ์จากข้อมูลพื้นที่ในฤดูร้อนที่ได้จากเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียม
- สีน้ำเงิน : พื้นที่นอกฤดูผสมพันธุ์
เส้นทางการอพยพ
- เส้นสีแดง : ข้อมูลปี 2017
- เส้นสีเหลือง : ข้อมูลปี 2022
- แร้งสีน้ำตาลหิมาลัย หมายเลข KU852 ฤดูหนาวแรก (เส้นสีดำ) และฤดูหนาวที่สอง (เส้นสีน้ำเงิน)
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายของแร้งวัยเด็กเดินทางข้ามพรมแดนแห่งหิมะ ภูเขา และเมฆหมอก มาสู่ผืนป่าภาคตะวันตกและภาคใต้ ในประเทศไทยสามารถพบแร้งอพยพได้มากที่สุดในเดือนธันวาคม แต่อาจยาวไปจึงถึงเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ จากสถิติพบแร้งวัยเด็กกว่า 10-30 ตัว
ด้วยปัจจุบันสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซากสัตว์ขนาดใหญ่ที่เคยเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง การจัดการซากที่ไม่เหลือไว้ให้สิ่งมีชีวิตอื่น แร้งอพยพเหล่านี้จึงต้องเผชิญกับความหิวโหย อ่อนแรง และบางครั้งก็หมดแรงกลางอากาศ ร่วงลงสู่พื้นดินโดยไร้แม้โอกาสได้สยายปีกอีกครั้ง
ในประเทศไทยมีการรายงานการอพยพของแร้งหิมาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) แต่ยังเป็นข้อมูลการสังเกตโดยผู้ดูนกเป็นหลัก จนราวปี 2550 หน่วยฟื้นฟูนกล่าเหยื่อเพื่อปล่อยคืนธรรมชาติของคณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เริ่มบันทึกภาพถ่าย จับสัญญาณดาวเทียม และรับแร้งที่ร่วงตกมาดูแลในโครงการอย่างจริงจัง
“ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ”
4 เมษายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ผืนป่าแม่วงก์-คลองลานบริเวณโมโกจูน้อย กิโลเมตรที่ 83 ได้ต้อนรับการโบยบินอีกครั้งของเหล่าแร้งสีน้ำตาลหิมาลัยจำนวน 5 ตัว ซึ่งได้รับการฟื้นฟูสุขภาพจากอาการอ่อนแรงและขาดอาหาร หลังจากพวกมันร่วงหล่นลงมาตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคใต้ในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา
เบื้องหลังการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในครั้งนี้ คือความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับหน่วยวิจัยนกนักล่าและเวชศาสตร์อนุรักษ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ทำหน้าที่ทั้งดูแล ฟื้นฟู และติดตามชีวิตของแร้งอย่างใกล้ชิด โดยมุ่งหวังให้พวกมันสามารถกลับคืนสู่ระบบนิเวศที่เคยเป็นบ้านของมันได้อีกครั้ง

จากข้อมูลการเก็บสถิติตลอดหลายปีของหน่วยวิจัยนกนักล่าฯ พบว่าแร้งหิมาลัยที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยมีเส้นทางหลักที่พาดผ่านจากภาคเหนือ ลงสู่ภาคตะวันตก และภาคใต้ ขณะที่อีกเส้นทางรองแผ่ขยายออกไปทางภาคอีสานและตะวันออก แม้จะมีจำนวนน้อยกว่าแต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าภูมิทัศน์ของประเทศเราเป็นมากกว่าจุดแวะพัก หากแต่เป็นจุดพึ่งพิงของชีวิตจากฟากฟ้า
เพื่อทำความเข้าใจเส้นทางการอพยพของแร้งให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นักวิจัยได้ติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณดาวเทียม GNSS 4G tracker น้ำหนักเพียง 25 กรัมให้กับแร้งจำนวน 3 ตัวในกลุ่มนี้ ซึ่งจะช่วยส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์จากฟากฟ้ากลับมาสู่ห้องปฏิบัติการบนพื้นดิน เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกแห่งปีกและโลกแห่งการอนุรักษ์

แร้งทั้ง 5 ตัวที่ได้รับโอกาสครั้งใหม่นี้ ได้แก่
- DNP 01 เพศผู้ “น้องฉลอง” พบตกอยู่ที่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต
- DNP 02 เพศเมีย “น้องเขาพนม” พบที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่
- DNP 03 เพศเมีย “น้องมะนัง” พบที่ อ.มะนัง จ.สตูล (ติดอุปกรณ์ติดตาม)
- DNP 05 เพศเมีย “น้องบัว หรือ Yangae” พบที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก (ติดอุปกรณ์ติดตาม)
- DNP 06 / KU1025 เพศผู้ “น้องวาเลนไทน์” พบที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช (ติดอุปกรณ์ติดตาม)
“ชื่อของพวกมันไม่ได้เป็นเพียงรหัสการติดตาม แต่ยังเป็นเครื่องหมายเล็ก ๆ แห่งความหวัง ที่บอกเราว่า การเดินทางของแร้งตัวหนึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กเลยในระบบนิเวศ และการที่พวกมันยังมีโอกาสกลับขึ้นไปโบยบินอีกครั้ง สะท้อนถึงศักยภาพของการฟื้นฟูสัตว์ป่าอย่างมีประสิทธิภาพ”








“ตามรอยสัญญาณดาวเทียม” Yangae กับการเดินทางข้ามแดนฟ้าสู่มองโกเลีย
“Yangae” หรือรหัส DNP5 แร้งสีน้ำตาลหิมาลัยเพศเมียวัยเด็ก ได้โบยบินออกจากขุนเขาในผืนป่าตะวันตกพร้อมสัญญาณดาวเทียมที่เราติดไว้บนหลัง ในช่วง 4 วันแรกหลังปล่อย (จนถึงวันที่ 8 เมษายน) Yangae มุ่งหน้าไปทางเหนือ ผ่านพรมแดนลาวเข้าสู่ภาคใต้ของจีน ละเลยขอบเขตประเทศที่มนุษย์ขีดไว้บนแผนที่ เธอค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านมณฑลยูนนาน และในวันที่ 10 เมษายน ข้อมูลจากอุปกรณ์ติดตามเผยให้เห็นว่าเธอบินผ่าน ทุ่งนาขั้นบันไดซัมบ้า (Samaba Rice Terraces Field) หนึ่งในภูมิประเทศอันเลื่องชื่อของยูนนาน ที่ระดับความสูงระหว่าง 1,800–2,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รวมระยะทางจากจุดปล่อยที่แม่วงก์กว่า 1,000 กิโลเมตร
จากนั้น Yangae ยังเดินหน้าต่อเนื่อง ในวันที่ 24 เมษายน (20 วันหลังปล่อย) เธอถึงมณฑลกานสูใกล้พรมแดนทางเหนือของจีนซึ่งติดกับมองโกเลีย ตลอดเส้นทางนั้น ระดับความสูงในการบินของเธอเฉลี่ยอยู่ที่ 1,200–3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สะท้อนถึงความแกร่งของร่างกายที่ผ่านการฟื้นฟู
ข้อมูลยังเผยให้เห็นว่า ตลอดเส้นทางที่ยาวไกลนับพับกิโล Yangae หยุดพักเพียงไม่กี่ครั้ง โดยใช้เวลาราว 3 วันในบริเวณ Shuimoshi Gorge พื้นที่กึ่งทะเลทรายบนรอยต่อของมณฑลกานสูกับหนิงเซี่ย ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อยชาวหุย นักวิจัยคาดว่า เธอแวะพักเติมพลังด้วยซากสัตว์ในธรรมชาติ ก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง
และในวันที่ 15 พฤษภาคม (41 วันหลังออกจากแม่วงก์) สัญญาณสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้บันทึกว่า Yangae ได้ข้ามเข้าสู่ภาคใต้ของประเทศมองโกเลียสำเร็จ

Valentine กับเส้นทางแห่งหุบเขาและหิมะในทิเบต
“Valentine” หรือ DNP06 แร้งสีน้ำตาลหิมาลัยเพศผู้วัยเด็ก ออกโบยบินจากจุดเดียวกับกับ Yangae โดยใช้เวลากว่า 4 วันแรกของการเดินทาง (จนถึงวันที่ 8 เมษายน) มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านเทือกเขาในจังหวัดตากและแม่ฮ่องสอน ก่อนที่สัญญาณการติดตามจะหายไปชั่วคราว
กว่าเก้าวันต่อมา (17 เมษายน) เราได้รับข่าวจากเขาอีกครั้ง สัญญาณปรากฏขึ้นบริเวณชายแดนระหว่างมณฑลยูนนานของจีนกับรัฐฉานของเมียนมา เส้นทางนี้บ่งชี้ว่า Valentine ไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ยังคงมุ่งหน้าไปตามจังหวะการอพยพที่ฝังอยู่ในสายเลือดของแร้งหิมาลัย
ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน – 12 พฤษภาคม สัญญาณจาก Valentine บันทึกว่าเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขาสูงชันใกล้เมืองเปาซาน (Baoshan) ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน พื้นที่นี้เป็นผืนภูเขาที่สลับด้วยหุบเหวและทางลาดชัน มีความสูงเฉลี่ยตั้งแต่ 1,200 ถึง 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
กระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม (เกือบหนึ่งเดือนหลังเข้าสู่ยูนนาน) Valentine ตัดสินใจออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้เขามุ่งหน้าขึ้นสู่ทิศเหนือ ปลายทางที่ Valentine ไปถึงคือ เขต Chindu County ในเขตปกครองตนเองทิเบต อันเป็นดินแดนที่ห่มคลุมด้วยแนวเทือกเขาสูงกว่า 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะตลอดปี

หมายเหตุ : เส้นทางเดินทางของ valentine สอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัย จากการวิเคราะห์ภูมิวิวัฒนาการ ด้วยสารดีเอ็นเอไมโตคอนเดรียในเลือดของแร้งหิมาลัย ที่พบหมดแรงในประเทศไทย ระหว่าง ปี 2553 – 2564 จำนวน 14 ตัว พบว่า ทิเบต/ที่ราบสูงชิงไห่ เป็น ถิ่นกำเนิดของแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย ที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งถิ่นกำเนิดหรือถิ่นผสมพันธุ์อีกแห่ง ได้แก่ มณฑลเสฉวน ประเทศจีนซึ่งยืนยันด้วยการติดตามด้วยสัญญาณดาวเทียมของแร้ง ชื่อ ควนหม่อน รหัส KU852 เมื่อเดือนเมษายน พศ. 2564
การปล่อยคืนสู่ธรรมชาติอาจไม่ใช่ตอนจบของการฟื้นฟู แต่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่ เพราะการเดินทางกลับที่น่าทึ่งของแร้งสีน้ำตาลหิมาลัยที่ชื่อ Yangae และ Valentine ในครั้งนี้พวกเขายังต้องไปทำหน้าที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ในอนาคตเพื่อเปิดบทการเดินทางใหม่ให้กับแร้งหิมาลัยรุ่นต่อ ๆ ไป
อ้างอิงข้อมูลจาก