นับเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว โครงการกับอบรมพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าต้นแบบ เพื่อส่งเสริมให้หน่วยป้องกันรักษาป่าฯ กรมป่าไม้ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการดำเนินงานเป็นรูปธรรมและสามรถนำไปขยายผลการดำเนินงานในภาพรวมของประเทศได้
กิจกรรมในปีนี้แบ่งการอบรมออกเป็นสองช่วงด้วยกัน ประกอบด้วยช่วงแรก รุ่น 1/2568 ระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคม และช่วงที่สอง รุ่น 2/2568 ระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 30 หน่วย จากทั่วประเทศเข้าร่วมอบรม ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทับเสลา ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี
ภาณุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้บรรยายเปิดการอบรมถึงเป้าหมายการทำงานของมูลนิธิสืบนาคะเสถียรที่ได้ร่วมกับกรมป่าไม้ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกัน ในบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการดำเนินกิจกรรมพัฒนาบริหารพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในผืนป่าตะวันตก มีเป้าหมายและแนวทางดำเนินงานข้อหนึ่งระบุถึงพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ ด้วยการจัดตั้งหน่วยป้องกันรักษาป่าต้นแบบ รวมถึงยังกล่าวถึงการทำงานเรื่อง ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ ที่สุดท้ายนำไปสู่การสร้างรูปธรรมต้นแบบของการจัดการพื้นที่ป่ากันชนมรดกโลก หรือป่ากันชนห้วยขาแข้ง ที่เกิดจากการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน เพื่อให้เกิดการปกป้องผืนป่า สัตว์ป่า เพื่อความยั่งยืนของทุกชีวิต
สำหรับเนื้อหาการอบรมนั้นแบ่งออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ ประกอบด้วย (1) การบรรยายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องหน่วยป้องกันรักษาป่า กับความคาดหวังการเป็นหน่วยป้องกันรักษาป่าต้นแบบ (2) ออกไปศึกษาดูงานการบริหารจัดการของหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นว.1 (แม่กะสี) ซึ่งเป็นหน่วยป้องกันรักษาป่าต้นแบบแห่งแรกที่ได้รับการผลักดันและสนับสนุนจนมีผลงานจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม และ (3) กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ จัดทำแผนการจัดการหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่แต่ละหน่วยจะต้องเขียนวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ออกมาให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ของแต่ละแห่ง มีศศิน เฉลิมลาภ กรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เป็นวิทยากรกระบวนการแนะแนววิธีเขียนวิสัยทัศน์และการวางยุทธศาสตร์





ช่วงหนึ่งของการอบรมอดีตประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ตั้งวงสนทนาต่อถึงความคาดหวังการเป็นหน่วยป้องกันรักษาป่าต้นแบบร่วมกับผู้อบรม ความตอนหนึ่งเปรยว่า เนื่องจากในแต่ละหน่วยมีภารกิจมากมายในการดูแลป่าสงวนแห่งชาติ ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ ทั้งในแง่ป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชน และป่านันทนาการ เมื่อได้รับฟังปัญหาต่างๆ ที่แต่ละหน่วยพบเจอ ได้ความว่า หลักๆ แล้ว จะเป็นปัญหาด้านบุคลากร ที่จำนวนคนไม่สัมพันธ์กับภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ลักษณะงานบางประการที่ไม่เหมาะสมกับหน่วยฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังขาดองค์ความรู้เฉพาะทาง เช่น งานเอกสาร งานเทคโนโลยี งานกฎหมาย อีกทั้ง ยังมีปัญหาด้านอุปกรณ์ และงบประมาณ ที่ไม่ทั่วถึง ในบางหน่วยฯ และที่สำคัญขาดการให้ความสำคัญจากฝ่ายนโยบายมาโดยตลอด
“ดังนั้นจึงต้องการการบริหารบุคลากร การสร้างองค์ความรู้และการพัฒนาบุคลากรใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ รวมถึงการกระจายอุปกรณ์ และงบประมาณ ให้ทั่วถึงทุกหน่วยฯ”
ความเห็นนั้นเมื่อมองไปยังเป้าหมายของกรมป่าไม้ จะเห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกัน อ้างอิงตามรายงานของกรมตอนหนึ่งระบุว่า จากนโยบายและแผนแม่บทพัฒนาการป่าไม้แห่งชาติ จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติงานของกรมป่าไม้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามภารกิจและแผนปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ กรมป่าไม้มีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของหน่วยงานในสังกัด โดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการทำงานประสานกับภาคประชาชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐในการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น
โดยเฉพาะหน่วยป้องกันรักษาป่า จำนวน 408 หน่วยประเทศ มีความจำเป็นต้องปรับบทบาทและภารกิจของหน่วยงานให้มีความครอบคลุมการดำเนินงานด้านป่าไม้ที่หลากหลายเพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับประชาชนเป็นหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในภาพรวมให้กับประเทศ
โครงการจัดตั้งหน่วยป้องกันรักษาป่าต้นแบบ เพื่อพัฒนาศักยภาพการจัดการป่าในระดับพื้นที่ จะเป็นกรณีศึกษาเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ให้มีการบริหารจัดการป่าเชิงพื้นที่ที่ครอบคลุมการดำเนินงานด้านป่าไม้ในทุกมิติและตอบสนองความต้องการของประชาชนในด้านต่างๆ อันจะนำไปสู่การจัดการป่าที่มีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ตามภารกิจของกรมป่าไม้และนโยบายป่าไม้แห่งชาติต่อไป







