ในวันประชุมคณะกรรมการป่าชุมชนพื้นที่ตำบลป่าอ้อ ทองหลาง ระบำ จังหวัดอุทัยธานี ของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีเนื้อหาสรุปผลการเดินลาดตระเวนป่าชุมชนต่างจากการประชุมหนก่อนๆ อยู่เล็กน้อย
จากเดิมเจ้าหน้าที่ของหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ อน.2 (บ้าน กม.53) จะต้องรายงานถึงสิ่งที่พบในพื้นที่ป่าชุมชน แต่หนนี้เรื่องราวส่วนใหญ่ระบุถึงการลาดตระเวนรอบๆ แนวเขตป่าชุมชนแทน ไม่ค่อยได้เจาะเข้าไปในใจกลางป่ากันมากนัก
ส่วนเหตุและผลหาได้เป็นประเด็นอื่นใด ไม่พ้นเรื่องช้างป่าที่เข้ามาหากินในป่าชุมชนไม่เว้นวัน ทางเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าและกรรมการป่าชุมชนจึงเห็นพ้องกันถึงอันตราย เมื่อรู้ว่าเสี่ยงก็ควรเลี่ยงเสียดีกว่า
“อยู่ห่างกันแค่หนึ่งวาเองครับ” พี่เด่น เจ้าหน้าที่ อน.2 แชร์ประสบการณ์ที่เพิ่งเผชิญมาหมาดๆ ให้คณะกรรมการป่าชุมชนฟัง
แกเล่าว่าระหว่างเดินลาดตระเวนอยู่ในป่าชุมชนโป่งมะค่า จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ พอหันไปทางต้นเสียงก็พบช้างป่าตัวเบ้อเริ่มยืนพ่นลมออกจากงวง นาทีนั้นไม่มีคิดอื่นใดนอกเสียจากโกยอ้าวออกมาให้เร็วที่สุด
“ตอนนั้นวิ่งป่าราบเลยครับ”


ประเด็นเรื่องช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชน รวมถึงพื้นที่ป่าชุมชน ซึ่งเป็น ‘ตู้กับข้าว’ ของคนท้องถิ่น นับวันยิ่งสร้างความกังวลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ในรอบสองเดือนที่ผ่านมา (หลังการประชุมหนก่อน ซึ่งจัดทุกๆ สองเดือน) ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น แต่จำนวนช้างและความถี่ของการพบเจอที่ไม่ลดลง นั่นหมายถึงภาระงานของคณะกรรมการป่าชุมชนที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น
ตัวอย่างนั้นปรากฏอีกครั้งในคำบอกเล่าของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไผ่งาม แกบอกว่าเมื่อคืน (ก่อนวันประชุม) มีช้างป่าเดินเข้าหมู่บ้านทั้งหมด 9 ตัว แถมยังแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กระจายกันไปรอบหมู่บ้าน ย้ายไปผลักดันทิศโน้นทีทิศนี้ทีอลเวงกันไม่หวาดไม่ไหว
เครือข่ายผลักดันช้างป่าของชุมชนและเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ทำงานกันอย่างไม่ได้พัก และท่าทางของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไผ่งามที่เดินทางมาร่วมประชุม ก็แสดงความอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อมีนัดหมายประชุมเพื่อหาหนทางบรรเทาสิ่งที่เกิด แม้ต้นทุนจะเหนื่อยหนักสะสมไว้มากแค่ไหน ทุกคนต่างพร้อมใจมาหารือแนวทางป้องกันโดยไม่มีใครอิดออด
การประชุมที่ทุกคนออกค่าน้ำมันเดินทางกันมาเอง มีเพียงอาหารกลางวันหนึ่งมื้อกับกาแฟหนึ่งแก้วตอบแทน หากขนาดหัวใจของคนทำงานไม่ใหญ่จากข้างในจริงๆ กิจกรรมเช่นนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น




วาระหารือในวันวัสสานฤดู (แต่ฝนไม่มาตามนัด) เป็นการวางกติกาการเก็บหาของป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ประชิดติดกับแนวเขตเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่เตรียมผนวกเข้าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในอนาคต
ถึงจะไม่ใช่ประเด็นการแก้ไขปัญหาหรือลดผลกระทบที่กำลังเผชิญจากสัตว์ป่าโดยตรง ที่ต่างหวังพบสีทองผ่องอำไพในเร็ววัน แต่นี่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่อง และส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ไม่มากก็น้อยตามแต่ปริมาณการพึ่งพิ่งของแต่ละครอบครัว
นั่นเพราะในความเป็นมา พื้นที่ส่วนนั้นมีประชาชนจากหลายหมู่บ้านใช้หาอยู่หากินมานมนาน เก็บเห็ด เก็บหน่อไม้ บ้างนำมาปรุงเป็นมื้ออาหารประจำวัน บ้างก็นำไปจำหน่ายในตลาดกลางเมือง เป็นแหล่งสร้างรายได้จากทรัพยากรป่าที่อุดมสมบูรณ์
ซึ่งนับจากอดีตที่ผ่านมาการเก็บหาของป่าที่พื้นที่ส่วนนั้นดำเนินไปอย่างปกติบนกฎกติกาที่กำหนดบังคับไวั ชุมชนท้องถิ่นทุกหมู่ต่างเคารพเงื่อนไขนั้นเป็นอย่างดี เพราะต่างรู้ว่าระเบียบที่ออกมานั้นทำไว้เพื่อความยั่งยืน หากไม่รักษาไว้ตามเงื่อนไข ไม่ช้าไม่นานสิ่งที่เคยมีก็คงหายสิ้นไปหมด
แต่เมื่อวันเวลาเคลื่อนย้าย หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป ความต้องการหาอยู่หากินยังคงดำเนินอยู่ ทว่าเงื่อนไขกลับเพิ่มมากขึ้น
ประเด็นสัตว์ป่าออกมาหากินนอกป่าอนุรักษ์กลายเป็นส่วนซ้อนทับกับที่หาอยู่หากินของชุมชน ครั้นจะเดินดุ่มๆ เข้าไปเก็บหาของป่าเหมือนเมื่อวันวานอย่างคงดำเนินในบทนั้นไม่ได้อีกแล้ว
โดยเฉพาะกับคนที่เดินทางมาจากต่างถิ่น จ่ายค่าน้ำมันรถมาไกลกว่าใครเขา ก็หวังกอบโกยเอาเสียให้คุ้ม แต่ขาดข้อมูลบริบทความเปลี่ยนแปลง
การทบทวนกติกา และการวางแผนประชาสัมพันธ์จึงเป็นอีกหนึ่งงานสำคัญที่ขาดไม่ได้ และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของคนในท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ในการประชุม เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้อธิบายแถลงไขว่ามีข้อห้ามและเรื่องควรระวังอะไรบ้าง


อาทิเช่น ข้อห้ามที่หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย พื้นที่ตรงไหนหาได้ หรือหาไม่ได้บ้าง ส่วนที่ห้ามเข้าสามารถสังเกตสัญลักษณ์อะไรได้ตรงจุดไหน อะไรคือสิ่งของต้องห้าม ไม่ให้พกพาเข้าป่า เวลาอนุญาตให้เก็บหาตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง และห้ามค้างแรมโดยเด็ดขาด
ไปจนเรื่องการติดต่อขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ สามารถโทรไปหมายเลขได้ใดบ้าง ต่อไปยังหน่วยงานใด การจัดทำข้อมูลผู้เข้า การขอบันทึกภาพ เพื่อใช้ช่วยเหลือกรณีหลงป่า และอย่าหลงเชื่อมิจาชีพที่มาเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งอธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการ หรือ ไม่อนุญาตให้บุคคลใดเรียกเก็บเงินค่าบริการในการเข้ามาเก็บหาของป่าในพื้นที่
รวมแล้วข้อปฎิบัติการเก็บหาของป่าในแนวป่ากันชนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมีทั้งหมด 14 ข้อ
แต่ละข้ออธิบายไปอย่างช้าๆ ชักชวนให้ซักถาม และขอมติเบื้องต้นในเวทีประชุมว่าเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการป่าชุมชนไม่ใครติดขัดในเรื่องใด แล้วหลังจากนี้จะมีการประชุมกันอีกครั้งเพื่อกำหนดการประกาศใช้กติกา รวมถึงทำป้ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ต่างๆ และขอความร่วมมือจากคณะกรรมการป่าชุมชนให้กับไปแจ้งเพื่อนบ้านเป็นการประชาสัมพันธ์ในเบื้องต้น
สำหรับในเรื่องข้อปฏิบัติ เรื่องที่ย้ำกันมากเป็นพิเศษ ไม่พ้นหัวข้อ หากพบเห็นสัตว์ป่าที่มีอาการดุร้าย ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ และไม่ให้เข้าใกล้ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน ซึ่งบางคนกังวลว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบได้อย่างไร ถ้าเหตุมันอยู่ตรงหน้าแล้ว
บ้างก็ขออนุโลมปะทัด ลูกบอลระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามพกพาเข้าไปเก็บหาของป่า ก่อนจะตกลงกันได้ว่ากติกานี้ควรคงไว้จะดีกว่า เพราะกังวลว่าจะเป็นอันตรายกับผู้ใช้ รวมถึงไม่การันตีว่าจะใช้ไล่สัตว์ป่าได้จริง
ในหลายๆ กรณี อย่างเช่นประเด็นช้างป่า ต่างมีบทเรียนกันมาแล้วว่าช้างป่าบางตัวไม่กลัวเสียงดังของลูกบอลระเบิดอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังจะวิ่งเข้าหาคนจุดระเบิดอีกต่างหาก สิ่งที่ควรทำที่สุดจึงเป็นการเลี่ยงและออกห่างจะดีกว่า
พร้อมกันนั้นในการประชุม เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ยังได้ย้ำเรื่องการสังเกตพฤติกรรมสัตว์อีกครั้งว่า ถ้าสัตว์ป่าอย่างช้างมีท่าทีอย่างนั้น แสดงถึงอะไร และเราควรออกห่างยังไง
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ถือเป็นงานอีกขั้น เป็นการแจ้งเตือนอีกชั้น ซึ่งเคยมีการพูดคุยถึงวิธีแจ้งเตือนสัตว์ป่า ที่เบื้องต้นอาจใช้การสื่อสารผ่านกลุ่มไลน์เครือข่ายเข้าระวังช้างป่า ว่าแต่ละวันช้างอยู่ตรงไหน และอยู่ใกล้พื้นที่เก็บหาทรัพยากรของชุมชนหรือไม่ อาจเป็นการบินโดรนสำรวจทำข้อมูล แล้วแจ้งเตือนให้ละเว้นการทำกิจกรรมไปก่อน
ซึ่งต่างก็เห็นตรงกันอีกครั้งว่าควรมีมาตรการบางอย่างเกิดขึ้น และควรมีการแจ้งในเร็ววัน


ในท้ายที่สุด การประชุมที่เริ่มต้นจากความกังวลเรื่องช้างป่าและความปลอดภัย จบลงด้วยภาพของคนในชุมชนและเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างกันบนพื้นฐานความเข้าใจร่วม
กติกา 14 ข้ออาจดูเหมือนเพียงชุดข้อความบนกระดาษ แต่แท้จริงแล้วคือคำมั่นสัญญาที่ทุกคนตั้งใจจะรักษา เพื่อให้ป่ายังมีชีวิต และผู้คนยังมีวิถีหาอยู่หากินบนความยั่งยืนและปลอดภัย
ในโลกที่ความเปลี่ยนแปลงเดินเร็วเกินคาด อาจไม่มีสิ่งใดการันตีความราบรื่นของวันพรุ่งนี้ แต่ถ้ายังมีวงประชุมที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะปนความห่วงใย ยังมีคนที่พร้อมลุกขึ้นมาเตือนกันเมื่อใครก้าวพลาดเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ และยังมีหัวใจที่ยอมรับว่า ‘ป่าเป็นของทุกชีวิต’
ความหวังที่จะอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ก็จะไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม
หมายเหตุ : เวทีประชุมคณะกรรมการป่าชุมชน เรื่องระเบียบกติกาการเก็บหาของป่า เป็นการประชุมครั้งที่ 3 จากทั้งหมด 6 ครั้ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโครงการธรรมชาติปลอดภัย
ผู้เขียน
ทำงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ การเขียน เรื่องสิ่งแวดล้อมและดนตรีนอกกระแส - เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตใช้ไปกับการนั่งมองความเคลื่อนไหวของใบไม้และสายลม