“เราจะมาเจอกันทุกๆ สองเดือนนะครับ” – เป็นคำสัญญาจากเจ้าหน้าที่โครงการธรรมชาติปลอดภัยในผืนป่าตะวันตก มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ให้ไว้กับคณะกรรมการป่าชุมชนท้องที่ตำบลป่าอ้อ ทองหลาง และระบำ จังหวัดอุทัยธานี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
พอล่วงถึงพฤษภาคม วาระพบปะของคนทำงานรักษาป่า หรือที่ถูกนิยามคำเรียกใหม่ว่า ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ ก็เวียนกลับมาตามวาจาที่กล่าว
‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’ คืออะไร ทบทวนคำนี้อย่างรวบรัด หมายถึง ทุกๆ คนที่มีส่วนในการอนุรักษ์มรดกโลกห้วยขาแข้งไม่ทางใดทางหนึ่ง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่ว่าจะหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ตลอดจนชุมชน ในพื้นที่ป่ากันชน คณะกรรมการป่าชุมชนที่มาเจอกันต่างก็เป็นหนึ่งของ ‘ครอบครัวห้วยขาแข้ง’
ในวงประชุมที่ไม่จำเป็นต้องมีประธานเปิดพิธี การหารือเริ่มขึ้นอย่างทันด่วนทันใด เรื่องช้างป่าออกมาหากินนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายังเป็นบทสนทนาที่ออกรสเหมือนเคย ต่างคนต่างแชร์ประสบการณ์เรื่องที่ชุมชนตนประสบ เรียกว่าเป็น talk of the town ‘หรือเรื่องที่ทุกคนพูดถึง’ กันในตำบลท้องถิ่นกันทีเดียว
ยิ่งเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนการมาพบปะกัน เพิ่งมีชาวบ้านจากบึงเจริญถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิตระหว่างออกหาอึ่งตามวิถีหาอยู่หากิน บรรยากาศจึงยิ่งเข้มข้นขึ้นเป็นเท่าตัว
ลำพังช้างป่าขโมยพืชผลทางการเกษตรที่ลงทุนลงแรงไว้จนมลายหายสิ้นก็ชวนทดท้อใจมากแล้ว นี่ยังต้องกังวลถึงความปลอดภัยของชีวิตด้วยหรือ – หนึ่งเสียงดังขึ้นกลางห้องประชุมบ้านเขาไม้นวน สถานที่นัดพบปะ


ในนาทีที่อารมณ์ยังครุกรุ่น การได้มาพบปะพูดคุยระบายสิ่งหนักอก แม้มันไม่ส่งผลต่อการแก้ปัญหาโดยตรง แต่การแชร์ประสบการณ์และมุมมองถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ต่อยอดไปสู่การทำงานได้ในที่สุดเช่นกัน
ตัวอย่างหนึ่ง เป็นเสียงสะท้อนมุมมองจากคณะกรรมการป่าชุมชน เขาบอกว่าไม่ค่อยได้แจ้งข้อมูลเรื่องช้างป่าออกมารบกวนผ่านไลน์กลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าแจ้งไปก็ไม่เกิดผลอะไร ส่วนหนึ่งเข้าใจดีว่าทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมีกำลังพลและงบประมาณไม่พอต่องานผลักดันสัตว์ป่าในพื้นที่ป่ากันชนทั้งหมด
ต่อเรื่องนี้เมื่อมองผ่านมุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่า หากช้างป่าเข้าไปในหมู่บ้านใดขอให้แจ้ง อย่างน้อยๆ ข้อความนั้นจะถูกรวบรวมเป็นฐานข้อมูล ทำให้เราทราบว่าพื้นที่ไหนเจอปัญหาบ้าง มีช้างออกมามากแค่ไหน และถึงที่สุดข้อมูลนั้นจะกลายเป็นแผนการทำงาน ที่เชื่อมโยงถึงงบประมาณและการจัดสรรบุคลากรชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังผลักดันช้างป่าและสัตว์ป่าในอนาคต
และไม่ใช่แค่เรื่องสัตว์ป่า อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เช่น สัญญาณเตือนภัยที่ทางเขตฯ นำไปติดตั้งไว้ หากตรงไหนชำรุด หรือใช้ไม่ได้ ขอให้รีบแจ้ง – เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการห้วยขาแข้ง ขยายความ
รวมถึงในเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง และเป็นสาระหลักของการนัดประชุมคราวนี้ อย่างวิถีหาอยู่หากินของชุมชน ที่เริ่มซ้อนทับกับพื้นที่หากินของสัตว์ป่ามากขึ้นเรื่อยๆ


อุดม กลับสว่าง เจ้าหน้าที่โครงการธรรมชาติปลอดภัยในผืนป่าตะวันตก มูลนิธิสืบนาคะเสถียร แจงเรื่องราวว่า ปัญหาสัตว์ป่าออกมาหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์เป็นเรื่องซับซ้อน สถานการณ์ที่เป็นไม่ได้มีแค่ช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชนเพียงอย่างเดียว แต่ยังพบช้างป่ากระจายตัวไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น ในป่าชุมชน ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งบางแห่งเป็น ‘ตู้กับข้าว’ ของชุมชนที่ชาวบ้านต่างเข้ามาใช้ประโยชน์ หาอยู่หากินกันเป็นวิถีมาเนิ่นนาน
และบอกต่อว่า เราคงห้ามชุมชนเก็บหาทรัพยากรในป่าชุมชนไม่ได้ หรือหากต้องห้ามกันจริงๆ ก็ต้องมีทางออกใหม่ให้เขา อาจเป็นการปรับเปลี่ยนวิถีหาอยู่หากินเสียใหม่ ส่งเสริมการเพาะปลูกพืชผักสวนครัวในรั้วบ้าน แต่จุดนั้นเป็นงานระยะยาวที่ไม่สามารถทำได้ในทันที ในวันนี้จึงต้องเริ่มจากสิ่งที่เป็นไปได้ก่อน
วาระสำคัญของการประชุมครอบครัวห้วยขาแข้งของเดือนพฤษภาคมจึงเป็นการชวนคณะกรรมการป่าชุมชนตำบลป่าอ้อ ทองหลาง และระบำ มาร่วมกันแชร์ข้อมูลพื้นที่หาอยู่หากิน เพื่อนำไปสู่การวางแผนการจัดการเรื่องนี้ในอนาคตที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ
ในเวทีประชุม อุดมชักชวนคณะกรรมการป่าชุมชนมาร่วมกันชี้จุดเก็บเห็ดโคน เห็ดเผาะ และหน่อไม้ (ทรัพยากรที่ถูกเก็บหามากที่สุด) บนแผนที่ Google Earth ชุมชนไหนเก็บหาทรัพยากรชนิดใดในบริเวณไหน ทั้งหมดถูกบันทึกไว้เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลศักยภาพชุมชนกับเก็บหาของป่า
โดยส่วนใหญ่ ชุมชนแต่ละแห่งต่างหาอยู่หากินในพื้นที่ป่าชุมชนของตนเป็นหลัก หรือแวะเวียนไปป่าบ้านใกล้เรือนเคียงที่รู้จักมักคุ้นกันบ้าง แต่ที่น่ากังวลเป็นเรื่องคนต่างถิ่นที่มักเก็บหาอย่างมั่วซั่ว หาเกินพอดี และบางครั้งเลยเถิดไปในจุดห้ามเก็บ



เจ้าหน้าที่โครงการธรรมชาติปลอดภัยในผืนป่าตะวันตก อธิบายว่าข้อมูลที่ได้จากคณะกรรมการป่าชุมชนจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลสัตว์ป่าที่ออกมานอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ว่าบริเวณใดบ้างที่ชุมชนและสัตว์ป่าใช้ประโยชน์อยู่ร่วมกันในปัจจุบัน – ซึ่งตรงกับสิ่งที่คณะกรรมการป่าชุมชนอยากทราบ
ถึงที่สุดข้อมูลที่ได้จะถูกประมวลมาเป็นแผนการป้องกันสัตว์ป่าจากการเก็บหาของป่า เพื่อลดเหตุไม่คาดฝัน และเพื่อแจ้งกับคนต่างถิ่นว่าต้องระวังอะไร โดยยังคงประโยชน์แก่ชุมชนพร้อมๆ กับลดความขัดแย้งกับสัตว์ป่าลงเท่าที่พอจะเป็นไปได้
อีกสองเดือนข้างหน้า ในการประชุมครั้งถัดไป ทุกคนหวังพบทางออกให้คนและสัตว์ป่าได้หากินอย่างไม่เบียดเบียนกัน
หมายเหตุ : เวทีประชุมคณะกรรมการป่าชุมชน เป็นกิจกรรมอบรมบูรณการการทำงานร่วมในพื้นที่ครั้งที่ 2 จากทั้งหมด 6 ครั้ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโครงการธรรมชาติปลอดภัย
ผู้เขียน
ทำงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ การเขียน เรื่องสิ่งแวดล้อมและดนตรีนอกกระแส - เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตใช้ไปกับการนั่งมองความเคลื่อนไหวของใบไม้และสายลม