…พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า…’
พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่ราษฎร บ้านถ้ำติ้ว อ.ส่องดาว จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2525
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีควานสนพระราชหฤทัยในความหลากหลายของธรรมชาติ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยอุตสาหะอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในการที่จะอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนา และคุ้มครองความหลากหลายของทรัพยากรธรรรมชาติ ป่าไม้ พันธุ์พืช สัตว์ป่า และสิ่งแวดล้อม เพื่อความเจริญและผาสุกของปวงเหล่าพสกนิกร
ด้วยพระสิริโฉมอันงดงามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กอปรกับความสนพระราชหฤทัยในพืชพรรณต่าง ๆ และการที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการที่จะอนุรักษ์ พื้นฟู พัฒนา และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
เมื่อมีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชให้มีลักษณะเด่น สวยงาม เป็นที่ประจักษ์ หรือมีการค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ หน่วยงานและสถาบันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงขอพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระนามาภิไธย มาตั้งเป็นชื่อของพรรณไม้ เพื่อเทิดพระเกียรติและเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณให้เป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวาง
เกร็ดความรู้ในสัปดาห์นี้ ขอนำเสนอพรรณไม้อันเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตอน พรรณไม้ในพระนามาภิไธย จำนวน 7 ชนิด
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ได้ทรงอนุรักษ์ทุ่งดอกไม้และพรรณไม้เหล่านี้ไว้เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังของไทย ได้ชื่นชมคุณค่าและความงามของดอกไม้ป่าเหล่านี้ตลอดไป

แคทลียาควีนสิริกิติ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cattleya ‘Queen Sirikit’
วงศ์ : Orchidaceae
แคทลียาควีนสิริกิติ์ เป็นกล้วยไม้ลูกผสมระหว่าง Cottleya ‘Bow Bells’ และ Cattleya obrieniana ‘Alba’ ซึ่งบริษัท Black & Flory เป็นผู้ผสมขึ้น และจดทะเบียนชื่อพันธุ์ว่า Exquisite เมื่อปี พ.ศ. 2501 มีความสวยงามมาก และได้รางวัลยอดเยี่ยมจาก The Royal Horticultural Society สหราชอาณาจักร จึงได้มีการขอพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นชื่อกล้วยไม้พันธุ์ดังกล่าวว่า ‘แคทลียาควีนสิริกิติ์’
ลักษณะ : เป็นกล้วยไม้ สูง 20-40 เซนติเมตร ลำลูกกล้วย รูปทรงกระบอก ใบรูปขอบขนาน ดอกออกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 1-4 ดอก สีขาวนวล กลีบปากแผ่กว้าง ขอบกลีบย่นเป็นคลื่น ตรงกลางกลีบมีแต้มสีเหลืองด้านใน เมื่อบานเต็มที่ขนาดผ่านศูนย์กลาง 12-14 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมหวานอ่อน ๆ ออกดอกตลอดปี

กุหลาบควีนสิริกิติ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rosa ‘Queen Sirikit’
วงศ์ : Rosaceae
กุหลาบควีนสิริกิติ์ เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่างกุหลาบพันธุ์ Konigin der Rosen และพันธุ์ Golden Giant ซึ่งลูกผสมใหม่ที่ได้ มีชื่อเรียกสายพันธุ์ว่า Peer Gynt มีความสวยงามตระการตา ได้รับการนำออกเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2511 ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 กุหลาบพันธุ์นี้ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดกุหลาบที่กรุง Belfast ไอร์แลนด์เหนือ สหราชอาณาจักร ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2514 นาย Andre Hendrickx ชาวเบลเยี่ยม ผู้อำนวยการเรือนกุหลาบ Grandes Roseraies du Val de la Loire ประเทศฝรั่งเศส ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธย ควีนสิริกิติ์ เป็นชื่อของกุหลาบพันธุ์นี้
ลักษณะ : เป็นกุหลาบที่ให้ดอกสีเหลืองสด ขอบกลีบเป็นสีส้มแกมชมพูชัดเจน และให้กลิ่นที่มีความหอมเย็นชื่นใจในช่วงเวลาเช้า แต่ไม่ทนต่ออากาศร้อนจัด

ดอนญ่าควีนสิริกิติ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musaen ‘Queen Sirikit’
วงศ์ : Rubiaceae
ดอนญ่าควีนสิริกิติ์ เป็นดอนญ่าลูกผสมระหว่าง Mussaenda ‘Dona Luz’ และ Mussaenda philippica A. Rich. var. aurorae Sulit ซึ่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ได้ผสมขึ้นและขอพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระนามาภิไธย ควีนสิริกิติ์ เป็นชื่อดอนญ่าพันธุ์ใหม่นี้ เมื่อคราที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศฟิลิปปินส์ ในปี พ.ศ. 2506
ลักษณะ : เป็นไม้พุ่ม สูง 1-3 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี ปลายใบแหลม แผ่นใบอ่อนมีขนนุ่มดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด กลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีขนาดใหญ่ สีชมพูอ่อนขลิบขอบด้วยสีแดง กลีบดอกสีเหลือง ส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปสามเหลี่ยม ปลูกเลี้ยงง่าย ราคาไม่แพง จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับกันทั่วไป

โมกราชินี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wrightia sirikitiae D. J. Middleton & Santisuk
วงศ์ : Apocynaceae
เป็นไม้ถิ่นเดียว พบเฉพาะในประเทศไทย พบครั้งแรกบริเวณเขาหินปูน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี มีสถานภาพเป็นไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์
ศ.ดร.ธวัชชัย สันติสุข ได้ค้นพบและเก็บตัวอย่างโมกราชินี จากบริเวณเขาหินปูน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ต่อมาได้มีการตรวจสอบเอกลักษณ์พืชชนิดนี้ร่วมกับ Dr. David J. Middleton ผู้เชี่ยวชาญพันธุ์ไม้สกุลโมก ได้รับการยืนยันว่าเป็นพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก จึงได้ขอพระราชทานพระนามาภิไธย เป็นชื่อพันธุ์ไม้ชนิดใหม่นี้ ในปี พ.ศ. 2543
และได้มีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานนามอันเป็นมงคลยิ่ง ‘โมกราชินี’ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักพฤกษศาสตร์ไทย ที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และเพื่อช่วยอนุรักษ์พืชชนิดนี้ไว้มีให้สูญหาย
ลักษณะ : ไม้ต้น สูงได้ถึง 6 เมตร ทุกส่วนมีน้ำยางขาว ดอกสีขาว ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามปลายยอดดอกย่อยมี 5 กลีบ ขนาด 3-5 เซนติเมตร มีกระบังหน้ากลีบดอกสีขาว ปลายแยกเป็นแฉกคล้ายรัศมี ผลเป็นฝักคู่ สีน้ำตาล ผิวมีแผลจุดระบายอากาศ เมื่อแก่จะแตกตามยาว เมล็ดแบนรี ตรงขั้วมีขนยาว ทำให้ปลิวไปได้ไกล

มหาพรหมราชินี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mitrephora sirikitiae Weeras., Chalermglin & R. M. K. Saunders
วงศ์ : Annonaceae
พันธุ์ไม้หายาก มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยพบที่เขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณชายป่าดิบเขา ที่ระดับความสูงประมาณ 1,100 เมตร ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น และผู้เชี่ยวชาญพืชสกุลนี้คือ Dr. Aruna Weerasooriyaและ Dr. R.M.K. Saunders จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง ได้ร่วมกันตรวจสอบเอกลักษณ์เป็นพืชนิดใหม่ และได้ขอพระราชทานชื่อ มหาพรหมราชินีเป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดนี้ และได้พระราชทานพระราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย เป็นชื่อพันธุ์ไม้ มหาพรหมราชินี มีชื่อวิทยาศาสตร์ Mitrephora sirikitiae เพื่อช่วยอนุรักษ์พืชนิดนี้ไว้ให้คงอยู่ยั่งยืนเป็นสมบัติของลูกหลานไทยต่อไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2547
ลักษณะ : ไม้ต้น สูง 4-6 เมตร ใบเดี่ยว รูปรีแกมขอบขนาน ผิวใบเกลี้ยง ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม ดอกสีขาวแกมม่วง ออกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 1-3 ดอก ใกล้ปลายยอด ดอกบานเต็มที่กว้าง 8-10 เซนติเมตร มี 6 กลีบ เรียงเป็น 2 วง วงนอกกลีบดอกแผ่กว้างปลายแหลม วงในส่วนโคนสีเขียวอ่อน ตอนปลายสีม่วงเข้ม และม้วนงอประกบกันเป็นกระเช้าตรงกลางดอก ผลเป็นผลกลุ่ม มีผลย่อย 10-15 ผล รูปทรงกระบอก ขนาดผ่านศูนย์กลาง 2-2.5 เซนติเมตร

บัวศรีกิตติยา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nymphaea ‘Srikittiya’
วงศ์ : Nymphaeaceae
บัวศรีกิตติยา เป็นบัวสายลูกผสมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดร.เสริมลาภ วสุวัต ผู้เชี่ยวชาญบัว สังเกตพบในปี พ.ศ. 2550 ที่คลองน้ำในบ้านปางอุบล ลักษณะดอกมีขนาดใหญ่ สีแดงแกมชมพูเข้ม กลีบดอกมีจำนวน 32-34 กลีบ เรียงซ้อนกันหลายชั้น ดอกบานกลางคืนและหุบตอนสาย แตกต่างจากบัวชนิดอื่น ด้วยความงามโดดเด่น จึงได้มีการปรับปรุงบัวพันธุ์นี้จนมีสีและรูปลักษณ์สม่ำเสมอคงที่ ไม่ผันแปร
นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ได้เป็นผู้ตั้งชื่อบัว ศรีกิตติยา ตามพระมงคลนามสิริกิติ์ จากนั้น ดร.เสริมลาภ และครอบครัว ได้นำต้นพันธุ์บัวศรีกิตติยานี้ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรุงเทพฯ และต้นแม่พันธุ์ที่ถวายได้รับการนำไปปลูกไว้ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กรุงเทพฯ

บัวควีนสิริกิติ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nymphaea ‘Queen Sirikit’
วงศ์ : Nymphaeaceae
บัวควีนสิริกิติ์ เป็นบัวลูกผสมระหว่างบัวนางกวักสีฟ้าเป็นต้นพ่อ กับบัวพันธุ์เพอรี่ส์ไฟร์โอปอล (Perry’s Fire Opal) ดอกสีชมพูเป็นต้นแม่ได้ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะงดงามโดดเด่นกว่าบัวสายพันธุ์อื่น มีลักษณะเด่น คือมีดอกสีม่วงอมฟ้าสดใส ส่วนปลายกลีบเป็นสีม่วงเข้มชัดเจน เกสรในวงดอกสีเหลือง ตรงปลายยอดเป็นสีม่วงอมฟ้า ดอกบานเต็มที่ในช่วงเช้าและจะค่อยห่อตัวลงในช่วงบ่าย โดยจะมีอายุการบานประมาณ 3 วันจึงโรย
ในการนี้ สมาคมพฤกษศาสตร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระนามาภิไธย เป็นชื่อของบัวพันธุ์ใหม่นี้ในปลายปี พ.ศ. 2554 และ ได้มีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานชื่อ ‘บัวควีนสิริกิติ์’ ให้กับบัวสายพันธุ์ใหม่นี้ ในวันที่ 11 มิถุนายน 2555 เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นเกียรติประวัติ ตลอดจนเป็นขวัญกำลังใจแก่นักวิชาการของไทย ผู้มีความวิริยอุตสาหะ ค้นคว้าวิจัยเพื่อการอนุรักษ์และปรับปรุงพันธุ์บัว จนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
อ้างอิง
- หนังสือ 90 บรมราชินีนาถ พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ จัดทำโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผู้เขียน
สาวแว่นทาสแมวที่ชอบบอกเล่าเรื่องราวผ่านลายเส้น มีธรรมชาติช่วยฮีลใจ และหลงใหลในพระจันทร์เสี้ยว



