โอ้ยยย ละแม่นผู้ใด๋ตั๋วเฮามาเดินป่า เดินง่าย ๆ มือใหม่เดินได้ มือใหม่ผู้ใด๋ ขาใหม่เดินได้ อย่ามาหาตั๋วกันเด้อคุณพี่
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันกระแสของการท่องเที่ยวตามธรรมชาติกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ความสนุกที่มาพร้อมกับความท้าทาย และการพิชิตใจตัวเองที่ได้ไปยังจุดหมายสูงสุดที่ตั้งใจไว้ อุปสรรคของใครหลายคนอาจเป็นเรื่องของระยะทาง ความสูง หรือแม้แต่ความลำบากในเส้นทางการเดิน อย่างไรก็ตาม การเข้าไปยังพื้นที่ธรรมชาติเช่นนั้น คงหนีไม่พ้นสิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก ปลอดภัยหรืออันตราย ก็อาจเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
โดยเฉพาะกับบรรดาสัตว์ตัวเล็กจิ๋วอย่าง ‘ไรอ่อน’ สัตว์ขาปล้องขนาดตัวไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร ที่มาพร้อมกับหน้าที่พิเศษที่อาจไม่อันตรายกับสัตว์ป่าด้วยกันเอง แต่เป็นตัวร้ายกับมนุษย์ หากเจอตัว secret เข้า แล้วไรอ่อนคืออะไร? เจอได้ที่ไหน? และถ้าโดนกัดไปแล้วจะมีอาการอย่างไร? เกร็ดความรู้ในสัปดาห์ชวนรู้จัก ‘ไรอ่อน’ พาหะนำโรคสครับไทฟัส (Scrub Typhus) หรือที่บางคนเรียกว่า โรคไข้รากสาดใหญ่

ไรอ่อน คืออะไร?
‘ไร’ เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก ส่วน ‘ไร’ ที่เป็นพาหะของโรคสครับไทฟัส จัดอยู่ในสกุล Leptotrombidium ซึ่งเป็นแมลงประเภทหนึ่งที่ไม่มีปีก อยู่ในกลุ่มสัตว์ข้อปล้อง ตัวเต็มวัยมีขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 250 ไมโครเมตร ตัวอ่อนจะมีขนาดเล็กกว่าตัวเต็มวัยมาก และอยู่ในระยะที่เป็นพาหะนำโรค เรียกว่า ไรอ่อน (chigger mite)
ไรอ่อนในระยะนี้มีพฤติกรรมเป็นปรสิตภายนอก (ectoparasite) อาศัยอยู่บนตัวของสัตว์มีกระดูกสันหลังหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มสัตว์ฟันแทะ เช่น หนูนา หนูหริ่ง กระแต กระรอก เป็นต้น ไรอ่อนเป็นพาหะนำเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มริกเก็ตเซีย (Rickettsia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Orientia tsutsugamushi ที่ก่อให้เกิดโรคสครับไทฟัส หรือโรคไข้รากสาดใหญ่ โรคไข้รากสาดพุ่มไม้ หรือโรคไข้รากสาดไรอ่อน หรือไรแดง ซึ่งเป็นชื่อโรคเดียวกันทั้งสิ้น
แหล่งที่อยู่อาศัยของไรอ่อน
ตัวเต็มวัยจะอาศัยอยู่ตามพื้นดินที่ชื้นแฉะหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง ใต้ใบไม้เน่า บริเวณใต้ต้นไม้ที่ใบไม้หล่นทับและแสงแดดส่องไม่ถึง ส่วนตัวอ่อนจะอยู่ตามยอดหญ้า หรือใบไม้ เช่น ป่าละเมาะ ทุ่งหญ้าคา หรือริมลำคลอง ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แสงส่องไม่ถึงพื้นดินและมีต้นหญ้าเล็ก ๆ ขึ้นอยู่ใต้ต้น หรือไร่อ้อย นาข้าว เป็นต้น
ในประเทศไทยมีรายงานการพบผู้ป่วยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ เดินป่า ตั้งแคมป์พักค้างแรมตามแนวชายป่า หรือในแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศทั่วประเทศ
สาเหตุของการเกิดโรคสครับไทฟัส
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Orientia tsutsugamushi และมีตัวไรอ่อนเป็นพาหะนำโรค เมื่อไรอ่อนเกาะตามผิวหนังจะกัดผิวหนังเพื่อกินเป็นอาหาร ซึ่งจะทำให้เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ในที่สุด โดยปกติมักพบไรอ่อนอาศัยอยู่ตามซอกหู ใต้ขนบริเวณท้อง ขาหนีบ ข้อพับ ของสัตว์ที่ติดเชื้อโรคในธรรมชาติ แต่สำหรับมนุษย์เป็นตัวให้อาศัยโดยบังเอิญ และเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะทำให้เกิดอาการของโรคขึ้น
อาการของโรคสครับไทฟัส
เมื่อเราถูกไรอ่อนที่ติดเชื้อแบคทีเรีย Orientia tsutsugamushi กัด แบคทีเรียชนิดนี้จะเข้าไปอาศัยอยู่ในเซลล์เพื่อการเจริญเติบโต บางครั้งสามารถพบได้ในเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีการแบ่งตัวและเคลื่อนที่เข้าไปยังเส้นเลือดต่อ เมื่อเชื้อมีปริมาณเพิ่มขึ้น จะเกิดการทำลายเยื่อบุหลอดเลือด อาจทำให้เกิดการรั่วของหลอดเลือดและเกิดจุดเลือดออกในหลอดเลือด ทั้งนี้ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับชนิดเชื้อและภูมิต้านทานของผู้ป่วย
โดยทั่วไป โรคสครับไทฟัส จะมีอาการประมาณ 5 ถึง 14 วัน หลังจากที่ถูกไรอ่อนที่ติดเชื้อแบคทีเรียกัด ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการไข้และปวดศีรษะ อาจมีอาการข้างเคียง อย่างไอ อาเจียน ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ และตามข้อ มีผื่นแดงขึ้นบริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มักจะเป็นใต้ร่มผ้า ใต้สะดือ เอว ขาอ่อน และขาหนีบ
บางรายอาจมีรอยแผลจากการอักเสบคล้ายรอยถูกบุหรี่จี้ เรียกว่า eschar ส่วนคนที่ได้รับยาปฏิชีวนะล่าช้า จะมีอาการตับและม้ามโต ตัวเหลืองซีด ไตวายเฉียบพลัน ช็อกจากการติดเชื้อ ภาวะทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน โดยเฉพาะปอด ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการทำลายของเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ ทำให้มีอัตราการตายมากถึงร้อยละ 30 ถึง 70 หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี
แนวทางการป้องกัน
แม้โรคสครับไทฟัสยังไม่มีวัคซีนฉีดป้องกัน แต่แพทย์จะให้การรักษาโดยการจ่ายยาปฏิชีวนะ อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัวเองจากการถูกไรอ่อนกัดจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ดังนั้น ทุกครั้งที่เราเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง อาทิ พื้นที่ที่มีการระบาดของโรค พื้นที่ที่มีสัตว์ที่เป็นตัวให้อาศัยของไรอ่อนอาศัยอยู่ อย่างป่าละเมาะ พื้นที่เกษตรกรรม ควรใช้ยาทาป้องกันเพื่อไม่ให้ตัวไรอ่อนกัด สวมเสื้อผ้าให้รัดกุม คุมแขนและขา
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ หากมีการพักค้างแรมควรนอนในเต็นท์ หรือมุ้งที่ฉีดยากันไรอ่อน รักษาความสะอาด ตรวจเช็คร่างกายอยู่ตลอดเวลา และสังเกตอาการทันทีหลังกลับออกมาจากพื้นที่เสี่ยง
การปฎิบัติตามกฎระเบียบของพื้นที่อย่างเคร่งครัด การเคารพธรรมชาติ การมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ถือเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด และสามารถเริ่มต้นได้จากตัวเราเอง
อ้างอิง
- ไรอ่อน สัตว์ขาข้ออันตราย | พาหะนำโรคครับไทฟัส
- กรมควบคุมโรค เตือนนักท่องเที่ยวเข้าป่ากางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาว ระวังถูกตัวไรอ่อนกัด เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่
ผู้เขียน
สาวแว่นทาสแมวที่ชอบบอกเล่าเรื่องราวผ่านลายเส้น มีธรรมชาติช่วยฮีลใจ และหลงใหลในพระจันทร์เสี้ยว