ปลายเดือนตุลาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั่งโต๊ะประชุมร่วมกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยคณะทำงาน หารือกันในประเด็นช้างออกมาหากินนอกป่า
เนื้อหาการประชุมถูกเผยแพร่ในวันช่วงเย็นวันเดียวกัน 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568 มีสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียองค์กรต้นสังกัดช่วยกันตีฆ้องร้องป่าว
เป็นข้อสรุปขนาดกระชับใช้เวลาอ่านไม่เกิน 3 นาทีจบ
แต่กว่าเรื่องราวนั้นจะเดินทางมาถึงเครือข่ายเฝ้าระวังสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ จังหวัดอุทัยธานี กลับใช้เวลาอีกหลายวันในเดือนพฤศจิกายน
ไม่ใช่พวกเขาไม่สนใจข่าวสารบ้านเมือง แต่เพราะมีเรื่องพัลวันตรงหน้าให้จัดการ ตื่นมาต้องทำไร่ไถนา ตกเย็นจัดเวรยามเฝ้าระวังช้างป่า วนเวียนเช่นนั้นอยู่ร่ำไป
เนื้อหานโยบายจากเมืองหลวงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ช้างป่า มักอาศัยฟังจากผู้นำชุมชนในวันประชุมหมู่บ้าน หรือไม่ก็ถามไถ่เอาจากเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเอ็นจีโอในพื้นที่เสียมากกว่า
ในหนนี้ก็เช่นกัน
ข่าวสารการประชุมครั้งล่าสุดที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั่งหัวโต๊ะ ถูกแชร์โดยเจ้าหน้าที่โครงการธรรมชาติปลอดภัยของมูลนิธิสืบนาคะเสถียรสู่เครือข่ายเฝ้าระวังฯ ทีมหนึ่ง ระหว่างกิจกรรมมอบเสบียงแก่เครือข่ายฯ ประจำเดือนพฤศจิกายน – โดยเริ่มเล่าว่า รัฐมนตรีเพิ่งประชุมแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่ากับมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเสร็จไป และอธิบายต่ออย่างช้าๆ ว่ามีเรื่องอะไรบ้างเป็นข้อๆ

ข้อ 1 เห็นควรพิจารณาเร่งรัด และกระชับขั้นตอนในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ตามระเบียบกรมอุทยานฯ ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาจากงบกลาง พ.ศ. 2568 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
“รอมานานแล้วครับ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครให้คำตอบชัดเจน หวังว่าครั้งนี้จะได้รับเยี่ยวยาจริงๆ แล้วใช่ไหม ?” ชายคนหนึ่งถามกลับด้วยอารมณ์ไม่ยินดีนัก
ข้อ 2 เห็นควรพัฒนาพื้นที่ที่มีช้างป่าให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยการพัฒนาพื้นที่ ปรับทัศนียภาพ และระบบสาธารณูปโภคให้เหมาะสมต่อการเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบชมสัตว์ป่าในธรรมชาติ (Safari)
“ที่ตำบลระบำทำกลุ่มวิสาหกิจส่งเสริมท่องเที่ยวสัตว์ป่ากันไปแล้ว ชุมชนทำกันเองได้ตั้งนานแล้วครับ” ใครอีกคนแสดงความเห็น และอีกคนถามต่อ “แล้วมันทำแบบนี้ได้ทุกชุมชนหรือเปล่า ?”
ข้อ 3 เสนอร่างการรับบริจาคเงินเพื่อการลดหย่อนภาษีเงินได้ สร้างแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน ในส่วนของช้างป่า และขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาประสานงาน หารือความเป็นไปได้ในการเสนอร่างรับบริจาคเงิน (ช้างพาหนะหรือช้างบ้าน) เพื่อให้สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ เป็นแนวทางเดียวกัน
ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นกับแนวทางข้อนี้
ข้อ 4 ศึกษารูปแบบ Barrier ที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ต่อการป้องกันช้างป่าออกนอกพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นได้เสนอ Barrier ของกรมทางหลวงไว้
“ผมเคยไปดูงานในกลุ่มป่าที่เขาทำกำแพงกันช้างมาแล้วครับ แต่ทุกวันนี้ยังมีข่าวช้างออกมาหากินนอกป่าอยู่เลย”
ข้อ 5 เห็นควรเร่งรัดดำเนินการ ศึกษา ติดตามผลประสิทธิภาพของวัคซีนควบคุมประชากรช้างป่า
“หนูเคยถามเรื่องนี้ไปหลายเวทีแล้วค่ะ เห็นว่ากำลังศึกษากันอยู่ กว่าจะเสร็จคงอีกหลายปี แต่ตอนนี้ปัญหามันอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เราอยากแก้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มากกว่านะคะ”
และอีกคนบอกว่า “เรื่องที่พี่เอามาบอก เคยได้ยินมานานแล้ว เป็นเรื่องเดิมๆ ทั้งนั้น” เขาบอกด้วยน้ำเสียงบ่นอีกคำรบ “ฟังจนเบื่อแล้ว”
“งั้นฟังเรื่องงบประมาณต่อละกัน” เจ้าหน้าที่โครงการธรรมชาติปลอดภัยฯ ตอบกลับ และเริ่มอ่านเนื้อหาข่าวต่อ “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะของบอนุมัติประมาณปี 2569 จากงบกลาง 595,792,460 บาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน”
และแจกแจงรายละเอียดว่า งบถูกแบ่งไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดตั้งเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังผลักดันช้างป่าและสัตว์ป่าที่ออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 105 ชุด การก่อสร้างศูนย์ปรับพฤติกรรมช้างป่า 21 คอก การจัดซื้อรถปฏิบัติการและรถเคลื่อนย้ายช้างป่า ฝึกอบรมทบทวนสร้างความรู้ความเข้าใจ การเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมสถานการณ์ด้วยรถปฏิบัติการเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า การเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนย้ายช้างด้วยรถเคลื่อนย้ายช้างป่า จำนวน 4 คัน ฯลฯ
และมีเรื่องจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังช้างและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 239 เครือข่าย กำกับจำนวนเงินไว้ที่ 11.95 ล้านบาท
หัวข้อนี้ เป็นเรื่องที่คนฟังมีปฏิกิริยาตอบรับในทางผ่อนคลายมากที่สุด
“ถ้าปีหน้าได้เงินเพิ่มก็คงดี” ใครคนหนึ่งแสดงความเห็นออกมาอย่างไม่อายต่อให้ถูกมองเป็นคนโลภก็ตาม

ปัจจุบัน เครือข่ายเฝ้าระวังสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ของจังหวัดอุทัยธานี มีทั้งหมด 5 เครือข่าย ทำงานร่วมกับชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังผลักดันช้างป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเป็นประจำ แต่ไม่ทุกวัน
หากวันไหนมีช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่ชุมชนหลายเหตุการณ์พร้อมกัน เครือข่ายฯ จำต้องพึ่งกำลังของตัวเอง โดยมีงบประมาณสนับสนุนการจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เครือข่ายละ 50,000 บาทต่อปี
งบประมาณนี้ไม่ใช่ใครใคร่เอามาใช้จ่ายได้ตามอำเภอใจ ต้องจัดทำรายละเอียดเป็นโครงการเสนอผ่านหน่วยงานอนุรักษ์ในพื้นที่ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ก่อนส่งต่อถึงกรมอุทยานแห่งชาติฯ
ซึ่งโครงการมักลงรายละเอียดเรื่องความจำเป็นพื้นฐาน ที่ผ่านการหารือกันจนตกผลึกแล้วว่า แต่ละเครือข่ายฯ ควรทำในเรื่องใดก่อนหลัง
ตัวอย่าง บางเครือข่ายเพิ่งเผชิญปัญหาช้างป่าเป็นปีแรก ยังไม่มีสัญญาณเตือนภัย ยังไม่มีรั้วกั้นช้าง ตัวโครงการจึงเขียนเรื่องจัดทำสัญญาณเตือนภัย ลงรายละเอียดการจัดซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ฮอร์นขยายเสียง แบตเตอรี ลวด และเบรกเกอร์ตัดไฟ พร้อมตัวเลขเงินจัดซื้อ
หรือบางเครือข่ายมีสัญญาณแจ้งเตือนแล้ว จึงมองถึงของใช้ที่จำเป็น เช่น เครือข่ายหนึ่งพบว่างานผลักดันช้างป่าของพวกเขาเกิดขึ้นในเวลากลางคืนบ่อย จึงต้องการถ่านไฟฉายสำหรับค้นหาช้าง ซึ่งเป็นของสิ้นเปลือง ใช้แล้วหมดไป ต้องซื้อซ้ำอยู่ร่ำไป
บางสิ่งอาจดูเป็นของเล็กน้อย แต่ทุกรายละเอียดเป็นเหมือนฟันเฟืองของภาพใหญ่ หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง การทำงานก็อาจชะงักงัน
หลังเขียนโครงการผ่าน ได้สิ่งอะไรมาก็แสดงใบเสร็จ ส่งต่อข้อมูลกันง่ายๆ ในกลุ่มไลน์เครือข่ายฯ มีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งช่วยเป็นพี่เลี้ยง เป็นคนกลางประสานงาน เก็บข้อมูลต่างๆ ถึงกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
บางทีมีติดขัดกันบ้างตามประสาชาวบ้านที่ไม่คุ้นเคยกับงานจัดการโครงการ ไปซื้อของในร้านขายของชำแล้วไม่มีใบเสร็จ ก็ช่วยแก้ไขประคับประคองกัน
อย่างไรก็ดี ในงบประมาณที่มีอยู่จำกัด จึงมักมีเสียงบ่นตามมาว่าไม่พอสำหรับทุกเหตุการณ์ บางทีคำนวณไว้แล้วว่าใช้เท่านี้ แต่ช้างดันโผล่มาทุกวัน และโผล่มาวันละหลายรอบเกินจากที่คาดเดา ของที่เตรียมไว้จึงหมดเร็วกกว่ากำหนด ไม่นับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเฉพาะเหตุ ถูกช้างทำลายบ้าง ถูกสภาพอากาศที่ฝนชุกผิดปกติเล่นงานบ้าง แผนที่เตรียมไว้ในโครงการจึงล่มไปเสียก่อนได้ใช้งานตามกำหนด
รวมถึงบางเครือข่ายมีสมาชิกจากหลายหมู่บ้าน พอหารส่วนแบ่งกันแล้วเหลือทำโครงการชุมชนละนิดละหน่อย หากอยากได้อะไรเพิ่มก็ต้องรองบประมาณปีถัดไป
แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นทุกวัน คงไม่แปลกหากบางนาทีมีใครนึกอยากได้เงินสนับสนุนมากกว่าที่เคยได้รับ
เป็นเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่ง ที่หากช่วยส่งต่อกันไปได้ ก็อยากให้ช่วยส่งไปถึงคนกำหนดนโยบายและงบประมาณ
ส่วนข่าวสารจากรัฐมนตรีที่บอกเล่ากันไป หลังไตร่ตรองครบถ้วนทุกกระบวนความ ‘คนเฝ้าช้าง’ ตกผลึกว่าไม่ปฏิเสธนโยบายที่บอกถึงกันมา และไม่มีส่วนใดที่เห็นค้าน
เพียงแค่อยากเห็นการดำเนินงานที่ว่องไวก่อนความสูญเสียครั้งใหม่มาเยือน และให้ความสำคัญกับคนที่เผชิญปัญหาทุกวันมากกว่านี้


ตลอดปี พ.ศ. 2568 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ให้การสนับสนุนเสบียงและอุปกรณ์ผลักดันช้างป่า แก่ชุดเฝ้าระวังผลักดันช้างป่า ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และชุดผลักดันที่จัดตั้งขึ้นของชุมชน เป็นประจำทุกเดือน ในกิจกรรมลาดตระเวนร่วมดูแลป้องกันทรัพยากรในป่าชุมชนและสนับสนุนเสบียงสำหรับเครือข่ายผลักดันสัตว์ป่า โดยใช้งบประมาณจากโครงการธรรมชาติปลอดภัย
ผู้เขียน
ทำงานอิสระที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ การเขียน เรื่องสิ่งแวดล้อมและดนตรีนอกกระแส - เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตใช้ไปกับการนั่งมองความเคลื่อนไหวของใบไม้และสายลม



