นับจาก พ.ศ. 2566 – 2568 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มูลนิธิสืบนาคะเสถียร องค์การแพนเทอราประเทศไทย อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด และชุมชนท้องถิ่น ดำเนินโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์เสือปลา โดยประบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
ณ ช่วงเวลานี้ ถือโค้งสุดท้ายของโครงการ เป็นช่วงการถอดบทเรียนถึงผลการดำเนินโครงการ และแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในหลายมิติ
ทั้งในด้านการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรเสือปลา การลดลงของความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับเสือปลา ตลอดจนเกิดความเข้มแข็งของเครือข่ายชุมชนในการอนุรักษ์สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ที่ถิ่นที่อาศัยที่สำคัญที่สุดของประเทศ
ความสำเร็จเหล่านี้ โดยสรุป สามารถกล่าวได้ว่าเกิดขึ้นจากการประยุกต์ใช้แนวคิดการอนุรักษ์แบบมีส่วนร่วม (Participatory Consercation) ที่เน้นการยกระดับบทบาทชุมนจากการเป็น ‘ผู้ได้รับผลกระทบ’ สู่การเป็น ‘หุ้นส่วนในการอนุรักษ์’ โดยมีปัจจัยความสำเร็จของโครงการ ประกอบด้วย
ปัจจัยด้านการบริหารจัดการโครงการ
ความสำเร็จของโครงการเกิดจากการบริหารจัดการที่มียุทธศาสตร์ชัดเจน และดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน ตลอดระยะเวลา 3 ปี โครงการวางแผนไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่เรื่องการศึกษาเชิงลึกในปีแรก เช่น ข้อมูลการกระจายตัว และการใช้ประโยชน์ที่ดิน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและสร้างการมีส่วนร่วมในปีที่สอง และการสังเคราะห์เพื่อผลักดันเชิงนโยบายในปีที่สาม รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับเสือปลาลดลง ซึ่งชี้วัดได้จากจำนวนการได้รับแจ้งผู้ได้รับผลกระทบจากเสือปลาเข้าไปกินสัตว์เลี้ยงลดลง
การดำเนินงานที่เป็นระบบนี้ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และสามารถวัดผลได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน
หัวใจสำคัญของความสำเร็จของโครงการ คือ การใช้กระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โครงการไม่ได้มองชุมชนเป็นเพียงผู้ได้รับผลกระทบ แต่เป็น ‘หุ้นส่วน’ ในการอนุรักษ์ ความสำเร็จเกิดจากการสร้างกิจกรรมที่หลากหลายและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายต่างๆ เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การพัฒนาอาชีพเสริมอย่างผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงการดึงเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมค่ายและการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ซึ่งช่วยเปลี่ยนทัศนคติเชิงลบให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจร่วมกัน
ปัจจัยด้ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โครงการประสบความสำเร็จในการสร้าง ‘ภาคีเครือข่ายความร่วมมือ’ ที่เข้มแข็ง โดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานวิชาการอย่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี องค์กรพัฒนาเอกชนอย่างมูลนิธิสืบนาคะเสถียร องค์การแพนเทอราประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่อย่างอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด และภาคชุมชน
การมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำเสนอผลวิจัยร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ทุกภาคส่วนเข้าใจบทบาทและเป้าหมายเดียวกัน นำไปสู่การสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเกิดเป็นแผนอนุรักษ์พื้นที่ที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าการดำเนินโครงการจะไม่พบอุปสรรคและความท้าทายใด ในการถอดบทเรียนพบอุปสรรคที่สำคัญ ได้แก่
อุปสรรคด้านการสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วม
แม้จะมีความพยายามอย่างสูง แต่การสร้างการมีส่วนร่วมยังคงมีความท้าทายในบางพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนที่ยังไม่มีแกนนำด้านการอนุรักษ์ที่เข้มแข็ง หรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรงจากเสือปลา อาจยังมีทัศนคติเชิงลบและมองว่าการอนุรักษ์เป็นภาระมากกว่าประโยชน์ การขยายผลการมีส่วนร่วมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มจึงยังเป็นความท้าทายสำคัญ
ความท้าทายด้านวิชาการและการศึกษาเสือปลา
อุปสรรคสำคัญทางวิชาการคือข้อจำกัดของถิ่นอาศัยเสือปลาที่ถูกแบ่งแยก ด้วยโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนเพชรเกษมและทางรถไฟ ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดชิด (Inbreeding) ในระยะยาว และเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของประชากร
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างรวดเร็วรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติยังเป็นความท้าทายต่อการรักษาพื้นที่หากินและแนวเชื่อมต่อของประชากรเสือปลา
ข้อจำกัดด้านงบประมาณและทรัพยากร
การดำเนินงานอนุรักษ์ที่ต้องอาศัยทั้งงานวิจัยภาคสนาม การสร้างการมีส่วนร่วม และการติดตามผลในระยะยาว จำเป็นต้องอาศัยงบประมาณและบุคลากรที่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แหล่งทุนสำหรับโครงการอนุรักษ์มักมีจำกัดและมีระยะเวลาสั้น ความไม่แน่นอนด้านงบประมาณจึงเป็นข้อจำกัดในการวางแผนการดำเนินงานเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว และอาจทำให้กิจกรรมบางอย่างที่ต้องใช้ระยะเวลาในระยะยาว หรือต้องมีการดำเนินงานตามขั้นตอนจึงทำให้การดำเนินงานไม่สามารถทำได้ทันตามระยะเวลา และผลลัพธ์ที่ตั้งเป้าหมายไว้
จากสิ่งที่กล่าวมา สามารถสรุปบทเรียนสำคัญที่ได้รับจากโครงการได้ 3 ประเด็น ประกอบด้วย
บทเรียนด้านการออกแบบและบริหารจัดการโครงการอนุรักษ์
โครงการอนุรักษ์ที่มีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจาก ‘ข้อมูล’ การที่โครงการให้ความสำคัญกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มข้นในปีแรก ทำให้การออกแบบกิจกรรมในปีต่อๆ มาเป็นไปอย่างตรงจุด และมีหลักฐานเชิงประจักษ์รองรับ
บทเรียนสำคัญคือ การออกแบบโครงการต้องมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามข้อมูล และสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และต้องมีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อประเมินผลความสำเร็จในแต่ละระยะ
บทเรียนด้านการทำงานร่วมกับชุมชน
การเปลี่ยน ‘ความขัดแย้ง’ ให้เป็น ‘ความร่วมมือ’ ต้องเริ่มจากการรับฟังและสร้างความเข้าใจ การเข้าไปรับรู้ถึงผลกระทบที่ชุมชนได้รับ (ด้านเศรษฐกิจและสังคม) เป็นกุยแจสำคัญที่ทำให้ชุมชนเปิดใจ
นอกจากนี้ การสร้างผลดประโยชน์ที่จับต้องได้กลืบคืนชุมชน เช่น การส่งเสริมผลิตภัณฑ์กะปิเคยแท้ หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ชุมชนเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์มากกว่าแค่ในเชิงอุดมการณ์
บทเรียนด้านการอนุรักษ์เสือปลาและการจัดการพื้นที่คุ้มครอง
การอนุรักษ์เสือปลาไม่สามารถสำเร็จได้หากดำเนินการเฉพาะภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เนื่องจากถิ่นอาศัยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชุ่มน้ำรอบนอก
บทเรียนที่สำคัญคือ การจัดการพื้นที่คุ้มครองจำเป็นต้องขยายขอบเขตการทำงานออกมาสู่ภูมิทัศน์โดยรอบ และต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้าของที่ดินและชุมชนในการจัดการพื้นที่เอกชนให้เป็นมิตรต่อสัตว์ป่า ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการอนุรักษ์สัตว์ผู้ล่ามี่ใช้พื้นที่กว้างและทับซ้อนกับพื้นที่มนุษย์
โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์เสือปลา โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อ้างอิง
- หนังสือ ถอดบทเรียน โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์เสือปลา โดยประบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นความร่วมมือ (หมายเหตุ ไฟล์หนังสือจะเปิดให้ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดได้ในเร็วๆ นี้)