จาก ‘เทศบาลประจำป่า’ สู่ความฝันในการคืนถิ่น
พญาแร้งไม่ได้เป็นแค่นกขนาดใหญ่ แต่เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของผืนป่า ทำหน้าที่กำจัดซากสัตว์ ลดความเสี่ยงการแพร่โรค และรักษาสมดุลระบบนิเวศ ด้วยเหตุนี้ กรมอุทยานฯ องค์การสวนสัตว์ฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิสืบนาคะเสถียร จึงเริ่มโครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยเดิม
และหนึ่งในกิจกรรมสำคัญ คือ ค่ายเยาวชน “พญาแร้งคืนถิ่น” ที่มุ่งให้เด็กๆ ได้รู้จัก เข้าใจ และเห็นคุณค่าของพญาแร้ง รวมถึงสัตว์ป่าและป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ของเราทุกคน
กิจกรรมนี้ถูกจัดขึ้นให้กับกลุ่มเด็กนักเรียนจาก 6 โรงเรียนในอำเภอลานสัก บ้านไร่ และห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี มารวมตัวกว่า 55 คน พร้อมด้วยรอยยิ้มและความตื่นเต้น

เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ
ค่ายนี้ไม่ใช่แค่การนั่งฟังบรรยาย แต่พาเด็กๆ ก้าวออกจากห้องเรียนสู่การเรียนรู้ที่ใช้ทั้งสมอง หัวใจ และสองมือ กิจกรรมแต่ละช่วงออกแบบให้เต็มไปด้วยการลงมือทำ การสังเกต และการตั้งคำถาม
เด็กๆ เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักสัตว์ป่าในผืนป่าห้วยขาแข้ง ผ่านภาพถ่ายและเรื่องเล่าจากวิทยากร จากนั้นเข้าสู่ ฐานกิจกรรม Big 7 ที่พาไปรู้จัก “เจ็ดสัตว์เด่น” ของผืนป่า ตั้งแต่เสือโคร่ง สมเสร็จ ควายป่า วัวแดง กระทิง ช้างป่า และเสือดำ เด็กๆ ได้เรียนรู้ว่าแต่ละชนิดมีบทบาทอย่างไรในระบบนิเวศ และเพราะเหตุใดเราจึงต้องช่วยกันปกป้อง


ฐานป่าไม้ ชวนเงยหน้ามองไม้ยืนต้นสูงใหญ่ และเข้าใจว่าป่าไม่ได้ให้เพียงร่มเงา แต่ยังเป็นแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย และต้นน้ำของลำน้ำหลายสาย
ในฐานสืบ นาคะเสถียร เด็กๆ ฟังเรื่องราวของชายผู้ยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่า จากนั้นต่อด้วย เกมวาดรูปทายสัตว์ป่าสงวนในประเทศไทย เด็กๆ ร่วมกันวาดภาพสัตว์ป่าสงวนบนกระดาน แล้วยังได้ลองทายชื่อสัตว์จากภาพของเพื่อน บางภาพทำให้ทุกคนหัวเราะ บางภาพสอดแทรกความรู้ใหม่เกี่ยวกับสัตว์หายาก
กิจกรรมนี้ไม่เพียงสอนให้รู้จัก “ผู้ชายคนหนึ่ง” ที่ยืนหยัดเพื่อป่า แต่ยังช่วยให้เด็กๆ จดจำสัตว์ป่าสงวนของไทยในแบบสนุกและไม่ลืม


ปลูกเมล็ดพันธุ์อนุรักษ์ในหัวใจ
พอหมดแสงอาทิตย์ แสงไฟสลัวจากลานกิจกรรมเข้ามาแทนที่ เสริมด้วยเวทีเล็กๆ ที่ประดับด้วยฉากผืนป่าสีเขียว เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังขึ้นทันทีเมื่อเหล่าหุ่นมือตัวเล็กตัวน้อยเริ่มโผล่มาทักทาย นี่คือ “ละครหุ่นมือเพื่อนห้วยขาแข้ง” การแสดงที่ตั้งใจเล่าเรื่องราวการหายไปของพญาแร้งจากท้องฟ้าไทย

เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างน่ารักและเข้าใจง่าย หุ่นพญาแร้งพูดคุยกับเพื่อนสัตว์ป่า เล่าถึงชีวิตในป่าใหญ่และเหตุผลที่มันค่อยๆ หายไป เด็กๆ ไม่เพียงได้รู้ว่าพญาแร้งสำคัญอย่างไร แต่ยังได้รู้จักสัตว์ชนิดอื่นๆ ในป่าห้วยขาแข้ง ทั้งเสือโคร่ง นกเงือก และเก้ง ที่แต่ละตัวมีบทบาทของตนเองในระบบนิเวศ
เสียงหัวเราะสลับกับเสียง “อ๋อ” ของการเข้าใจ ทำให้บรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความใกล้ชิด ละครหุ่นมือในคืนนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การแสดง แต่เป็นบทเรียนอนุรักษ์ที่ซึมลึกเข้าไปในหัวใจของผู้ชมตัวน้อยทุกคน


เช้าวันรุ่งขึ้น

เด็กๆ ออกเดินสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ฟังเสียงนก เสียงลม และเสียงใบไม้ที่ร่วงลงสู่พื้น บางคนได้ลองชิม พริกเคลือบช็อกโกแลต ที่รสชาติไม่ได้หวานตามชื่อ — เป็นกลไกเล็กๆ ของผู้จัดค่ายให้เด็กๆ ได้ลิ้มลองและเปิดประสบการณ์ใหม่ ขณะที่บางคนได้ชิม หมากเม่าที่ยังไม่สุก เปรี้ยวจี๊ดถึงใจ ทำให้ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสนุกสนาน
ความตื่นเต้นพุ่งขึ้นอีกระดับเมื่อบางกลุ่มได้พบ นกแต้วแล้วธรรมดากำลังกกไข่ อยู่ใกล้ทางเดิน เด็กๆ ต่างก้มมองและกระซิบกันด้วยความตื่นเต้น เพราะพวกเขาได้เห็นชีวิตของสัตว์ป่าตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้า

และก่อนจากลากันปิดท้ายด้วย กิจกรรมสร้างสรรค์ ปั้นพญาแร้งจากปูนพลาสเตอร์เป็นของที่ระลึก พกกลับไปเป็นเครื่องเตือนใจถึงเรื่องราวในค่าย

ที่นี่ การเรียนรู้ไม่ได้เกิดจากหนังสือ แต่เกิดจากการได้ “อยู่กับ” ป่า สัตว์ และผู้คนที่ทำงานอนุรักษ์จริงๆ ตลอดกิจกรรม เสียงหัวเราะและคำถามจากเด็กๆ สะท้อนว่าการเรียนรู้ในป่า อาจจะทรงพลังมากกว่าห้องเรียนสี่เหลี่ยม
แม้ค่ายนี้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แต่สิ่งที่ได้แทรกซึมลงไปในใจเด็กๆ คือความเข้าใจในบทบาทของพญาแร้งและสัตว์ป่าอื่นๆ ความผูกพันกับผืนป่า และความรู้สึกว่าตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลบ้านของเรา
วันหนึ่งในอนาคต เราอาจได้เห็นพญาแร้งบินโฉบกลับมาบนฟ้าห้วยขาแข้งอีกครั้ง และบางที เด็กๆ ในวันนี้อาจเป็นคนที่ช่วยให้ภาพนั้นเกิดขึ้นจริง
ผู้เขียน
ผู้ที่อยากบอกเล่าเรื่องราวจากป่า ให้ตรงกับนามสกุล