แถลงการณ์ฉบับที่ 2 คัดค้านการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง

แถลงการณ์ฉบับที่ 2 คัดค้านการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง

องค์กรเครือข่ายด้านอนุรักษ์ธรรมชาติ ออกแถลงการณ์ขอยืนยันเจตนาคัดค้านการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง และขอให้ยกเลิกการพิจารณาวาระการประชุมในการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (12 ธันวาคม 2568) โดยระบุว่ามาตรการและกลไกควบคุมปัจจุบันยังมีช่องว่างสำคัญ ซึ่งอาจทำให้ประชากรนกในธรรมชาติลดลงจนถึงขั้นสูญพันธุ์ได้ หากการปลดบัญชีมีผลบังคับใช้ พร้อมทั้งส่งจดหมายถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แม้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะตั้งคณะทำงาน 4 ชุดเพื่อศึกษา ทั้งด้านประชากร การล่า และการควบคุมการเพาะเลี้ยง แต่องค์กรอนุรักษ์ชี้ว่า ข้อมูลที่ได้ยังไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของประชากรนกในธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนกปรอดหัวโขนยังจัดอยู่ในกลุ่ม มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable) ตามการประเมินของ สผ.

รายงานการสำรวจพบว่า นกส่วนใหญ่กระจายอยู่นอกเขตอนุรักษ์ เช่น ชายป่าและพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้ตกเป็นเป้าการล่าได้ง่าย อีกทั้งตลาดยังต้องการ “นกป่าเสียงดี” มากกว่านกจากการเพาะเลี้ยง จึงเสี่ยงสูงที่แรงจูงใจในการจับจากธรรมชาติจะยิ่งเพิ่มขึ้น หากไม่มีสถานะคุ้มครองมารองรับทางกฎหมาย 

เครือข่ายอนุรักษ์ยังเตือนว่า การปลดบัญชีอาจทำให้ไทยกลายเป็นเส้นทางการค้านกในภูมิภาค เพราะมีข้อมูลการลักลอบนำนกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาอยู่แล้ว หากสถานะคุ้มครองถูกยกเลิก นกจากต่างประเทศอาจปะปนเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น และสร้างภาพลักษณ์ลบเช่นเดียวกับกรณีงาช้างในอดีต

องค์กรอนุรักษ์ทั้ง 5 แห่งจึงเรียกร้องให้ยุติการพิจารณาปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมเร่งสร้างมาตรการควบคุมที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ และบังคับใช้จริง รวมถึงพัฒนาระบบขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงที่ประชาชนเข้าถึงง่าย เพื่อให้การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์เป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว

แถลงการณ์ฉบับที่ 2 คัดค้านการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง

ตามที่คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามีมติเห็นชอบในหลักการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสำรวจประชากรนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติ กำหนดมาตรการป้องกันนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติไม่ให้ถูกล่า รวมถึงการกำหนดแนวทางและการป้องกันมิให้นกปรอดหัวโขนที่ได้จากการเพาะเลี้ยงหลุดออกไปสู่ธรรมชาตินั้น โดยกรมอุทยานฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงาน 4 คณะ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการถอดถอนนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้แก่ คณะอำนวยการ คณะทำงานสำรวจสถานภาพประชากรในธรรมชาติ คณะทำงานมาตรการป้องกันและปราบปรามการล่า และคณะทำงานมาตรการควบคุมการเพาะเลี้ยงและการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ และปัจจุบันคณะทำงานทั้ง 4 คณะ ได้ดำเนินการศึกษาข้อมูลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากการพิจารณาอย่างรอบด้านของภาคประชาสังคม องค์กรอนุรักษ์ และข้อมูลทางวิชาการที่มีอยู่ พบว่า ยังมีช่องว่างเชิงมาตรการ กฎหมาย และกลไกป้องกันความเสี่ยง ซึ่งอาจทำให้ประชากรนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติได้รับผลกระทบรุนแรง จนอาจสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติของประเทศไทยได้ 

นกปรอดหัวโขนมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ประเมินสถานภาพการอนุรักษ์ของนกปรอดหัวโขนอยู่ในกลุ่ม “มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์” (Vulnerable) ซึ่งหมายถึง ชนิดพันธุ์ที่เข้าสู่ภาวะใกล้สูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้ ถ้ายังคงมีปัจจัยต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุให้ชนิดพันธุ์นั้นสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ เช่น การล่า

ดังนั้น องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ตามรายชื่อแนบท้ายขอยืนยันเจตนาคัดค้านการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง และขอให้ยกเลิกการพิจารณาวาระดังกล่าว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1. จากรายงานการสำรวจของกรมอุทยานฯ ประชากรนกส่วนใหญ่อยู่นอกเขตอนุรักษ์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการล่าอย่างสูง โดยกระจายตัวในพื้นที่ชายป่า เกษตรกรรม และชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการล่าโดยตรง ประชากรทั้งประเทศมีแนวโน้มลดลงเป็นที่ประจักษ์ จากเดิมเป็นนกที่พบเห็นได้ทั่วไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย แต่ปัจจุบันเหลือประชากรหลักเพียงพื้นที่ตอนบนของประเทศเท่านั้น โดยเฉพาะในภาคใต้ที่พบการลดลงของประชากรจนแทบสูญหายแม้แต่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้สอดคล้องกับกระแสความนิยมเลี้ยงนกปรอดหัวโขนในพื้นที่ดังกล่าว 

2. ตลาดยังคงต้องการ “นกป่าเสียงดี” มากกว่านกเพาะเลี้ยง ส่งผลให้แรงจูงใจในการจับนกจากธรรมชาติยังคงมีอยู่สูงและอาจเพิ่มมากขึ้นเมื่อกฎหมายไม่สามารถควบคุมได้ ข้อมูลจากสถิติการลักลอบจับชี้ชัดว่าเกิดนอกเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์เป็นหลัก หากมีการปลดออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง จะไม่มีเครื่องมือทางกฎหมายใดควบคุมการล่าในพื้นที่เหล่านี้ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงสำคัญได้อีกต่อไป

3. มาตรการควบคุมหลังปลดบัญชียังไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าจะสามารถบังคับใช้ได้จริง แม้จะมีข้อเสนอ เช่น การใช้ห่วงขามาตรฐาน หรือระบบติดตามตัวนก แต่ในปัจจุบันยังไม่มีข้อใดถูกตราเป็นกฎหมาย ไม่มีบทกำหนดโทษ ไม่มีระบบตรวจสอบแหล่งที่มา และยังไม่มีความพร้อมของหน่วยงานในภาคปฏิบัติ สถานการณ์เช่นนี้ไม่อาจรับประกันได้ว่านกที่ถูกจับจากธรรมชาติจะไม่ถูกนำมาปะปนในระบบการค้าอย่างถูกกฎหมาย นอกจากนี้ยังไม่มีแผนการอย่างเป็นรูปธรรม เช่นระยะเวลา งบประมาณ รวมถึงหน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน มาตรการที่เสนอไว้ตามรายงาน จึงยากที่จะปฏิบัติได้จริง

4. การปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีอาจทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “ช่องทางการค้า” ในระดับภูมิภาค โดยปัจจุบันมีข้อมูลว่านกปรอดหัวโขนจากประเทศเพื่อนบ้านถูกลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย หากมีการปลดจากบัญชีนกที่ถูกจับจากประเทศอื่นอาจถูกนำเข้ามาปะปนในระบบได้ง่ายขึ้น ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดผ่านของการค้านกในภูมิภาคและอาจเกิดปัญหาเช่นเดียวกับกรณีการค้างาช้างที่สร้างภาพลักษณ์ทางลบให้กับประเทศไทยในสายตาสังคมโลกอย่างมาก

5. การปลดนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง และการเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะเลี้ยงได้นั้น ยังขาดข้อมูลทางวิชาการที่รอบด้าน เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริหาร นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กระบวนการผลักดันมีแรงขับเคลื่อนทางการเมืองสูง มีนัยยะทางการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง อาจนำไปสู่การสร้างคะแนนนิยม โดยไม่ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ และการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ตามหลักวิชาการ

ด้วยเหตุนี้ องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ ขอเรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า หยุดดำเนินการปลดนกปรอดหัวโขนออกจากการเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง สร้างมาตรการควบคุมและระบบกำกับติดตามที่สามารถบังคับใช้ได้จริง รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการขึ้นทะเบียนให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความเหมาะสม เพื่ออำนวยความสะดวกการและลดภาระประชาชนที่พร้อมจะทำถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน

ขอแสดงความนับถือ

รายชื่อองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์

  • สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย
  • มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
  • ชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา
  • มูลนิธิโลกสีเขียว
  • ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติโคกขาม